การใช้ตัวเชื่อม (Connective words)

NokAcademy_Profile ม2 มารู้จักกับ (Connective Words)

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Getting Started! มาเริ่มกันเลย

 

NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (3)

สวัสดีค่ะนักเรียน ม.3 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไป ทบทวนงานเรื่อง  การใช้ตัวเชื่อม (Connective words) ที่จะทำให้ทุกคนนำไปปรับใช้กับงานเขียนด้วย  การใช้ตัวเชื่อมในภาษาอังกฤษกันค่ะ โดยปรกติแล้วงานเขียนแบ่งออกออกเป็นสองรูปแบบหลักๆคือ เรียงความ (Essay Writing) กับ พารากราฟ (Paragraph Writing) ขอสรุปสั้นๆง่ายๆ ให้ทุกคนเข้าใจว่า Essay คือเรียงความเพราะฉะนั้นจะยาวกว่า Paragraph ที่เป็นเพียงย่อหน้าหนึ่งเท่านั้นนั่นเองค่ะ  และที่สำคัญถ้าเกิดว่างานเขียนภาษอังกฤษเราดี เราสามารถใช้ยื่นขอทุนไปเรียนต่างประเทศได้ด้วยนะคะ

โครงสร้างของการเขียนในภาษาอังกฤษต้องรู้

 

NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words)

โครงสร้างของการเขียนในภาษาอังกฤษประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1. Introduction หรือบทนำ หรือส่วนแรกเพื่อเกริ่นให้ผู้อ่านรู้ว่าเรากำลังจะเล่าถึงสิ่งใดบ้าง
2. Body หรือเนื้อความ เป็นส่วนที่รวมเนื้อหา ทั้งนี้ Body อาจจะแยกย่อยเป็นหลายย่อหน้าก็ได้ค่ะ หน้าที่ของ Body คือการให้ข้อมูลเพิ่มเติม
โดยจะประกอบด้วย 3 ส่วนย่อยคือ

  •  Topic Sentence ซึ่งจะอยู่ส่วนแรกของของแต่ละ Body ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านทราบว่าเนื้อความย่อหน้านี้จะกล่าวถึงเรื่องอะไร
  •  Supporting sentences ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือขยายความจาก Topic sentence รวมถึงการยกตัวอย่าง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น
  • Concluding sentences เป็นการสรุปย้ำใจความสำคัญของย่อหน้าให้ผู้อ่านทราบอีกครั้งนั่นค่ะ

3.Conclusion หรือบทสรุป เป็นการทบทวนและย้ำให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรให้ผู้อ่านรู้ โดยเนื้อหาเน้นรวบรวมใจความสำคัญจาก Introduction และ Body นั่นเองค่ะ

 

 ประเภทของการจัดระบบย่อหน้างานเขียน

NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (2)

มารู้จักกับประเภทและโครงสร้างงานเขียนในภาษาอังกฤษกันก่อนนะคะว่าเราควรจัดระบบย่อหน้ายังไงดี

  1. จัดตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้น Chronological order
  2. เรียงลำดับตามความสำคัญ Spatial order เช่น การบรรยายลักษณะทางกายภาพ ความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ การเดินทาง เป็นต้น
  3. เรียงลำดับตามความสำคัญของบริบทในเนื้อเรื่อง Climactic order
  4. เรียงลำดับตามหัวข้อสำคัญ Topical order

การใช้ตัวเชื่อม (Connective words) Or Signal Words

NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (3)

 

ในภาษาอังกฤษนั้น signal แปลว่า สัญญาณ words แปลว่าคำ เมื่อนำมารวมกันแล้วจะแปลได้ว่า “คำลำดับความสำคัญ” เราจะเจอคำเหล่านี้บ่อยมากเมื่ออ่านงานเขียนในภาษาอังกฤษที่มีการลำดับความสำคัญในเนื้อเรื่อง ทำให้ผู้อ่านสามารถตามเนื้อความที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อได้มากขึ้น
ปรกติจะเจอ Signal words ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้

 

ตัวอย่างของการแต่งประโยคด้วย การใช้ตัวเชื่อม (Connective words)

NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (2)

 

  1. เมื่อเราต้องการที่จะเล่าเรื่องราวที่มีลำดับขั้นตอน Chronological order สำหรับวิธีนั้นก็นับเป็นวิธีพื้นฐานที่ทุกๆ คนควรจะต้องรู้ทุกงานเขียนนั้นจะอ่านง่ายได้ก็ต่อเมื่อเรามีการเรียงลำดับเรื่องราวได้ชัดเจน เห็นภาพ และเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรมาก่อนมาหลังเพื่อที่จะทำให้ผู้อ่านสามารถจินตนาการถึงเรื่องราวที่เรากำลังถ่ายทอดได้อย่างเป็นลำดับขั้น ซึ่งเราสามารถใช้คำได้ดังนี้ค่ะ

NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (4)

 

Firstly  อย่างแรกเลย
The first one อันดับแรก
First and foremost สิ่งแรกและสำคัญที่สุด
To start with มาเริ่มกับ
Secondly อย่างที่สอง
The second one ประการที่สอง
Thirdly  อย่างที่สาม
The third one ประการที่สาม

 

 

ดังตัวอย่างต่อไปนี้ค่า

In this world, there are three things that  I love the most.
Firstly, I love my cat because he is my beloved friend.
Secondly, I love my parents because they have unconditional love for me
since I was born.
Thirdly, I love studying as I can become smarter every day.

  1. เมื่อเราต้องการบรรยาย Spatial order วิธีนี้นั้นคล้ายๆ กับวิธีแรกนะคะ แต่เราจะไม่ใช้ตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง เปลี่ยนเป็นการบรรยายแทน และผู้อ่านจะเข้าใจทุกอย่างเอง เพราะบางครั้งนั้นการเล่าเรื่องโดยใช้ตัวเลขอาจจะทำให้ดูเป็นทางการเกินไปและไม่ลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่อง เช่นถ้าเราอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ที่เราเคยทำมา เราก็ควรจะเลือกใช้คำจำพวกนี้ค่ะ
    NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (5)

Begin with (เริ่มต้นที่)

After (หลังจาก)

Before (ก่อนที่จะ)

By the time (ในขณะเดียวกัน)

Then (หลังจากนั้น)

Next (ต่อไป)

มาลองอ่านดูเรื่องเล่าตัวอย่างกันเลยค่ะ

Today, I am going to begin with telling you my personal experience travelling to Bangkok the first time.
I took a taxi to the bus station. Then I called my friends to meet me. After that I took Grab from BTS to my apartment.
By the time I was in the car, I felt so tired. What a long day! Next, it would be a nice and comfortable bed to hit the hay.

 

  1. การใช้คำเชื่อมประโยคขัดแย้ง  Contrast Words ซึ่งใน ประโยคความรวมที่มีลักษณะใจความประโยคที่นำมารวมกันมีลักษณะขัดแย้งกัน เนื้อความไม่คล้อยตามกันไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมักเจอคำเชื่อมเหล่านี้NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (6)

However (อย่างไรก็ตาม) + Sentence
Even though (แม้ว่า) + Sentence
Although (ถึงแม้ว่า)+ Sentence
Despite (ถึงอย่างไรก็ตาม) +Noun
Inspite of+Noun

ตัวอย่างประโยคการใช้งานเวลาเขียน ด้านล่างนะคะ

I enjoyed studying English the last semester; however, in this semester I love Math.
Despite Math, I do enjoy learning Arts.
Although she is lazy, she is the smartest girl in the class.
Even though May loves Tim, he already has a girlfriend.

  1. การใช้ประโยคกล่าวถึงอย่างเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
    “Cause and Effect Connections”
    Because of (เพราะว่า + คำนาม)
    NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (7)

    Because, Since (เพราะว่า)
    Accordingly (ดังนั้น)
    Consequently (ดังนั้น)
    According to (เนื่องจาก)
    for (เพราะว่า)
    As (เนื่องด้วย)
    Seeing that (เพราะว่า)
    Now that (เนื่องด้วยว่า)

 

เช่นตัวอย่างในประโยคด้านล่าง

Because of the climate change, we face the first snow in the North of Laos.
The higher temperature also has caused global warming.
Moreover, the increasing of water also affected the great flood last year.

 

  1. เมื่อต้องการที่จะ “สรุปใจความสำคัญของเรื่อง Conclusion” เพื่อที่จะหาที่ลงให้ได้ ในส่วนของการเขียนเรียงความ บทความ และพารากราฟนั้นจำเป็นที่จะต้องสรุปเนื้อหาทั้งหมดให้ผู้อ่านได้เข้าใจให้ได้ว่าที่อ่านมาทั้งหมดนั้น ท้ายสุดแล้ว เขาอ่านเรื่องอะไรอยู่ หรือ Main idea ของเนื้อเรื่องนั้น แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ เรามักจะต้องเจอคำแหล่านี้
    NokAcademy_ ม2 มารู้จักกับ (Connective Words) (8)

To sum up (โดยสรุป)
Finally (สุดท้ายนี้)
Last (สุดท้าย)
Lastly (อย่างสุดท้าย)
In conclusion (ในส่วนสรุป)
Last but not leat (สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด)

ลองดูตัวอย่างประโยคการใช้ด้านล่างได้เลยค่ะทุกคน

In conclusion, I am so thankful for my friends, parents, and teachers who always love and support me to accomplish great things in my life.

To sum up, there are three main ideas following which are having time to read, creating a good habit, eating on time.

Lastly, there are both pros and cons of working in the city. However,  people who want to diversify more income can do online work in order to avoid working in the city.

ลองฝึกแปลกันดูน๊า นักเรียนสามารถคอมเม้นต์ถามคำถามเพิ่มเติมได้ที่ใต้วีดีโอเลยจร้า

เป็นยังไงกันบ้างคะนักเรียนที่น่ารักทุกคน ครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะนำเทคนิคในการเขียนนี้ไปลองปรับใช้ดูนะคะ เจอกันใหม่กับบทเรียนต่อไป
อย่าลืมทบทวนบทเรียนในวีดีโอด้านล่างเมื่อตอนม.2 นะคะ เลิฟๆ

 

 

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ตัวผกผันของความสัมพันธ์

ตัวผกผันของความสัมพันธ์

ตัวผกผันของความสัมพันธ์ ตัวผกผันของความสัมพันธ์ r คือความสัมพันธ์ใหม่ที่เกิดจากการสลับตำแหน่งของสมาชิกตัวหน้ากับสมาชิกตัวหลังของคู่อันดับทุกคู่ในความสัมพันธ์ r เขียนแทนด้วย   ซึ่ง = {(y, x) : (x, y ) ∈ r} เช่น r = {(1, 2), (3, 4), (5,

หลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense

สวัสดีนักเรียนชั้นม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง” หลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense” พร้อมทั้งตัวอย่างสถานการณ์ใกล้ตัว และเทคนิคการจำและนำ Tense ไปใช้กันจร้า ซึ่ง Simple Present Tenseและ Present Continuous Tense นั้นมีสิ่งที่เหมือนกันคือ อยู่ในรูปปัจจุบัน (Present) เหมือนกัน

คำไทยที่มักอ่านผิด มีคำใดบ้างที่เราควรรู้?

การอ่านผิด เป็นปัญหาในการอ่านออกเสียง มีสาเหตุมาจากอ่านไม่ออก หรือ อ่านผิด หลายคนอาจมองว่าไม่สำคัญ แต่รู้หรือไม่คะ ว่าการอ่านนั้นมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะหากเราอ่านผิด ก็จะทำให้ความหมายของคำนั้นผิดเพี้ยนไป หรือกลายเป็นคำที่ไม่มีความหมายไปเลยก็ได้ บทเรียน คำไทยที่มักอ่านผิด ในวันนี้ เราจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้การอ่านสะกดคำที่ถูกต้อง กับคำในภาษาไทยที่คนส่วนใหญ่มักอ่านผิดกันบ่อย ๆ จะมีคำใดบ้าง ไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   คำไทยที่มักอ่านผิด   ลักษณะของการอ่านผิดมีดังนี้

เรียนรู้และเข้าใจเรื่องคำซ้อนในภาษาไทย

คำซ้อน เป็นหนึ่งในบทเรียนหลักภาษาไทยเรื่องการสร้างคำ น้อง ๆ หลายคนอาจจะเคยสับสนกับวิธีสร้างคำซ้อน ไม่รู้ว่าแบบไหนกันแน่ที่เรียกว่าคำซ้อน เพราะภาษาไทยเรานั้นก็มีคำมากมายเหลือเกิน วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องคำซ้อนให้มากขึ้น รับรองว่าไม่ยากแน่นอนค่ะ   คำซ้อน     ความหมายของคำซ้อน   คำซ้อน คือ คำที่เกิดจากการนำคำตั้งแต่ 2 คำ ขึ้นไปมาเรียงต่อกัน โดยคำที่นำมาซ้อนกันจะต้องเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน ใกล้เคียงกัน ตรงข้ามกัน หรืออาจมีเสียงที่คล้ายกัน

Adjective

คำคุณศัพท์และการเรียงคำคุณศัพท์

สวัสดีน้องๆ ป. 6 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับคำคุณศัพท์และการเรียงคำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษกัน ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ

คำซ้ำคืออะไร เรียนรู้และเข้าใจหลักการสร้างคำอย่างง่าย

  จากที่ได้เรียนเรื่องการสร้างคำประสมและคำซ้อนไปแล้ว บทเรียนหลักภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้การสร้างคำอีกหนึ่งชนิดที่สำคัญไม่แพ้สองคำก่อนหน้า นั่นก็คือ คำซ้ำ นั่นเองค่ะ คำซ้ำคืออะไร มีวิธีสร้างคำได้อย่างไรบ้าง วันนี้เราไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   คำซ้ำ     คำซ้ำคืออะไร?   คำซ้ำ หมายถึง การสร้างคำขึ้นใหม่ โดยนำคำมูลซึ่งส่วนมากเป็นคำพยางค์เดียวมาซ้ำกันแล้วมีความหมายเปลี่ยนแปลงไป อาจเน้นหนักขึ้น หรือเบาลง

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1