เทคนิคการใช้ Yes, No Questions ในภาษาอังกฤษ

เทคนิคการใช้ Yes, No Questions M.1

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

 

สวัสดีค่ะนักเรียน ม.  1 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคและวิธีการอย่างง่ายในการใช้ประโยค Yes/No questions กันค่ะไปลุยกันเลยค่า

Yes, No Questions คืออะไร

meaning of yes no question

คือ ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบรับ (Yes) หรือปฏิเสธ (No) เป็นการถามที่ผู้ถามอาจจะมีข้อมูลอยู่บ้างว่า ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือผู้ถามอาจจะถามเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นจริงตามที่เข้าใจหรือเปล่า ในที่นี้ครูจึงแยกออกเป็น 3 ชนิดค่ะ คือ ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do, Verb to be, และ Helping verb

yes-no questions usages

เทคนิคการใช้ 3 ข้อ

 

1) เราจะใช้ Do เมื่อ  ประธานเป็นพหูพจน์ซึ่งรวม ประธาน I, You  และประโยคเดิมเป็น Present Simple Tense
2) เราจะใช้ Does เมื่อ ประธานเป็นเอกพจน์ ยกเว้น ประธาน I, You และประโยคเดิมเป็น Present Simple Tense เมื่อเกิดการสลับที่แล้ว กริยาที่จากเดิมมี s, es ให้ตัดทิ้งซะ
3) ใช้ Did เมื่อประโยคเดิมเป็น Past Simple Tense จากนั้นสลับที่แล้ว กริยาจะเปลี่ยนเป็น กริยาช่องที่ 1 ไม่ผันหรือเราเรียกว่า Verb infinitive เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเราผันกริยาที่ Did ไปแล้ว ซึ่งผันกริยาหลักในประโยคได้แค่ตัวเดียวและครั้งเดียวนั่นเองค่า

 

ตัวอย่างสถานการณ์

จากที่ครูได้เกริ่นไปข้างต้นว่าเราจะเจอ Yes, No Questions  ในประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do, Verb to be, และ Helping verb แต่นักเรียนหลายคนยังอาจจะไม่ค่อยเห็นภาพ ไปดูสถานการณ์ตัวอย่างกันค่ะ

yes-no questions usages

สถานการณ์ที่1: น้องพลอยเดินไปโรงเรียนทุกๆวัน เมื่อต้องใช้ Verb to do

Ploy walks to school every day.
Ploy ทำหน้าที่ ประธานหลัก (Main subject)
drinks ทำหน้าที่ กริยาหลัก (Main verb)

และอันดับแรกเลย Ploy มีคนเดียวสังเกตที่หลัง Ploy ไม่มี s น้องเหงา เพราะเป็นประธานเอกพจน์ (ตัวเดียวอันเดียวสิ่งเดียว) เพราะฉะนั้นจะต้องเติม s ที่หลังกริยา walks ตามกฎข้อที่ 2 ที่กริยาหลักจะต้องเติม s ใน Present Simple Tense ตามกฎข้อ 3 ในเมื่อประโยคไม่มีกริยาช่วยหรือ V. to be มาให้จึงจำเป็นต้องเลือกใส่ Does แทน เพราะว่าใช้กับ ประธานเอกพจน์ ใน Present Simple Tense จากนั้นให้ตัด s ออกจาก กริยาหลัก (walk) เพราะมี Does อยู่แล้วค่า
จะได้ประโยค Yes/No Question: Does Ploy walk to school every day?
คำอ่าน: ดาส พลอย วอคคฺ ทู สกูล เอ้ฝฝริเดย์
แปล: พลอยเดินไปโรงเรียนทุกวันเลยเหรอ
คำตอบก็จะเป็น Yes, she walks to school every day. หรือ Yes เฉยๆก็ได้ค่ะ
หรือในอีกแง่หนึ่งพลอยไม่ได้เดินไปโรงเรียนทุกวัน ก็สามารถตอบว่า No ได้นั่นเองค่า

yes-no questions usages

 สถานการณ์ที่2: โนนะเป็นลูกของกัปตัน กับ การใช้ Verb to be

Nona is Captain’s daughter
Nona = ประธานหลักของประโยค
is = กริยาช่วยในกลุ่ม Verb to be
วิเคราะห์ตามโครงสร้างประโยค
อันดับแรกเลย Nona มีคนเดียว สังเกตที่หลัง Nonaไม่มี s น้องเหงา เพราะเป็นประธานเอกพจน์ (ตัวเดียวอันเดียวสิ่งเดียว)

เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ is
จะได้ Yes, No Question: Is  Nona Captain’s daughter?
คำอ่าน: อิส โนนะ แค้ปเทน สึ ด๊อเทอร์
คำแปล: โนนะเป็นลูกของกัปตันจริงๆใช่มั้ย (ถามเพราะสงสัย)

yes-no questions usages

สถานการณ์ที่3: น้องนกสามารถร้องเพลงได้ กับตัวอย่างการใช้ Helping verb “can”

ตัวอย่างประโยค: Nok can sing a song.

Nok = ประธานหลัก (Main subject)
can = กริยาช่วย (Helping verb)
sing = กริยาหลัก (Main verb)

เมื่อในประโยคมีกริยาช่วยอยู่แล้ว สลับตามโครงสร้างได้เลยค่าทุกคน
ตามโครงสร้างของเรา กริยาช่วย +ประธานหลัก + กริยาหลัก เราจะได้ประโยค Yes, No Question: Can Nok sing a song?
ดังนั้นคำตอบก็จะเป็น Yes, she can sing a song. หรือ Yes เฉยๆก็ได้ค่ะ หรือในอีกแง่หนึ่งพลอยไม่ได้เดินไปโรงเรียนทุกวัน ก็สามารถตอบว่า No, she cannot sing a song. หรือ No, she can’t sing a song. หรือจะตอบว่า No เฉยๆ ก็ยังได้เลยนั่นเองค่า

 คำถามแบบสุภาพ

และเมื่อเราต้องการถามคำถามแบบสุภาพสามารถใช้ชุดประโยคเหล่านี้ได้เลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วประโยคจะขึ้นต้นด้วย May, Could, Can เรียงตามลำดับความสุภาพเลยค่ะ

  • ขออนุญาตใช้โครงสร้าง: May + ประธานหลัก + กริยาหลัก….+please  เช่น
    May you send me an email please?
    May I borrow your book please?
  • การใช้ could ในโครงสร้างคำถามขอร้อง Could + you+กริยาหลัก….+please? เช่น
    Could you tell me your name please?
  • การใช้ Can จะฟังดูสุภาพแต่จะเบากว่าการใช้ could ในโครงสร้างประโยคคำถามขอร้อง Can + you + กริยาหลักช่องที่ 1 ไม่ผัน (Verb infinitive
    Can you stop walking please?

ทั้งสามชุดประโยคแบบสุภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างการใช้งานนะคะ นักเรียนจะต้องนำไปลองใช้ดูตามบริบทจริงเพื่อฝึกภาษาอังกฤษของเราให้ดีขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ ครูเอาใจช่วยนะคะ ต่อจากนี้ก็ไปลุยกันต่อกับแบบฝึกหัดได้เลย

 

แบบฝึกหัด

1. My parents may sleep early tonight.
คำถาม Yes, No Question: ______________________________

  1. Guy goes to school every day..
    คำถาม Yes, No Question: ______________________________
  2. Lee Min Ho will come to Thailand next year.
    คำถาม Yes, No Question: ______________________________
  3. A tiger lives in the forest.
    คำถาม Yes, No Question: ______________________________
  4. Liza is going to the concert tomorrow.
    คำถาม Yes, No Question: ______________________________
  5. Jenny is Liza’s best friend.
    คำถาม Yes, No Question: ______________________________
  6. Nui’s braces are pink.
    คำถาม: ______________________________
  7. She wants to eat banana.
    คำถาม: ______________________________
  8. Tina needs to go to the toilet.
    คำถาม: ______________________________
  9. I should get up early.
    คำถาม: ______________________________

 

เฉลย

มาทำแบบฝึกหัดทั้ง 10 ข้อกันค่ะ อย่าพึ่งเปิดดูเฉลยนะคะ

  1. คำถาม Yes, No Question: May your parents sleep early tonight?
    my = สรรพนาม ที่แปลว่าของฉันจะเปลี่ยนเป็นคำถามต้องใช้ your ของเธอ
    parents = ประธานพหูพจน์หลัก
    may = กริยาช่วย
    sleep= กริยาหลัก
  2. คำถาม Yes, No Question: Does Guy go to school every day?
    Guy = ประธานพหูพจน์หลัก
    เพิ่ม Does เข้ามาเป็นกริยาช่วย
    go = กริยาหลัก ตัด es ทิ้งเพราะ Does ได้เติม es แล้ว (Do+es)
  3. คำถาม Yes, No Question: Will Lee Min Ho come to Thailand next year?
    Lee Min Ho = ประธานหลัก
    will= กริยาช่วย
    come= กริยาหลัก
  4. คำถาม Yes, No Question: Does a tiger live in the forest?
    A tiger = ประธานเอกพจน์
    Does = กริยาช่วยประเภท Verb to do
    live = กริยาหลักไม่ต้องเติม s เพราะ Does เติมแล้ว
  1. คำถาม Yes, No Question: Is Liza going to the concert tomorrow?
    Liza = ประธานเอกพจน์
    is going to = แปลเหมือน will แต่ความเป็นไปได้มากกว่า (is เป็น Verb to be)
  2. คำถาม Yes, No Question: Is Jenny Liza’s best friend?
    Jenny = ประธานหลัก
    is = กริยาช่วย Verb to be
  3. คำถาม Yes, No Question: Are Nui’s braces pink?
    braces (เหล็กดัดฟัน) = ประธานพหูพจน์
    are = Verb to be
  4. คำถาม Yes, No Question: Does she want to eat banana?
    She = ประธานเอกพจน์
    Does = กริยาช่วย Verb to do
    want = กริยาหลักไม่ต้องเติม s เพราะ กริยาช่วยเติมแล้ว (does)
  5. คำถาม Yes, No Question: Does Tina need to go to the toilet?
    Tina = ประธานเอกพจน์
    Does = กริยาช่วย Verb to do
    go = กริยาหลักไม่ต้องเติม es เพราะว่า Does เติมแล้ว (Do + es)
  6. คำถาม Yes, No Question:Should I get up early?
    I = ประธานพหูพจน์
    should = กริยาช่วย
    get = กริยาหลัก

เป็นยังไงกันบ้างคะ พอจะอ๋อ มั้ยคะ ครูหวังว่านักเรียนที่รักของครูจะได้ประโยชน์และความรู้จากเทคนิคการใช้ Yes, No Questions นี้นะคะ ถ้าเกิดว่าเราอ่านยังไม่เคลียร์ ครูแนะนำให้ทบทวนบทเรียนจากวีดีโอด้านล่างเลยค่า รับรองจะร้องว่า อ๋อ มากยิ่งขึ้น Good luck guys! ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถคอมเม้นต์ ได้ที่ด้านล่างของบทความหรือวีดีโอได้เลยนะคะ ครูยินดีตอบเสมอ

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การเปรียบเทียบจำนวนเต็ม

การเปรียบเทียบจำนวนเต็ม

ทบทวนจำนวนเต็ม บทความนี้จะทำให้น้องๆ เข้าใจ การเปรียบเทียบจำนวนเต็ม ซึ่งได้รวบรวมตัวอย่างไว้อย่างหลากหลาย น้องๆรู้จัก จำนวนเต็ม กันแล้ว แต่หลายคนยังไม่สามาถเปรียบเทียบความมากน้อยของจำนวนเต็มเหล่านั้นได้ ซึ่งถ้าน้องๆ เคยเรียนเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละมาแล้ว เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายดาย ซึ่งได้นำเสนออกมาในรูปแบที่เข้าใจง่าย ทำให้น้องๆสนุกกับการเรียนคณิตศาสตร์ ทบทวนเรื่องจำนวนเต็ม  เช่น                                                                                                     25 ,  9  , -5 , 5.5 ,

หลักการของอัตราส่วนที่เท่ากัน

หลักการของอัตราส่วนที่เท่ากัน

ในบทความนี้เราจะได้เรียนรู้วิธีการในการหาค่าตัวแปรในการใช้สัดส่วน สามารถมารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแก้โจทย์ปัญหาในชีวิตจริงได้ พิจารณาสิ่งที่ต้องการแสดงการเปรียบเทียบโดยการเขียนเป็นอัตราส่วนสองอัตราส่วนอย่างเป็นลำดับและหาค่าของตัวแปรได้

วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า 3 วิธีที่จะช่วยพัฒนาความคิดให้เป็นระบบ

การคิด คือ กระบวนการทำงานของสมองที่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยประสบการณ์ความรู้และสภาพแวดล้อมมาพัฒนาการคิดและแสดงออกมาอย่างมีระบบ บทเรียนในวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปเจาะลึกถึงวิธีการคิดทั้ง 3 แบบคือ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และ ประเมินค่า ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   การพัฒนาและแสดงความคิด   มนุษย์สามารถแสดงความคิดออกมาได้โดยการใช้ภาษา ซึ่งการใช้ภาษานั้นก็คือวิธีการถ่ายทอดความคิดที่อยู่ในหัวของเราออกมาให้คนอื่นเข้าใจและรู้ว่าเรามีความคิดต่อสิ่งนั้น ๆ อย่างไรบ้างไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการเขียน ดังนั้นการพัฒนาความคิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยวิธีการคิดสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้

การใช้ the

การใช้ The

  Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้น ม.2 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูได้สรุปเรื่อง “การใช้ The” ซึ่งเป็น 1 ใน Articles ที่สำคัญมากๆ พร้อมเทคนิคการนำไปใช้ มาฝากกันค่ะ หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า Let’s go!   Articles คืออะไร   Articles เป็นคำคุณศัพท์อย่างหนึ่ง การเรียน

ที่มาของขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม

​ขุนช้างขุนแผนเป็นวรรณกรรมที่เชื่อว่ามีเค้าเรื่องจริงในสมัยอยุธยา มีมากมายหลายตอน แต่ตอนที่ถูกนำมาให้เด็กได้เรียนกันมีด้วยกันสองตอนคือกำเนิดพลายงามและขุนช้างถวายฎีกา สำหรับตอนที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้กันในวันนี้คือตอน กำเนิดพลายงาม ซึ่งคือว่าเป็นตอนที่สำคัญอย่างมากเพราะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของเรื่อง ตอนนี้จะมีความเป็นมา เรื่องย่อ และมีความดีเด่นอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ความเป็นมา   ขุนช้างขุนแผนเป็นวรรณคดีที่มีมาอย่างยาวนาน แต่ในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ชำระเสภาขุนช้างขุนแผน ได้ทรงประชุมกวีเอกสมัยนั้น ช่วยกันแต่งคนละตอนสองตอน สุนทรภู่ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมแต่งด้วย และท่านคงต้องแต่งอย่างสุดฝีมือทำให้ตอน

ใช้ภาษาพูดอย่างไรให้ถูกต้อง และเหมาะสม

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งในบทเรียนวิชาภาษาไทย วันนี้จะเป็นการเรียนเรื่องระดับภาษา โดยจะมีการแบ่งเนื้อหาออกเป็นภาษาพูด และภาษาเขียน ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับระดับของภาษาพูดที่เราควรจะเลือกใช้ให้ถูกต้องตามบุคคล โอกาส และสถานที่ด้วย เป็นอีกหนึ่งบทเรียนในระดับชั้นมัธยมต้นที่น่าสนใจ   ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มเรียนไปพร้อม ๆ กันเลย     ภาษาพูด คืออะไร   ภาษา เป็นตัวกลางในการสื่อความหมาย บนโลกนี้นอกจากจะมีหลากหลายภาษาแล้ว ในหนึ่งภาษานั้นก็ยังแบ่งการพูดออกเป็นหลายระดับให้เราได้เลือกใช้แตกต่างกันไป ภาษาพูด

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1