การหาคำตอบของสมการนั้น ต้องใช้สมบัติการเท่ากันมาช่วยในการหาคำตอบ จะรวดเร็วกว่าการแทนค่าตัวแปรในสมการซึ่งสมบัติการเท่ากันที่ใช้ในการแก้สมการได้แก่ สมบัติสมมาตร สมบัติถ่ายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ เรามาทำความรู้จักสมบัติเหล่านี้กันค่ะ
สมบัติสมมาตร
ถ้า a = b แล้ว b = a เมื่อ a และ b แทนจำนวนจริงใด ๆ อาศัยสมบัติสมมาตรในการเขียนสมการแสดงความเท่ากันของจำนวนได้ 2 แบบ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. a = 2 หรือ 2 = a
2. a + b = c หรือ c = a + b
3. -8x =-2 หรือ -2 = -8x
4. 4x + 1 = x – 2 หรือ x – 2 = 4x + 1
5. x = y หรือ y = x
สมบัติถ่ายทอด
ถ้า a = b และ b = c แล้ว a = c เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
อาศัยสมบัติการถ่ายทอดในการเขียนสมการแสดงความเท่ากันของจำนวนได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. ถ้า m = n และ n = 8 แล้วจะสรุปได้ว่า m = 8
2. ถ้า x = 9 + 5 และ 9 + 5 = 14 แล้วจะสรุปได้ว่า x = 14
3. ถ้า x = -7y และ -7y = 1.5 แล้วจะสรุปได้ว่า x = 1.5
4. ถ้า y = 3x + 2 และ 3x + 2 = 5 แล้วจะสรุปได้ว่า y = 5
5. ถ้า Z = p x N และ p x N = k แล้วจะสรุปได้ว่า Z = k
สมบัติการบวก
ถ้ามีจำนวนสองจำนวนที่เท่ากันอยู่แล้วเมื่อบวกจำนวนทั้งสองด้วยจำนวนที่เท่ากันแล้วผลลัพธ์จะเท่ากัน
ถ้า a = b แล้ว a + c = b + c เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
อาศัยสมบัติการบวกในการเขียนสมการแสดงความเท่ากันของจำนวนได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. ถ้า 5 x 2 = 10 แล้ว (5×2) + (-3) = 10 + (-3)
2. ถ้า a = 8 แล้ว a + 2 = 8 + 2
3. ถ้า x + 3 = 12 แล้ว (x + 3) + (-3) = 12 + (-3)
4. ถ้า m = n แล้ว m + p = n + p เมื่อ p แทนจำนวนจริงใด ๆ
5. ถ้า x + 0.5 = 9 แล้ว (x + 0.5) + (-1) = 9 + (-1)
จำนวนที่นำมาบวกกับแต่ละจำนวนที่เท่ากันนั้น อาจจะเป็นจำนวนบวกหรือจำนวนลบก็ได้ ในกรณีที่บวกด้วยจำนวนลบมีความหมายเหมือนกับนำจำนวนลบออกจากจำนวนทั้งสองข้างของสมการ คือ
ถ้า a = b แล้ว a +(- c) = b +(- c) หรือ a – c = b – c เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
นั่นคือ ถ้า a = b แล้ว a – c = b – c เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใดๆ
สมบัติการคูณ
ถ้ามีจำนวนสองจำนวนที่เท่ากัน เมื่อนำจำนวนอีกจำนวนหนึ่งมาคูณจำนวนทั้งสองนั้นแล้วผลลัพธ์จะเท่ากัน
ถ้า a = b แล้ว ca = cb เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
อาศัยสมบัติการคูณในการเขียนสมการแสดงความเท่ากันของจำนวนได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. ถ้า x = y แล้ว 5x = 5y
2. ถ้า m + 2 = 3n แล้ว 4(m + 2) = 4(3n)
3. ถ้า -8x = 16 แล้ว (-8x)(5) = 16(5)
4. ถ้า z = t แล้ว -3z = -3t
5. ถ้า a = 2c แล้ว a(-4) = 2c(-4)
จำนวนที่นำมาคูณกับจำนวนสองจำนวนที่เท่ากันนั้น อาจจะเป็นจำนวนเต็มหรือเป็นเศษส่วนก็ได้ เช่น
ถ้า x = y แล้ว หรือ
และถ้า a = b, c ≠ 0 แล้ว หรือ
นั่นคือ ถ้า a = b แล้ว เมื่อ a,b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ ที่ c ≠ 0
ฝึกทำโจทย์
ให้บอกสมบัติของการเท่ากันในการแก้สมการต่อไปนี้
1) ถ้า x = 5 แล้ว 5 = x
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติสมมาตร
2) ถ้า 4x = 12 แล้ว 12 = 4x
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติสมมาตร
3) ถ้า x = 4a และ 4a = 8 แล้ว x = 8
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการถ่ายทอด
4) ถ้า x – 9 = 13 แล้ว x – 9 + 8 = 13 + 8
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการบวก
5) ถ้า 3x + 5 = b และ b = 20 แล้ว 3x + 5 = 20
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการถ่ายทอด
6) ถ้า x + 1 = 6 แล้ว 2(x + 1) = 2(6)
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการคูณ
7) ถ้า 6x – 2 = 8 แล้ว 6x – 2 + 2 = 8 + 2
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการบวก
8) ถ้า 5 (x – 6) = y + 2 และ y + 2 = 25 แล้ว 5 (x – 6) = 25
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการถ่ายทอด
9) ถ้า แล้ว
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติสมมาตร
10) ถ้า 7x = 49 แล้ว 7x = 49
สมบัติของการเท่ากันที่ใช้ คือ สมบัติการคูณ
สรุป สมบัติของการเท่ากัน
สมบัติสมมาตร : ถ้า a = b แล้ว b = a เมื่อ a และ b แทนจำานวุ่นจริงใด ๆ
สมบัติถ่ายทอด : ถ้า a = b และ b = c แล้ว a = c เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
สมบัติการบวก : ถ้า a = b แล้ว a + c = b + c เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
สมบัติการคูณ : ถ้า a = b แล้ว ca = cb เมื่อ a, b และ c แทนจำนวนจริงใด ๆ
เมื่อน้องๆเรียนรู้เรื่อง สมบัติของการเท่ากัน ทำให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการหาคำตอบของสมการ ซึ่งสามารถนำ สมบัติการเท่ากันมาใช้ในการแก้สมการ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ลำดับต่อไปที่น้องๆต้องเรียนรู้คือ การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ซึ่งจะเป็นการฝึกน้องๆได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ และแก้สมการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
คลิปวิดีโอ สมบัติของการเท่ากัน
คลิปวิดีโอนี้ได้รวบรวม สมบัติของการเท่ากัน ซึ่งประกอบด้วย สมบัติสมมาตร สมบัติถ่ายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ ซึ่งเป็นคลิปสั้นๆ ที่สามารถเข้าใจได้ง่าย แฝงไปด้วยสาระความรู้ และเทคนิค จะทำให้วิชาคณิตศาสตร์เป็นเรื่องง่าย