เปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละฉบับเข้าใจง่ายและเห็นภาพ

บทความนี้จะพาน้องๆ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละ  เนื่องจากหลักการที่ใช้ในการเปรียบเทียบเศษส่วนนี้จะนำไปต่อยอดกับเรื่องต่อไปเช่นเรื่องการบวกและการลบเศษส่วน หลังจากอ่านบทความนี้จบสิ่งที่จะได้รับก็คือ หลักการเปรียบเทียบเศษส่วน วิธีเปรียบเทียบที่เห็นภาพและเข้าใจง่ายร่วมถึงเทคนิคที่จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเปรียบเทียบเศษส่วนได้เร็วยิ่งขึ้น

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สาระสำคัญของการเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละนั้นอยู่ที่การทำตัวส่วนให้เท่ากัน หากเศษส่วนที่นำมาเปรียบเทียบมีตัวส่วนที่เท่ากันอยู่แล้วก็จะง่ายต่อการบอกได้ว่าเศษส่วนไหนมีค่ามากกว่าหรือเศษส่วนไหนมีค่าน้อยกว่า บทความนี้จึงจะแยกประเภทของการเปรียบเทียบเศษส่วนให้ดังนี้

การเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละ

ประเภทของการเปรียบเทียบเศษส่วน

1.การเปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวส่วนเท่ากันและจำนวนคละ

“ส่วนเท่ากัน เศษมากจะมีค่ามากกว่า” ความหมายก็คือ กรณีที่เปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวส่วนเท่ากัน ถ้าเศษมากกว่า เศษส่วนนั้นก็จะมีค่ามากกว่ายกตัวอย่างภาพข้างล่าง

เปรียบเทียบเศษส่วนป.5

เปรียบเทียบเศษส่วนจำนวนคละกับเศษส่วนจำนวนคละที่ตัวส่วนเท่ากัน “จำนวนเต็มมาก่อนเศษส่วนมาหลัง” ความหมายก็คือ เมื่อเปรียบเทียบจำนวนคละสองจำนวน จำนวนคละที่มีจำนวนเต็มมากกว่าจะมีค่ามากกว่าเสมอ แต่ถ้าจำนวนเต็มมีค่าเท่ากันเราจึงพิจารณาเศษส่วนเป็นลำดับถัดไปตัวอย่างภาพข้างล่าง

เปรียบเทียบจำนวนนอนคละ

จำนวนเต็มไม่เท่ากัน

เปรียบเทียบเศษส่วน

จำนวนเต็มเท่ากัน

2.การเปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวเศษเท่ากันและจำนวนคละ

“เศษเท่ากัน ส่วนจะมีค่าสวนทาง” ความหมายก็คือ กรณีที่เปรียบเทียบเศษส่วนที่มีตัวเศษเท่ากัน ตัวส่วนจะมีค่าสวนทางก็คือยิ่งส่วนมากเศษส่วนนั้นก็จะมีค่าน้อยยกตัวอย่างภาพข้างล่าง

เปรียบเทียบเศษส่วนที่ตัวส่วนไม่เท่ากัน

เปรียบเทียบเศษส่วนจำนวนคละกับเศษส่วนจำนวนคละที่ตัวเศษเท่ากัน ทำเช่นเดียวกับกรณีที่เปรียบเทียบจำนวนคละที่มีตัวส่วนเท่ากัน ก็คือให้พิจารณาจำนวนเต็มก่อนแล้วจึงพิจารณาเศษส่วน

เปรียบเทียบจำนวนคละสองจำนวน

จำนวนเต็มเท่ากัน

เปรียบเทียบจำนวนคละที่จำนวนเต็มไม่เท่ากัน

จำนวนเต็มไม่เท่ากัน

3.การเปรียบเทียบเศษส่วนที่ไม่เท่ากันและจำนวนคละ

“ตัวส่วนเท่ากันถึงจะเปรียบเทียบกันได้” ความหมายก็คือ กรณีที่เปรียบเทียบเศษส่วนที่ไม่เท่ากัน ต้องทำให้ตัวส่วนของเศษส่วนทั้งสองจำนวนเท่ากันก่อนเหมือนกับหัวข้อที่ 1 ข้างต้น

การหาค.ร.น.ของตัวส่วน

เปรียบเทียบเศษส่วนจำนวนคละกับเศษส่วนจำนวนคละที่เศษส่วนไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น

รูปการเปรียบเทียบเศษส่วน

4.การเปรียบเทียบเศษเกินกับจำนวนคละ

ทำได้สองวิธีคือ “เปลี่ยนเศษเกินเป็นจำนวนคละ” แล้วใช้หลักการเปรียบเทียบจำนวนคละกับจำนวนคละ และ “เปลี่ยนจำนวนคละเป็นเศษเกิน” แล้วใช้หลักการเปรียบเทียบเศษส่วนกับเศษส่วน ยกตัวอย่างทั้งสองวิธีตามภาพข้างล่าง

ตัวอย่างการเปรียบเทียบเศษส่วน

วิธีที่ 1 “เปลี่ยนเศษเกินเป็นจำนวนคละ”

การเปรียบเทียบเศษเกิน

วิธีที่ 2 ”เปลี่ยนจำนวนคละเป็นเศษเกิน”

สรุปเนื้อหาการเปรียบเทียบเศษส่วนมีทั้งหมด 4 ประเภทตามบทความข้างต้น และตัวอย่างที่ได้ยกมาสามารถนำไปแก้โจทย์ในเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนได้อย่างเข้าใจและทำแบบฝึกหัดได้อย่างถูกต้อง ครั้งหน้ามีบทความเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ที่จะพาน้อง ๆ เข้าใจหลักการต่าง ๆได้ดียิ่งขึ้น หวังว่าจะชอบและติดตามกันต่อไปนะคะ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

หลักการของอัตราส่วนที่เท่ากัน

หลักการของอัตราส่วนที่เท่ากัน

ในบทความนี้เราจะได้เรียนรู้วิธีการในการหาค่าตัวแปรในการใช้สัดส่วน สามารถมารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแก้โจทย์ปัญหาในชีวิตจริงได้ พิจารณาสิ่งที่ต้องการแสดงการเปรียบเทียบโดยการเขียนเป็นอัตราส่วนสองอัตราส่วนอย่างเป็นลำดับและหาค่าของตัวแปรได้

Imperative Sentence

Imperative Sentence: การใช้ประโยคคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำง่ายๆ

สวัสดีครับน้องๆ 🙂 วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องประโยคคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำในภาษาอังกฤษ หรือที่เรียกว่า “Imperative Sentence” กันครับ

รู้ไว้ไม่พลาด! คำที่มักเขียนผิด ในภาษาไทย มีคำว่าอะไรบ้าง?

ปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการสะกดคำในภาษาไทยถือเป็นปัญหาใหญ่หลัก ๆ ของเด็กทุกคนในสมัยนื้ เนื่องจากว่าโลกของเรามีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ในโซเชี่ยลมีเดียพูดคุยกับเพื่อน โดยการจะตัดคำให้สั้นลงหรือเปลี่ยนตัวสะกด ลดการใช้ตัวการันต์ ทำให้เมื่อต้องมาเขียนคำที่ถูกต้องกันจริง ๆ ก็มีเด็ก ๆ หลายคนที่สะกดผิด ไม่รู้ว่าคำที่ถูกต้องเป็นอย่างไร น้อง ๆ อยากลองสำรวจตัวเองดูกันไหมคะว่าคำในภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เราเขียนถูกกันมากน้อยแค่ไหน อยากถามรู้แล้วเราไปดูเรื่อง คำที่มักเขียนผิด พร้อมกันเลยค่ะ   การเขียนสะกดคำ  

ความน่าเชื่อถือของสื่อที่ฟัง

ฟังอย่างไรให้ได้สาระประโยชน์ดี ๆ ด้วยวิธีวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากสื่อที่ฟัง

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคนยินดีต้อนรับเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียนภาษาไทยกันอีกครั้ง สำหรับบทเรียนในวันนี้ต้องบอกว่ามีประโยชน์มาก ๆ และเราควรจะต้องศึกษาไว้เพื่อนำไปใช้ในการฟัง หรือคัดกรองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่เรารับฟังมาให้มากขึ้น ซึ่งเราจะพาน้อง ๆ มาฝึกฝนการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากสื่อที่ฟังกัน เพราะในปัจจุบันเราสามารถรับสารได้หลากหลายรูปแบบมีทั้งประโยชน์ และโทษ ดังนั้น เราจึงต้องมีทักษะนี้ติดตัวไว้แยกแยะว่าสื่อนั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อง ๆ พร้อมแล้วเรามาเริ่มเรียนกันเลย   ความหมายของความน่าเชื่อถือ และสื่อ ความน่าเชื่อถือ หมายถึง

Imperative Sentence: เรียนรู้การใช้ประโยคคำสั่ง ขอร้องในชีวิตประจำวัน

เชื่อว่าชีวิตประจำวันของน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ที่บ้าน หรือเวลาออกไปเที่ยว น้องๆ อาจจะเคยได้ยินประโยคประมาณนี้กันมาบ้าง

Turn off the computer! (จงปิดคอมพิวเตอร์!)

Please pass me the sugar (ช่วยส่งน้ำตาลมาให้ที)

Drink a lot of water (ดื่มน้ำเยอะๆ)

ประโยคเหล่านี้ภาษาอังกฤษมีชื่อเรียกว่า Imperative Sentence วันนี้เราจะมาดูกันว่า Imperative Sentence คืออะไร และสามารถใช้ในสถานการณ์ไหนได้บ้าง

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1