คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน มีอะไรบ้างในภาษาไทย

คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

 

คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน น้อง ๆ ทราบไหมคะว่ามีคำไหนบ้าง ทั้งสองประเทศนี้คือประเทศในแทบเอเชียเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้เรานัก แล้วทำไมถึงมีคำจากภาษาญี่ปุ่นและจีนเข้ามาปะปนอยู่ในชีวิตประจำได้ บทเรียนภาษาไทยเรื่องลักษณะคำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ยืมมา จะมีคำไหนบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

 

ที่มาของภาษาญี่ปุ่นและจีนในภาษาไทย

 

 

คำที่ยืมมาจากญี่ปุ่นและจีน มีด้วยกันมากมายหลายคำเลยค่ะ บางคำ อาจจะไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นกับจีน ไม่ใช่คำภาษาไทย เพราะสองประเทศในเอเชียนี้เข้ามามีอิทธิพลกับประเทศมาตั้งแต่โบราณ โดยญี่ปุ่นเริ่มติดต่อสัมพันธ์กับประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินในสมเด็จพระเอกาทศรถ (พ.ศ. 2148-2153) ส่วนประเทศจีนนั้นมีการติดต่อกับประเทศมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเลยทีเดียว และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวจีนจำนวนมากก็อพยพมาอยู่ที่ไทย ทำให้ทุกวันนี้มีคนไทยเชื้อสายจีนกันอยู่มาก เมื่อวัฒนธรรมถูกผสมปนเป ก็ทำให้ภาษาถูกหยิบยืมมาใช้เพื่อเรียกแทนคำที่อาจจะไม่ได้มีความหมายแปลที่ชัดเจนโดยการทับศัพท์คำนั้น ๆ ไป

 

ลักษณะภาษาญี่ปุ่น

 

คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน

 

  1. ในภาษาญี่ปุ่น จะเรียงประโยคแบบ ประธาน + กรรม + กริยา เช่น 私はご飯を食べます ซึ่ง 私 หมายถึง ฉัน เป็นประธานของประโยค ご飯 หมายถึง ข้าว ส่วน 食べます หมายถึง กิน ประโยคนี้จึงแปลว่า ฉันกินข้าว ซึ่งจะแตกต่างกับภาษาไทยที่เรียงประโยคแบบ ประธาน + กริยา + กรรม
  1. ภาษาญี่ปุ่นมีตัวอักษรทั้งหมด 46 ตัว เสียงสระ 5 เสียง เสียงพิเศษ 1 เสียงใช้เป็นตัวสะกด และไม่มีวรรณยุกต์ในภาษา
  2. คำยืมจากภาษาญี่ปุ่นจะเป็นคำทับศัพท์ คำไทยที่ยืมมาจากญี่ปุ่นจะเรียกทับศัพท์ไปเลย เช่น เทมปุระ ซูชิ ราเมน โมจิ นินจา คาราโอเกะ

 

คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน

 

นอกจากคำศัพท์ทั่วไปแล้ว เพราะอิทธิพลของประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาในไทย ทำให้มีสินค้าหลายประเภทที่เป็นภาษาญี่ปุ่นถูกเรียกปะปนอยู่ในสังคมไทยอีกมาก อย่างยี่ห้อขนมหรือยี่ห้อรถ

 

ลักษณะภาษาจีน

 

 

  1. คำภาษาจีนมักมีเสียงวรรณยุกต์ตรี จัตวา เช่น ก๋วยเตี๋ยว เกี้ยมอี๋
  2. คำภาษาจีนมักมีพยัญชนะต้นเป็นอักษรกลาง ก๋ง เจ๊ อั้งโล่ บ๊วย
  3. คำในภาษาจีนมีเสียงวรรณยุกต์ โดยมีด้วยกันทั้งหมด 4 เสียง และมีเสียงเบา เป็นเสียงที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์

วัฒนธรรมของจีนกับไทย เรียกได้ว่าแทบจะแยกกันไม่ออก คำบางคำก็ถูกใช้ต่อ ๆ กันมาจนชิน ทำให้บางทีคนไทยหลายคนก็ไม่รู้ว่าเป็นคำที่มาจากภาษาจีน จะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

 

 

สรุปความรู้ คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน

 

เมื่อดูจากลักษณะของภาษาแล้ว จะเห็นได้ว่าภาษาญี่ปุ่นกับจีนมีความเหมือนและแตกต่างกับภาษาไทย โดยทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีนต่างก็มีเสียงสระเหมือนภาษาไทย แต่จะต่างกันตรงเสียงวรรณยุกต์และประโยคที่ภาษาจีนจะมีความเหมือนภาษาไทยมากกว่า ทั้งการออกเสียงวรรณยุกต์ผิดจะทำให้ความหมายผิดเพี้ยน หรือ การเรียงประโยค ประธาน + กริยา + กรรม เพราะความคล้ายกันของลักษณะภาษานี่เองจึงทำให้ทั้งสองภาษาเข้ามาปะปนและใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ส่วนมากเป็นคำง่าย ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน ความหมายตรงตัว ไม่ต้องแปลอีกรอบ เมื่อพูดแล้วคนไทยจะเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงเรื่องใด

 

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ เมื่อได้เรียนรู้คำที่ยืมจากภาษาญี่ปุ่นและจีนกันไปแล้ว ได้ความรู้เกี่ยวกับที่มาและลักษณะภาษาของภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยด้วย วิธีสังเกตก็ง่ายแสนง่าย อย่าลืมลองสังเกตสิ่งรอบตัวแล้วลองคิดเล่น ๆ ดูนะคะ ว่าสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรานั้นมาจากภาษาญี่ปุ่น คำไหนมาจากภาษาจีนกันบ้าง สุดท้ายนี้ น้อง ๆ อย่าลืมไปดูคลิปการสอนของครูอุ้มเพื่อให้เข้าใจบทเรียนมากขึ้นนะคะ ในคลิปครูอุ้มได้ยกตัวอย่างคำศัพท์ที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้ รับรองว่าน้อง ๆ จะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินอย่างแน่นอนค่ะ ไปดูกันเลย

 

 

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การใช้คำ

เรียนรู้และทำความเข้าใจการใช้คำในภาษาไทยอย่างง่ายๆ

การใช้คำในภาษาไทย มีความสำคัญมาก แม้ว่าน้อง ๆ จะคุ้นเคยกับภาษาไทยดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่แน่ใจหรือเปล่าคะว่าใช้คำกันได้อย่างถูกต้องแล้ว เพราะการใช้คำให้ถูกก็ถือเป็นเรื่องสำคัญค่ะ ดังนั้นบทเรียนหลักภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้เรื่องการใช้คำต่าง ๆ ได้ถูกต้องกันค่ะ จะมีอะไรบ้างไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   การใช้คำ     การใช้คำกำกวม   คำกำกวม คือ การใช้คำหรือภาษาที่มีความหมายไม่ชัดเจน เป็นเหตุให้การสื่อสารผิดพลาด

Suggesting Profile

การแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม. 3 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิค การแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า การแสดงความต้องการ     Question: สงสัยมั้ยว่า need/want /would like to have สามคำนี้ต่างกันยังไง? ตัวอย่างการใช้ need VS want  ในประโยคบอกเล่า เช่น

กราฟของความสัมพันธ์

กราฟของความสัมพันธ์ กราฟของความสัมพันธ์ r คือเซตของจุดในระนาบx, y โดยที่แต่ละจุดคือสมาชิกของความสัมพันธ์ r นั่นเอง อธิบายให้เข้าใจง่ายคือ เมื่อเราได้เซตของความสัมพันธ์ r ที่มีสมาชิกในเซตคือคู่อันดับแล้ว เราก็นำคู่อันดับแต่ละคู่มาเขียนกราฟนั่นเอง เช่น r = {(1, 1), (1, 2), (2, 2), (3, 4)} นำมาเขียนกราฟของความสัมพันธ์

การทดลองสุ่มและเหตุการณ์

บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง การทดลองสุ่มและเหตุการณ์ ซึ่งได้กล่าวถึงในลักษณะของความหมายและยกตัวอย่างประกอบ และอธิบายอย่างละเอียด ซึ่งก่อนจะเรียนเรื่อง การทดลองสุ่มและเหตุการณ์ น้องๆสามารถทบทวน ความน่าจะเป็น ได้ที่  ⇒⇒ ความน่าจะเป็น ⇐⇐ การทดลองสุ่ม การทดลองสุ่ม  คือ การทดลองซึ่งทราบว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอาจจะเป็นอะไรได้บ้าง  แต่ไม่สามารถบอกได้อย่างถูกต้องแน่นอนว่าในแต่ละครั้งที่ทำการทดลอง  ผลที่เกิดขึ้นจากการทดลองจะเป็นอะไรในบรรดาผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้เหล่านั้น  เช่น การโยนเหรียญซึ่งมีผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ 2 แบบ คือ หัวหรือก้อย เมื่อโยนเหรียญ

สมมูลและนิเสธ

สมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ

“สมมูลและนิเสธ” ของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ สมมูลและนิเสธ เราเคยเรียนกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เป็นของประพจน์ p, q, r แต่ในบทความนี้จะเป็นสมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ซึ่งก็จะเอาเนื้อหาก่อนหน้ามาปรับใช้กับประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ สิ่งที่เราจะต้องรู้และจำให้ได้ก็คือ การสมมูลกันของประพจน์ เพราะจะได้ใช้ในบทนี้แน่นอนน ใครที่ยังไม่แม่นสามารถไปอ่านได้ที่ บทความรูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน  นิเสธของตัวบ่งปริมาณ เมื่อเราเติมนิเสธลงไปในประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ข้อความต่อไปนี้จะสมมูลกัน กรณี 1 ตัวแปร ∼∀x[P(x)] ≡ ∃x[∼P(x)] ∼∃x[P(x)]

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1