โคลนติดล้อ บทความปลุกใจในรัชกาลที่ 6

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

เป็นที่รู้กันดีกว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ของเรานั้น ทรงโปรดงานด้านวรรณกรรมมาตั้งแต่ยังเยาว์ และเริ่มงานวรรณกรรมตั้งแต่ยังทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทำให้มีผลงานในพระราชนิพนธ์มากมายหลายเรื่อง และแตกต่างกันออกไป ที่ผ่านมาน้อง ๆ คงจะได้เรียนมาหลายเรื่องแล้ว บทเรียนในวันนี้ก็จะพาน้อง ๆ ไปรู้จักกับผลงานของพระองค์อีกเรื่องหนึ่ง แตกต่างจากเรื่องก่อน ๆ ที่เคยเรียนมาอย่างแน่นอน เพราะเรากำลังพูดถึงโคลนติดล้อ ผลงานในพระราชนิพนธ์ที่อยู่ในรูปแบบของบทความ จะมีที่มา มีเนื้อหาที่น่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น เราไปติดตามกันเลยค่ะ

 

ที่มาของ โคลนติดล้อ

 

โคลนติดล้อ

 

โคลนติดล้อ เป็นผลงานพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้นามแฝงว่า อัศวพาหุ ซึ่งเป็นพระนามแฝงที่ทรงใช้สำหรับบทความตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ฉบับ 28 เมษายน – 3 มิถุนายน พ.ศ. 2458 และต่อมา หนังสือพิมพ์สยามออบเซอร์เวอร์ (Siam observer) ได้นำมาพิมพ์ลงไว้อีกครั้งในชื่อว่า Clogs on our wheels
โดยพระประสงค์ของการพระราชนิพนธ์เรื่องโคลนติดล้อมาจากการที่พระองค์ต้องการจะปลุกใจให้คนไทยรักชาติและชี้ให้คนไทยได้เห็นถึงข้อบกพร่องของตนเองซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าช้ากว่าที่ควร

 

โคลนติดล้อ

 

บทความเรื่องโคลนติดล้อของรัชกาลที่ 6 ได้รับความนิยมมาก มีคนติดตามอ่านเยอะ จนพระยาวินัยสุนทรที่ใช้นามปากกาว่า “โคนันทวิศาล” ได้เขียน ล้อติดโคลน เป็นบทความโต้ตอบ แสดงให้เห็นว่ารัชกาลที่ 6 ทรงยอมรับคำวิจารณ์จากผู้อื่น ซึ่งเป็นแบบอย่างของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ดี

 

โคลนติดล้อ

 

ลักษณะคำประพันธ์

 

ลักษณะการประพันธ์เป็นบทความ เนื้อหาแสดงความคิดเห็น มีทั้งหมด 12 บท บทที่ 12 จบด้วยกาพย์ยานี 11 จำนวน 4 บท

 

โคลนติดล้อ มีทั้งหมด 12 ตอน

 

 

1.การเอาอย่างโดยไม่ตริตรอง – เอาอย่างชาวตะวันตกโดยไม่คิด ควรริเริ่มทำอะไรด้วยตัวเอง

2.การทำตนให้ต่ำต้อย -ไม่นับถือตัวเอง อาศัยชาวตะวันตกมากไป

3.การบูชาหนังสือจนเกินเหตุ – เชื่อหนังสือพิมพ์มากเกินไป จนอคติกับรัฐบาล

4.ความนิยมเป็นเสมียน – คนหนุ่มสาวไม่คิดจะประกอบอาชีพอื่นนอกจากงานเสมียน

5.ความเห็นผิด – คิดว่าตามฝรั่งแล้วจะถูกต้องเสมอ ทั้งที่ผิดจริยธรรมก็เห็นว่าดี

6.ถือเกียรติไม่มีมูล – มีบางคนคิดว่าคนมีความเสมอภาคกัน จึงไม่เคารพผู้ใหญ่ ผู้ที่เคารพคือพวกประจบ

7.ความจนไม่จริง – คนไทยจริงๆ ไม่ได้จน แต่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นหนี้พนัน จึงจน

8.แต่งงานชั่วคราว – ถูกคลุมถุงชน จึงเป็นปัญหาแก่ฝ่ายหญิง ยิ่งถ้ามีลูกยิ่งลำบาก

9.ความไม่รับผิดชอบของบิดามารดา – ชายหญิงแต่งงานกัน มีลูก เลิกกัน แล้วไม่รับผิดชอบลูก

10.การค้าสาว – ชายซื้อเมียน้อย เมื่อไม่ต้องการก็ทิ้งขว้าง

11.ความหยุมหยิม – นิสัยใจแคบ เห็นแก่ตัว ชอบจับผิดคนอื่น

12.หลักฐานไม่มั่นคง -ผู้มีหลักมีฐานไม่มั่นคง แต่ยังบกพร่องในหน้าที่ ชอบเล่นการพนัน

 

เรื่องย่อ โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน

 

ความนิยมเป็นเสมียน เป็นบทความลำดับที่ 4 ใน 12 บทความของเรื่องโคลนติดล้อ โดยเสมียน หมายถึง ผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือหรืองานธุรการ เป็นงานที่นิยมทำในหมู่คนมีการศึกษาและไม่สนใจกลับไปทำการเกษตรในบ้านเกิดของตัวเองซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าการเป็นเสมียน คนเหล่านี้นิยมใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ และมองว่าการทำงานอย่างอื่นไม่สมเกียรติจึงต้องทนอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งที่เงินเดือนไม่มากแต่ก็ยังจับจ่ายใช้สอยเพื่อความสบายต่าง ๆ เช่น ดูหนัง กินข้าวตามร้านอาหาร ถ้าคนเรายังมีค่านิยมที่เห็นว่าการเป็นเสมียนมีศักดิ์ศรีสูงกว่าการเป็นชาวนา ชาวสวน หรือพ่อค้า คนก็มักจะทะเยอทะยาน อยากเป็นเสมียน เมื่อกระทรวงทบวงการคัดเลือกเสมียนที่มีมากเกินความจำเป็นออก บุคคลเหล่านี้จะไม่สามารถไปทำงานอื่นได้ เพราะเคยทำแต่เสมียนมานาน และไม่อาจไปเป็นชาวนาได้ ด้วยเห็นว่าไม่สมศักดิ์ศรี ไม่สมเกียรติของตัว จึงไม่สามารถไปอยู่บ้านนอกได้ ดังนั้นจึงต้องฝืนอยู่ในเมืองแล้วเป็นเสมียนต่อไป แต่เมื่ออายุมากขึ้นโอกาสที่จะได้งานก็มีน้อยลงตามไปด้วย ในตอนท้ายของบทความ จบด้วยคำถามกระตุ้นให้ผู้อ่านคิดตามมา สมควรหรือไม่ที่จะเปลี่ยนค่านิยมในการเป็นเสมียนแล้วหันไปทำงานอื่น ๆ ที่ทำประโยชน์ได้ดีกว่าการเป็นเสมียน

 

บทความเรื่องโคลนติดล้อ เป็นบทความที่ได้รับความนิยม นอกจากนี้ยังมีความแปลกใหม่สำหรับวงการวรรณกรรมไทยในยุคนั้น ทำให้เห็นพระปรีชาของรัชกาลที่ 6 และภาพสะท้อนของสังคมในยุคนั้น แต่เราไม่ได้จะศึกษากันแค่ที่มากับเนื้อเรื่องนะคะ เพราะบทเรียนต่อไปเราจะพาน้อง ๆ ไปรู้จักวรรณกรรมเรื่องนี้มากขึ้นนะคะว่ามีตัวบทเด่น ๆ และคุณค่าอย่างไรบ้าง สุดท้ายนี้อย่าลืมทบทวนบทเรียนโดยการตามไปดูคลิปการสอนของครูอุ้มเพื่อทบทวนบทเรียนนะคะ

 

 

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

เทคนิคอ่านจับใจความ Skim and Scan

เทคนิคอ่านเร็วจับใจความในภาษาอังกฤษ (Skimming and Scanning)

เคยเป็นมั้ยว่าเจอบทความภาษาอังกฤษทีไร ปวดหัวทุกที ทั้งเยอะและยาว เมื่อไหร่จะอ่านจบกว่าจะตอบได้หมดเวลากันพอดี สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.1 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคการอ่านเพื่อจับใจความสำคัญ โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า อ่านแบบเร็ว (จ๊วด …) หรือ Speed Reading (ภาษาอีสาน จ๊วด แปลว่า เร็วเหมือนเสียงปล่อยจรวด) ถ้าเราสามารถอ่านได้เร็วเหมือนจรวดคงเป็นสิ่งที่ดีมาก ไปจ๊วดกันเลยกับเทคนิคอ่านเร็วทุกคน ก่อนอื่นจะต้องรู้จักกับประเภทของ Speed Reading กันก่อนค่ะ การอ่านแบบจับใจความสำคัญส่วนใหญ่แล้วเราจะเจอ

อนุกรมเลขคณิต

อนุกรมเลขคณิต

อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเลขคณิต คือการนำลำดับเลขคณิตแต่ละพจน์มาบวกกัน โดย เขียนแทนด้วย จากบทความ “สัญลักษณ์การบวก” ซึ่งเป็นการลดรูปการเขียนจำนวนหลายจำนวนบวกกัน ในบทความนี้จะพูดถึงการบวกของลำดับเลขคณิต การหาผลบวก สูตรสำหรับการหาผลบวกเลขคณิต สูตรอนุกรมเลขคณิต สูตรของอนุกรมเลขคณิตมีอยู่ 2 สูตร ดังนี้ 1)   โดยที่ d คือ ผลต่างร่วม 2)   โดยจะใช้สูตรนี้ก็ต่อเมื่อรู้ค่า

การเก็บรวบรวมข้อมูล

การเก็บรวบรวมข้อมูล

การเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญมากทางสถิติ เพื่อใช้ในการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยข้อมูลที่ได้มีหลากหลายรูปแบบ อาจจะเป็นตัวเลข ข้อความ หรือรูปภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตอบสนองวัตถุประสงค์หรือเป็นเรื่องที่เราสนใจ โดยสามารถจำแนกข้อมูลได้ตามลักษณะและแหล่งที่มาของข้อมูล ได้แก่ จำแนกตามลักษณะของข้อมูล แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) คือ ข้อมูลที่วัดค่าได้ แสดงเป็นตัวเลข ซึ่งสามารถนำมาใช้เปรียบเทียบกันได้โดยตรง เช่น จำนวนบุตรในครอบครัว,

M2 V. to be + ร่วมกับ Who WhatWhere + -Like + infinitive

การใช้ V. to be ร่วมกับ Who/ What/Where และ Like +V. infinitive

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้ V. to be + ร่วมกับ Who/ What/Where + -Like + infinitive ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สับสนบ่อย แต่ที่จริงแล้วง่ายมากๆ ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go ความหมาย    Verb to be

ศึกษาตัวบทและคุณค่าของวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา

ราชาธิราช   หลังจากได้ศึกษาประวัติความเป็นมาและเรื่องย่ออย่างคร่าว ๆ ของวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสากันไปแล้ว บทเรียนวันนี้เราจะมาศึกษาเกี่ยวกับตัวบทเด่น ๆ ที่น่าสนใจและคุณค่าที่อยู่ในเรื่องนี้กันค่ะ ไปดูพร้อม ๆ กันเลยนะคะว่าวรรณคดีที่ถูกแปลมาจากพงศาวดารมอญอย่างราชาธิราชเรื่องนี้จะมีตัวบทไหนที่น่าสนใจและให้คุณค่าอะไรบ้าง   ศึกษาตัวบทราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา     บทเด่น ๆ บทที่ 1    บทดังกล่าวเกิดขึ้นในตอนที่สมิงพระรามอาสาไปขี่ม้ารำทวนสู้กับกามะนี

การใช้คำ

เรียนรู้และทำความเข้าใจการใช้คำในภาษาไทยอย่างง่ายๆ

การใช้คำในภาษาไทย มีความสำคัญมาก แม้ว่าน้อง ๆ จะคุ้นเคยกับภาษาไทยดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่แน่ใจหรือเปล่าคะว่าใช้คำกันได้อย่างถูกต้องแล้ว เพราะการใช้คำให้ถูกก็ถือเป็นเรื่องสำคัญค่ะ ดังนั้นบทเรียนหลักภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้เรื่องการใช้คำต่าง ๆ ได้ถูกต้องกันค่ะ จะมีอะไรบ้างไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   การใช้คำ     การใช้คำกำกวม   คำกำกวม คือ การใช้คำหรือภาษาที่มีความหมายไม่ชัดเจน เป็นเหตุให้การสื่อสารผิดพลาด

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1