สวัสดีนักเรียนชั้นม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง” หลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense” พร้อมทั้งตัวอย่างสถานการณ์ใกล้ตัว และเทคนิคการจำและนำ Tense ไปใช้กันจร้า ซึ่ง Simple Present Tenseและ Present Continuous Tense นั้นมีสิ่งที่เหมือนกันคือ อยู่ในรูปปัจจุบัน (Present) เหมือนกัน แต่ก็มีบางกรณีที่ใช้บอกอนาคตได้ จะเป็น Tense อะไรนั้น ต้องไปดูกันอีกทีน๊า หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ
ความหมายของ Present Simple Tense
Present แปลว่า ปัจจุบัน ส่วน Simple แปลว่า ธรรมดา ดังนั้น Present Simple Tense จึงเป็นประโยคที่มี โครงสร้างแบบง่าย ๆ ธรรมดา ที่พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน (Present), ลักษณะนิสัย Habits, ความจริง (Truth) อื่นๆ นั่นเองจร้า
ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ ลักษณะนิสัย (Habits) เช่น
I always get up at 6 o’clock.
ผม/ฉันตื่นนอน เวลา 6 โมง เสมอWe watch a movie every weekend.
พวกเราดูหนังทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์Jimmy likes walking to school everyday.
แปล จิมมี่ชอบการเดินไปโรงเรียนทุกวัน
***ระวังด้วยนะ แม้จะมี walking ในประโยค แต่ประโยคนี้ มีโครงสร้างของ Present simple tense นะจ้ะ ไม่ใช่ Present continuous tense ดูได้จากหน้า walking มีกริยาหลัก (like)อยู่ จุดนี้ผิดบ่อยมากๆ
ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็น ความจริง เป็นนิรันดร ข้อเท็จจริง (Truth) เช่น
The sun rises in the east.
แปล ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิตย์ตะวันออกBangkok is the capital city of Thailand.
แปล กรุงเทพ เป็นเมืองหลวง ของประเทศไทยหรือ ในคำคมต่างๆ ที่มักใช้บ่อยๆ เช่น
Time waits for no man.
เวลาไม่เคยคอยใครTime flies.
เวลาผ่านแล้วผ่านไป
รูปประโยคของ Present Simple Tense
- ประโยคบอกเล่า
โครงสร้างของประโยคบอกเล่า : Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)
ทั้งนี้คำกริยาช่องที่ 1 นั้นจะมีการเติม s หรือ es ถ้าหากประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) แต่ถ้าประธานเป็น I, You หรือประธานพหูพจน์ (You (หลายคน), We, They) ให้คงรูปคำกริยานั้น ๆ ไว้เช่นเดิม เช่น
My auntie gives a red envelope to me every Chinese New Year.
แปล คุณป้าของฉันให้ซองอั่งเปาในทุกๆเทศกาลตรุษจีน
They sit in the front of the row often.
แปล พวกเขานั่งแถวหน้าบ่อยๆ**ประโยคนี้ประธานคือ They เป็นพหูพจน์ กริยาคือ enjoy จึงไม่ต้องเติม -s หรือ -es ที่ท้ายกริยา
ข้อสังเกต :
หลักการเติม s,es นั้นง่ายนิดเดียว คือ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย sh, ch, o, s, ss, x, z ให้เติม es เมื่อประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It, A dog, John) เช่น
ตัวอย่าง:
Johnny fixes a printer at work.
จอนนี่ซ่อมเครื่องปริ้นในที่ทำงาน
- ประโยคคำถาม
โครงสร้างของประโยคคำถามใน Present Simple Tense มีสองรูปแบบคือ
- แบบที่ 1 : Verb to be + Subject + Object/Complement + (คำบอกเวลา) ? เช่น
ประโยคบอกเล่า: Tina is Danniel’s twin sister.
แปล ตีน่าเป็นน้องสาวฝาแฝดของแดนเนียล
ประโยคคำถาม: Is Tina Danniel’s twin sister?
แปล ตีน่าเป็นน้องสาวฝาแฝดของแดนเนียลเหรอ
- แบบที่2: การใช้ Wh-question กับ do/does เช่น
What do you like? หรือ What do you dislike? คุณชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร
What does he/she like ? จะแปลว่า เขา หรือ เธอชอบอะไร
นักเรียนสามารถแต่งประโยคตามโครงสร้างง่ายๆได้ดังนี้ค่ะ Subject + like or dislike + V.ing. จะแปลว่า ฉัน หรือ ผม ชอบ หรือ ไม่ชอบ การ… อาจจะมีคนสงสัยว่า “V.ing” นี้หมายถึงอะไร ขอตอบเลยละกันว่า มันก็คือ Gerund นั่นเองค่ะเช่น
Baifern likes drawing a picture.
แปล ใบเฟิร์นชอบการวาดรูป
การใช้ Present Continuous Tense
โครงสร้างประโยค Present Continuous Tense:
Subject + is, am, are + V.ing
ตัวอย่างการแต่งประโยค Present Continuous Tense:
- อธิบายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น เช่น
My brother is playing a football right now.
น้องชายของผมกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ตอนนี้ - บอกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในระหว่างช่วงเวลานี้ ความฮิตของเหตุการณ์ปัจจุบัน บนโลกโซเซียลต่างๆ
เช่น
Is she having a Tiktok account?
หล่อนมีบัญชี Tiktok มั้ยนะ - อธิบายสิ่งหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่มีการวางแผน ล่วงหน้าไว้แล้ว
เช่นThey are leaving for a shift soon.
พวกเขาจะไปเข้ากะเร็วๆนี้
คำบอกเวลาของ Present Continuous Tense เช่น
right now = ตอนนี้
now= ตอนนี้
at the moment =ขณะนี้
at this moment = ขณะนี้
หลักการเติม ” –ing”
- คำกริยานั้นมีสระเสียงสั้น a, e, i, o, u อยู่หน้าพยัญชนะท้าย หรือคำกริยานั้น ๆ มีตัวสะกดเพียงตัวเดียว ก่อนเติม -ing ให้เพิ่มตัวสะกด แล้วจึงเติม –ing นะจ้ะ เช่น
cut จะได้ cutting
shop จะได้ shopping
- หากคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -e ให้ตัด -e ทิ้งแล้วเติม -ing เช่น
make จะได้ making
smoke จะได้ smoking
- ถ้าเจอคำกริยาที่มีสระ 2 ตัว (a, e, i, o, u) ให้เติม -ing ได้เลยเด้อ เช่น
cook จะได้ cooking
read จะได้ reading
- หากว่าคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -ie ให้เปลี่ยน -ie เป็น y แล้วจึงเติม –ing ได้เลยจร้า เช่น
lie จะได้ lying
die จะได้ dying
กริยาที่ไม่ใช้ใน Continuous Tenses
ได้แก่ กริยาที่แสดงการรับรู้ (verbs of perception) แสดงภาวะของจิตใจ (state of mind) ความรู้สึก (feeling) หรือความสัมพันธ์ (relationship)
ได้แก่
matter = มีความสำคัญ
fit = เหมาะ
taste =ได้รส, รู้รส
belive = เชื่อ
feel = รู้สึก
know =รู้
contain =บรรจุ
smell= ได้กลิ่น
กริยาบางตัวไม่สามารถนำมาใช้ใน Present Continuous Tense ได้ ต้องใช้ในรูปของ Present Simple Tense เท่านั้น กริยาพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นกริยาที่เป็นนามธรรม แสดงความเป็นเจ้าของ หรือ กริยาที่เกี่ยวกับความรู้สึก นอกจากนั้นก็จะมี “คำกริยาที่เป็นนามธรรม” ด้านล่างเลยจร้า
- คำกริยาที่เป็นนามธรรม (Abstract Verbs)
to be, to want, to cost, to seem, to need, to care, to contain, to owe, to exist…
ผิด: I am seeming worried.
แปลว่า ฉันกำลังดูรู้สึกกังวล ซึ่งผิดแกรมม่าน๊าถูกต้อง: I seem worried.
แปลว่า ฉันดูกังวล ( ต้องเปลี่ยนเป็น Present Simple Tense ทันทีเลย จร้า)
สรุป
สรุปคือ ในบางกรณีของ Present Continuous Tense นั้นสามารถบอกอนาคตได้ เน้นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ Present Simple Tense นั้นจะเน้นเหตุการณ์ที่เป็นปัจจุบัน เป็นลักษณะนิสัยทั่วไป เป็นความจริง ทั้ง Simple Present Tense และ Present Continuous Tense อยู่ในตระกูล Present Tense หรือ Tense ที่ใช้ในปัจจุบัน แต่ก็มีข้อแตกต่างคือ ในบางกรณีของ Present Continuous Tense นั้นสามารถบอกอนาคตได้ เช่น
ตัวอย่างสรุป:
John goes to Europe often.
(จอห์นไปเที่ยวยุโรปบ่อยๆ)John is going to Europe next week.
(จอห์นจะไปยุโรปบ่สับดาห์หน้า)
***แม้ว่ารูปประโยคนี้จะอยู่ในปัจจุบันกำลังทำ แต่ความหมายนั้นเป็นอนาคต ขอให้นักเรียนทุกคนอย่าลืมดูที่บริบทการใช้ด้วยน๊า
อย่าลืมดูวีดีโอทบทวนบทเรียนในหัวข้อ หลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense กันด้วยเด้อ เลิฟๆ
คลิกที่ปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจร้า
Sit back, relax, and enjoy your lesson!