สำนวนไทยที่เราควรรู้ และตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

น้อง ๆ เคยเป็นกันหรือเปล่าคะ เวลาที่อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่มันช่างยาวเหลือเกิน กว่าจะพูดออกมาหมดนอกจากคนฟังจะเบื่อแล้วยังอาจทำให้เขาไม่สนใจคำพูดของเราเลยก็เป็นไปได้ เพราะอย่างนั้นแหละค่ะในภาษาไทยของเราจึงต้องมีสิ่งที่เรียกว่าสำนวนขึ้นมาเพื่อใช้บอกเล่าเรื่องราวที่ถูกกลั่นกรองออกมาจนได้คำที่สละสลวย รวมใจความยาว ๆ ให้สั้นลง ทำให้เราไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาวอีกต่อไป บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปทบทวนความรู้เรื่อง สำนวนไทย รวมถึงตัวอย่างสำนวนน่ารู้ในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมด้วยค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

 

ความหมายและลักษณะของ สำนวนไทย

 

สำนวน หมายถึง ถ้อยคำหรือสำนวนพูดหรือเขียนที่มีความหมายไม่ตรงกับรากศัพท์หรือตรงไปตรงมาตามพจนานุกรม แต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายเป็นอย่างอื่น ขึ้นอยู่กับเรื่องที่กล่าวถึง โดยมีชั้นเชิงของถ้อยคำ ชวนให้คิดหรือตีความ จึงถือว่าเป็นภาษาที่มีความลึกซึ้งซับซ้อน การใช้ถ้อยคำใช้ถ้อยคำในสำนวนไทย มักใช้ถ้อยคำสละสลวย มีสัมผัสคล้องจอง เน้นการเล่นเสียงสัมผัสสระ สัมผัสอักษร เกิดความไพเราะน่าฟัง ทั้งสัมผัสภายในวรรค และระหว่างวรรค จดจำได้ง่าย

 

ลักษณะของสำนวนไทย สามารถแบ่งได้ดังนี้

 

สำนวน

 

  1. มีความหมายเพื่อให้ตีความ มีลักษณะติชมหรือแสดงความเห็นอยู่ในตัว เช่น เกลือเป็นหนอน หรือ กินปูนร้องท้อง เป็นต้น
  2. ลักษณะเป็นคำคมหรือคำกล่าว เช่น ตีหน้าตาย หน้าซื่อใจคด เป็นต้น
  3. ลักษณะเป็นคำอุปมา เช่น ขมเหมือนบอระเพ็ด ใจดำเหมือนอีกา เป็นต้น
  4. ลักษณะเป็นโวหาร มีเสียงสัมผัสกันหรือบางทีก็ย้ำคำ เช่น ข้าวแดงแกงร้อน ขุ่นข้องหมองใจ กินจุบกินจิบ เป็นต้น

 

ตัวอย่างสำนวน

 

สำนวน

 

ที่มาของสำนวน : 

ยกเมฆ มาจากความเชื่อทางไสยศาสตร์ในการดูเมฆ ดูรูปลักษณะของเมฆเพื่อจะดูนิมิตดีร้ายในการกระทำกิจกรรมสำคัญ ๆ เช่น การยกทัพ ถ้าเห็นเมฆเป็นรูปนารายณ์ก็ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี ควรยกทัพได้ แต่ถ้าฤกษ์ยกทัพเกิดความเป็นศูนย์ เมรุเผาศพ ทายว่า ถ้ายกทัพไปรบกับข้าศึกก็จะถูกข้าศึกตีแตกพ่าย แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ยกเมฆจึงกลายเป็นสำนวนเสียดสีคนธรรมดาทั่วไป

ตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน : 

อย่าไปยึดติดกับคำทำนายของหมอดูมากนักเลย หมอดูส่วนใหญ่ก็ยกเมฆกันทั้งนั้น

 

สำนวนไทย

 

ที่มาของสำนวน :

มาจากแกะ ซึ่งส่วนมากจะเป็นสีขาว ส่วนแกะสีดำที่เป็นส่วนน้อย เมื่อนำไปขายจะขายไม่ได้ราคา จึงนำมาเรียกคนที่แตกต่างจากคนอื่น

ตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน : 

เพื่อน ๆ ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบกันหมด ส่วนฉันมัวแต่ไปเที่ยว เป็นแกะดำอยู่คนเดียว

 

สำนวนไทย

 

ที่มาของสำนวน :

มาจากการสวมหน้ากากเพื่อปิดบังอำพรางใบหน้าทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อปิดบังอำพรางใบหน้าที่แท้จริง โดยส่วนใหญ่หน้ากากที่สวมใส่จะเป็นหน้ากากที่ใช้เฉพาะกิจ เช่น สวมในการแสดงละคร หรือ ลิเก หรือ เป็นหน้ากากที่ป้องกันใบหน้าไม่ให้เป็นอันตรายในการทำงานที่ใบหน้า หรือ ดวงตาอาจจะได้รับอุบัติภัยได้ หรือ เป็นหน้ากากป้องกันไอพิษ ฯลฯ การสวมหน้ากากต้องปกปิดใบหน้าที่แท้จริงทำให้ถูกยกมาเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ยอมแสดงด้านที่แท้จริงให้คนอื่นเห็นเหมือนคนที่ใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา

ตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน :

ที่นี่มีแต่เพื่อน ๆ คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันก็ได้

 

สำนวนไทย

 

ที่มาของสำนวน: 

มาจากการชนไก่ ในอดีตก่อนที่จะเอาไก่ไปชน จะต้องเอาถุงคลุมไปจากบ้านเพื่อกันไก่ตื่น เมื่อถึงเวลาก็เปิดถุงปล่อยเข้าสังเวียนชนกันเลยโดยต่างฝ่ายไม่เคยเห็นไก่ก่อน จึงนำมาเปรียบเทียบกับการแต่งงานที่พ่อ-แม่จัดการหาคู่อย่างไรโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่เคยเห็นกันมาก่อน

ตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน :

สมัยนี้คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจับลูกคลุมถุงชนหรอก เธอสบายใจได้เลย

 

 

 

ที่มาของสำนวน :

เป็นการนำคำสองคำมารวมกันคำแรกคือ คอขาด มีความหมายชัดเจนในตัวเองว่าหมายถึงตาย ส่วนคำว่า บาดตาย เป็นคำสร้อยเติมมาให้ดูสละสลวยและเน้นถึงความตายมากขึ้น

ตัวอย่างการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน :

นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ เธออย่าทำเป็นเล่นไป

 

 

 

ที่มาของสำนวน :

ขมิ้นกับปูนเมื่อผสม มันจะออกฤทธิ์ทางเคมีหักล้างกัน โดยขมิ้นจะออกฤทธิ์ลดความเป็นด่างของปูนขาวลง จึงถูกนำมาใช้เปรียบเปรยถึงคนที่ไม่ถูกกัน

ตัวอย่างการนำไปใช้ :

แม่กับป้าเจอกันทีไรต้องมีเรื่องทุกที เหมือนขมิ้นกับปูน

 

จากตัวอย่างที่ยกมา น้อง ๆ จะเห็นเลยใช่ไหมคะว่าสำนวนไทยไม่เพียงแต่มีไว้เพื่อเพิ่มความเข้าใจในการสื่อสารหรือเพื่อความสละสลวยทางภาษาเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยคติ ความเชื่อ รวมไปถึงวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่าทึ่งมากเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้สำนวนไทยจึงถือเป็นมรดกทางภาษาอย่างหนึ่งที่น่าสนใจควรค่าแก่การศึกษาอย่างยิ่ง ด้วยสำนวนที่มีมากมาย น้อง ๆ ทุกคนจะได้เรียนสำนวนไทยเพิ่มเติมกันอีกหลายสำนวนล่ะคะ ดังนั้นอย่าลืมหมั่นทบทวนเพื่อไม่ให้ลืมสำนวนที่เรียนผ่านไปแล้วโดยการชมคลิปการสอนของครูอุ้มที่ได้อธิบายความหมายของสำนวนไว้ ทั้งภาพ ทั้งการสอนที่สนุกของครู รับรองว่าจะทำให้น้อง ๆ ทุกคนจำสำนวนไทยและความหมายได้ไม่ลืมแน่นอนค่ะ

 

 

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

เลขยกกำลัง

เลขยกกำลัง ที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนตรรกยะ

เลขยกกำลัง ที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนตรรกยะ เลขยกกำลัง ที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนตรรกยะมีความเกี่ยวข้องกับกรณฑ์ในบทความ จำนวนจริงในรูปกรณฑ์ จากที่เรารู้ว่า จำนวนตรรกยะคือจำนวนที่สามารถเขียนอยู่ในรูปเศษส่วนของจำนวนเต็มได้ เช่น , , , 2 , 3 เป็นต้น ดังนั้นเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนตรรกยะ ก็คือจำนวนจริงใดๆยกกำลังด้วยจำนวนที่สามารถเขียนในรูปเศษส่วนของจำนวนเต็ม เช่น , เป็นต้น โดยนิยามของเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนตรรกยะ คือ เมื่อ k และ

some any

การใช้ Some และ Any ตามด้วยคำนาม

สวัสดีน้องๆ ม. 2 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้การใช้ some และ any กันแบบเข้าใจง่ายๆ ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูกันเลยครับ

โจทย์ปัญหาแผนภูมิรูปวงกลม

ในบทความนี้เราจะได้เรียนรู้หลักการแก้โจทย์ปัญหาแผนภูมิรูปวงกลมที่จะนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวนและสามารถเข้าใจได้ง่าย

คำเชื่อม Conjunction

การใช้คำสันธาน(Conjunctions)

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ที่รักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้กันเรื่อง “การใช้คำสันธาน(Conjunctions)“ กันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด คำสันธาน(Conjunctions)คืออะไร   คำสันธาน (Conjunctions) คือ คำที่ใช้เชื่อมระหว่างประโยคต่อประโยค คำต่อคำ หรือระหว่างกริยาต่อกริยา และอื่นๆ เช่น for, and, or, nor, so, because, since ดังตัวอย่างด้านล่างเลยจ้า ตัวอย่างเช่น เชื่อมนามกับนาม

ศึกษาตัวบทและคุณค่าของวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา

ราชาธิราช   หลังจากได้ศึกษาประวัติความเป็นมาและเรื่องย่ออย่างคร่าว ๆ ของวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสากันไปแล้ว บทเรียนวันนี้เราจะมาศึกษาเกี่ยวกับตัวบทเด่น ๆ ที่น่าสนใจและคุณค่าที่อยู่ในเรื่องนี้กันค่ะ ไปดูพร้อม ๆ กันเลยนะคะว่าวรรณคดีที่ถูกแปลมาจากพงศาวดารมอญอย่างราชาธิราชเรื่องนี้จะมีตัวบทไหนที่น่าสนใจและให้คุณค่าอะไรบ้าง   ศึกษาตัวบทราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา     บทเด่น ๆ บทที่ 1    บทดังกล่าวเกิดขึ้นในตอนที่สมิงพระรามอาสาไปขี่ม้ารำทวนสู้กับกามะนี

M3 Past Passive

Past Passive คืออะไร

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง Past Passive กันค่ะ ก่อนอื่นจะต้องไปรู้ความหมายกันก่อนน๊าว่ามันคืออะไร พร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด   Past Passive คืออะไร   Past หมายถึง อดีต ส่วน Passive มาจากโครงสร้างของ Passive voice (ประโยคที่ประธานถูกกระทำ เน้นกรรม) เมื่อนำมารวมกันแล้วPast

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1