รู้ไว้ไม่พลาด! คำที่มักเขียนผิด ในภาษาไทย มีคำว่าอะไรบ้าง?

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

ปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการสะกดคำในภาษาไทยถือเป็นปัญหาใหญ่หลัก ๆ ของเด็กทุกคนในสมัยนื้ เนื่องจากว่าโลกของเรามีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ในโซเชี่ยลมีเดียพูดคุยกับเพื่อน โดยการจะตัดคำให้สั้นลงหรือเปลี่ยนตัวสะกด ลดการใช้ตัวการันต์ ทำให้เมื่อต้องมาเขียนคำที่ถูกต้องกันจริง ๆ ก็มีเด็ก ๆ หลายคนที่สะกดผิด ไม่รู้ว่าคำที่ถูกต้องเป็นอย่างไร น้อง ๆ อยากลองสำรวจตัวเองดูกันไหมคะว่าคำในภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เราเขียนถูกกันมากน้อยแค่ไหน อยากถามรู้แล้วเราไปดูเรื่อง คำที่มักเขียนผิด พร้อมกันเลยค่ะ

 

การเขียนสะกดคำ

 

การเขียนสะกดคำ หมายถึง การเขียนโดยเรียงลำดับพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกดเป็นคำได้อย่างถูกหลักเกณฑ์ และถูกต้องตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ถูกต้อง

 

ความสำคัญของการเขียนสะกดคำ

 

ตัวอักษรเป็นเครื่องหมายที่ใช้แทนคำพูด เพราะฉะนั้นการเขียนที่เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ภาษาจึงมีความสำคัญ เพราะการจะสื่อสารผ่านการเขียนให้เข้าใจ ผู้สื่อสารจะต้องสะกดให้ถูกเพื่อไม่ให้ความหมายนั้นคลาดเคลื่อนหรือถูกบิดเบือน หรืออาจทำให้คำที่มีความหมาย กลายเป็นคำไม่มีความหมายเลยก็ได้

 

รูปแบบการสะกดผิด

 

 

1. การสะกดผิดที่พยัญชนะต้น

เป็นการสะกดผิดที่มีการแทนที่พยัญชนะต้นด้วยพยัญชนะที่ออกเสียงคล้ายกัน เช่น ร กับ ล, น กับ ณ, ส กับ ศ หรือ ซ กับ ทร เป็นต้น เช่น

 

 

นอกจากนี้ยังมีการสะกดผิดที่เติมพยัญชนะต้นเพิ่มเข้าไปทำให้กลายเป็นคำสะกดผิด คำที่สะกดผิดในรูปแบบนี้มักเกิดกับคำที่เป็นอักษรควบกล้ำ โดยเฉพราะคำที่มี ร และ ล ประสมในอักษรควบ อย่าง กร ผล หรือ กล เป็นต้น เช่น

กะทันหัน สะกดผิดเป็น กระทันหัน

ผัดผ่อน สะกดผิดเป็น ผลัดผ่อน

วางก้าม สะกดผิดเป็น วางกล้าม

 

2. คำสะกดผิดที่ตัวสะกด

การสะกดผิดที่ตัวสะกด จะมีด้วยกัน 3 ลักษณะคือ คำสะกดผิดที่มีการแทนที่ตัวสะกด, เติมตัวสะกด และลบตัวสะกด

คำสะกดผิดที่มีการแทนที่ตัวสะกด การแทนที่ในลักษณะนี้จะมาจากตัวอักษรอื่นที่อยู่มาตราตัวสะกดเดียวกัน ถึงแม้ว่าคำที่ได้นั้นจะออกเสียงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นการสะกดผิด เช่น คำว่า ทูนหัว ที่มักจะสะกดผิดเป็น ทูลหัว เป็นต้น

คำสะกดที่มีการเติมตัวสะกด เป็นการเติมตัวสะกดเข้าไปในคำที่ไม่จำเป็นต้องใส่ เช่น ทรมาทรกรรม มักสะกดผิดเป็น ทรมานทรกรรม เพราะคนส่วนใหญ่จะเติมตัวสะกดให้ตามการออกเสียงของตัวเอง

คำสะกดผิดที่มีการลบตัวสะกด รูปแบบนี้เกิดจากการที่คนไม่ใส่ตัวสะกดเพราะคิดว่าไม่มี ทำให้กลายเป็นคำสะกดผิด เช่น อธิษฐาน มักสะกดผิดเป็น อธิฐาน

 

3. คำสะกดผิดที่สระ

ลักษณะของคำสะกดผิดที่สระ จะคล้ายกับตัวสะกด คือมีการแทนที่ การเติม และการลบสระ

คำสะกดผิดที่มีการแทนที่สระ คำสะกดผิดเช่นนี้คือการเลือกใช้สระไม่ถูกต้อง ซึ่งสระที่คนมักสับสนมากที่สุดก็คือ สระไ- กับ สระ -ใ เช่น เยื่อใย มักสะกดผิดเป็น เยื่อไย หรือ ไต้ฝุ่น มักสะกดผิดเป็น ใต้ฝุ่น เป็นต้น

คำสะกดผิดที่มีการเติมสระ การสะกดในรูปแบบนี้มักจะชอบเติมสระเข้าทั้งที่ไม่เป็นโดยยึดจากการออกเสียงของตัวเอง เช่น คำว่า ธุรกิจ อ่านว่า ธุ-ระ-กิด เมื่ออ่านเช่นนี้ คนบางกลุ่มจึงคิดว่าต้องมีสระอะ จึงเขียนผิดเป็น ธุระกิจ หรือ คำว่า ลออ ที่อ่านว่า ละ-ออ ก็เขียนผิดเป็น ละออ เป็นต้น

คำสะกดผิดที่มีการลบสระ เป็นการสะกดที่ตรงข้ามกับการเติม ส่วรมากเป็น สระอะ ที่คนเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องเขียนรูปสระ เช่น เขียน สะดุ้ง เป็น สดุ้ง หรือในอีกกรณีหนึ่งคือลบไม้ไต่คู้ออกเพราะคิดว่าไม่ต้องเขียน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม้ไต่คู้เป็นส่วนประกอบของสระแอะ และสระเอาะ เช่น คำว่า ผล็อย มักสะกดผิดเป็น ผลอย เป็นต้น

 

4. คำสะกดผิดที่ตัวการันต์

การใส่ตัวการันต์นั้นมีความสำคัญมาก เพราะถ้าหากใส่ผิดก็จะทำให้ความหมายเปลี่ยน เช่น คำว่า อินทรี ที่หมายถึงนก ถ้าหาก เติม ย์ เข้าไปเป็น อินทรีย์ ก็จะกลายเป็นคำที่มีความหมายว่า สาร,สารอินทรีย์

 

คำที่มักเขียนผิด

 

5. คำสะกดผิดที่วรรณยุกต์

คำสะกดผิดที่วรรณยุกต์นั้นมีทั้งการเติมวรรณยุกต์โดยไม่จำเป็น เช่น จักจั่น สะกดผิด จั๊กจั่น หรือการใช้รูปวรรณยุกต์ผิด เช่น เลื้อยเจื้อย สะกดผิดเป็น เลื่อยเจื้อย ซึ่งการสะกดคำที่ผิดตรงวรรณยุกต์นี้มาจากการผันวรรณยุกต์ไม่ถูก และเพราะคนไทยมีสำเนียงที่แตกต่างกัน ทำให้บางคนสะกดตามการออกเสียงของตัวเอง ทำให้เขียนผิดนั่นเอง

 

คำที่มักเขียนผิด

 

คำไทยที่คนส่วนใหญ่มักสะกิดผิด มาลองเช็คดูกันนะคะว่าเราเขียนถูกกันหรือเปล่า

 

คำที่มักเขียนผิด

คำที่มักเขียนผิด

 

การสะกดคำให้ถูกต้องนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ หลังจากที่ได้เรียนรู้ คำที่มักเขียนผิด กันไปแล้ว น้อง ๆ ก็คงจะรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าที่ผ่านมาตัวเองสะกดคำเหล่านี้กันได้อย่างถูกต้องหรือไม่ ถ้าผิดก็รีบจำใหม่นะคะ จะได้ไม่พลาดเวลาทำข้อสอบและใช้ในการชีวิตประจำค่ะ สุดท้ายนี้น้อง ๆ สามารถไปดูคลิปการสอนของครูอุ้มเพื่อดูตัวอย่างเพิ่มเติมของคำไทยที่มักสะกดผิดได้เลยค่ะว่ามีคำไหนกันบ้าง

 

 

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

หลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense

สวัสดีนักเรียนชั้นม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง” หลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense” พร้อมทั้งตัวอย่างสถานการณ์ใกล้ตัว และเทคนิคการจำและนำ Tense ไปใช้กันจร้า ซึ่ง Simple Present Tenseและ Present Continuous Tense นั้นมีสิ่งที่เหมือนกันคือ อยู่ในรูปปัจจุบัน (Present) เหมือนกัน

เสียงพยัญชนะ

การออกเสียงพยัญชนะต้นคำและพยัญชนะท้ายคำที่ออกเสียงยากในภาษาอังกฤษ

สวัสดีน้องๆ ม.​ 3 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้การออกเสียงพยัญชนะต่างๆ ที่ขึ้นชื่อว่าออกเสียง “ยาก” ในภาษาอังกฤษ จะมีตัวอะไรกันบ้างนั้นเราไปดูกันเลยครับ

ดีเทอร์มิแนนต์

ดีเทอร์มิแนนต์ ดีเทอร์มิแนนต์ (Determinant) คือ ค่าของตัวเลขที่สอดคล้องกับเมทริกซ์จัตุรัส ถ้า A เป็นเมทริกซ์จัตุรัส จะเขียนแทนดีเทอร์มิแนนต์ของ A ด้วย det(A) หรือ โดยทั่วไปการหาค่าดีเทอร์มิแนนต์ที่เจอในข้อสอบจะไม่เกินเมทริกซ์ 3×3 เพราะถ้ามากกว่า 3 แล้ว จะเริ่มมีความยุ่งยาก **ค่าของดีเทอร์มิแนนต์จะเป็นจำนวนจริงและมีเพียงค่าเดียวเท่านั้นที่จะสอดคล้องกับเมทริกซ์จัตุรัส เช่น เมทริกซ์ B ก็จะมีค่าดีเทอร์มิแนนต์เพียงค่าเดียวเท่านั้น**  

การนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยเเผนภูมิวงกลม

การนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยเเผนภูมิวงกลม การนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยเเผนภูมิวงกลม เป็นการนำเสนอข้อมูลโดยการเเบ่งพื้นที่ของวงกลมออกเป็นส่วน ๆ เเละมีขนาดของสัดส่วนตามข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ การนำเสนอด้วยเเผนภูมิวงกลมเป็นการนำเสนอข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างน่าสนใจ สามารถวิเคราะห์เเละเเปรข้อมูลได้ง่ายขึ้น การสร้างแผนภูมิรูปวงกลมเพื่อนำเสนอข้อมูล การสร้างแผนภูมิวงกลม ทำได้โดยการเเบ่งมุมรอบจุดศูนย์กลางของวงกลมที่มีขนาด 360 องศา ออกเป็นส่วน ๆ ที่เรียกว่า มุมที่จุดศูนย์กลางของวงกลม ตามขนาดที่ได้จากการเทียบส่วนกับปริมาณทั้งหมดในข้อมูล มุมที่จุดศูนย์กลาง = (จำนวนที่สนใจ/จำนวนทั้งหมด) x 360 องศา ตัวอย่างการสร้างแผนภูมิวงกลม จากข้อมูลการสำรวจที่ได้เก็บรวมรวบข้อมูลจากนักเรียนทั้งหมด 200

การให้เหตุผลแบบนิรนัย

การให้เหตุผลแบบนิรนัย

จากบทความที่แล้วเราได้เรียนเรื่องการให้เหตุผลแบบอุปนัยไปแล้ว บทความนี้พี่จะพูดถึงการให้เหตผลแบบนิรนัย ซึ่งแน่นอนว่ามักจะเจอในข้อสอบ O-Net แต่น้องๆไม่ต้องกังวลว่าจะทำไม่ได้ หากน้องได้อ่านบทความนี้แล้วน้องๆจะทำข้อสอบเกี่ยวกับการให้เหตุผลได้แน่นอนค่ะ

ศึกษาที่มาของ ขัตติยพันธกรณี บทประพันธ์ที่มาจากเรื่องจริงในอดีต

ขัตติยพันธกรณี เป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5 มีที่มาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ น้อง ๆ สงสัยกันไหมคะว่าเกี่ยวกับเรื่องไหน เหตุใดพระองค์จึงต้องพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่องนี้ขึ้นมา เราไปหาคำตอบถึงที่มา ความสำคัญ และเนื้อเรื่องกันเลยค่ะ รับรองว่านอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับบทประพันธ์แล้ว บทเรียนในวันนี้ยังมีเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ให้น้อง ๆ อีกด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ที่มาของ ขัตติยพันธกรณี     ขัตติยพันธกรณีมีความหมายถึงเหตุอันเป็นข้อผูกพันของกษัตริย์ เป็นพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและตอบกลับโดยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีที่มาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ ช่วง

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1