กลอนสุภาพ แต่งอย่างไรให้ไพเราะ

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

กลอนสุภาพ เป็นคำประพันธ์ที่หลาย ๆ คนคงจะรู้จักกันดีเพราะพบเจอในวรรณคดีได้ง่าย ใช้กันอย่างแผ่หลาย บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ทุกคนมาสวมบทนักกวี ฝึกแต่งกลอนสุภาพกันอย่างง่าย ๆ จะมีวิธีและรูปฉันทลักษณ์อย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

 

ความรู้ทั่วไปเที่ยวกับกลอนสุภาพ

 

กลอนสุภาพ

กลอนสุภาพ หมายถึง กลอนเพลงยาว บางครั้งเรียก กลอนแปด กลอนตลาด กลอนสุภาพ เป็นกลอนประเภทหนึ่งที่เรียบเรียงเข้าเป็นคณะ ใช้ถ้อยคำและทำนองเรียบ ๆ เป็นพื้นฐานของกลอนหลายชนิด มีชื่อเรียกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการแต่ง เช่น ถ้าแต่งเพื่อเล่นละครก็จะเรียกกลอนนั้นว่า กลอนบทละคร เป็นต้น

 

วรรณคดีที่แต่งโดยใช้กลอนสุภาพ

 

 

ก่อนที่จะมีนวนิยายให้ได้อ่านกันในปัจจุบัน เรื่องราวความบันเทิงของคนในอดีตจะอยู่ในรูปแบบของนิทาน โดยนิทานเหล่านั้นก็จะใช้การบรรยายออกมาในลักษณะของลิลิต ฉันท์ กาพย์ กระทั่งสุนทรภู่ กวีเอกของเมืองไทย เริ่มแต่งนิทานออกมาเป็นคำกลอน นั่นก็คือเรื่อง โคบุตร เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบที่ใช้ฝึกแต่งกลอนเลยก็ว่าได้ค่ะ ทำให้การแต่งกลอนแผ่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ และกลอนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดของกลอนสุภาพ ก็คือ บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน นั่นเองค่ะ

 

 

ลักษณะของกลอนสุภาพ

 

คณะ หมายถึง การจัดคำให้เป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของรูปแบบคำประพันธ์ สำหรับกลอนสุภาพหรือกลอนแปด ในหนึ่งบทจะมี 2 บาท ซึ่งประกอบไปด้วยบาทเอกและบาทโท หนึ่งบาทมี 2 วรรค แต่ละวรรคจะมีชื่อเรียกดังนี้

วรรคแรก เรียกว่า วรรคสดับ

วรรคสอง เรียกว่า วรรครับ

วรรคสาม เรียกว่า วรรครอง

วรรคสี่ เรียกว่า วรรคส่ง

คำหรือพยางค์ กลอนสุภาพหรือกลอน 8 มีจำนวนคำ 8 คำตามชื่อ แต่บางกรณีถ้าหาคำลงไม่ได้ก็สามารถอนุโลมให้มี 7-9 คำได้

สัมผัส คือ ลักษณะที่บังคับให้ใช้คำที่เสียงสัมผัสคล้องจองกัน

1. สัมผัสสระ เป็นคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปที่มีเสียงสระพ้องกัน ถ้ามีตัวสะกด มาตราตัวสะกดนั้นก็ต้องเป็นมาตราตัวสะกดเดียวกัน

2. สัมผัสอักษร คำที่มีพยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน อาจเป็นพยัญชนะตัวเดียวกัน พยัญชนะควบชุดเดียวกัน หรือเป็นพยัญชนะเสียงต่ำคู่เสียงสูงก็ได้

3. สัมผัสใน เป็นการสัมผัสที่ไม่บังคับ คำ 2 คำที่คล้องจองจะอยู่ในวรรคเดียวกัน สามารถสัมผัสได้ทั้งสระและอักษร สัมผัสในช่วยให้บทร้อยกรองมีความไพเราะมากขึ้น

4. สัมผัสนอก เป็นสัมผัสบังคับ ดังนี้

  • สัมผัสระหว่างวรรค

– คำสุดท้ายของวรรคสดับ สัมผัสกับคำที่ 3 หรือ 5 ของวรรครับ

– คำสุดท้ายของวรรครับ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรครอง

– คำสุดท้ายของวรรครอง สัมผัสกับคำที่ 3 หรือ 5 ของวรรคส่ง

  • สัมผัสระหว่างบท

– คำสุดท้ายของวรรคส่ง สัมผัสกับคำสุดท้ายของบทต่อไป

 

กลอนสุภาพ

 

กลอนสุภาพ แต่งอย่างไรให้ไพเราะ

 

กลอนสุภาพ

 

การแต่งกลอน ต้องเขียนให้เป็นเรื่องราว สามารถสื่อความหมายได้ แต่นอกจากเนื้อหาแล้ว ความไพเราะก็จะอยู่ที่การใช้ภาษา การเลือกคำมาแต่ง รวมไปถึง คำท้ายวรรค การลงเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรคที่จะช่วยให้กลอนมีความไพเราะมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีการบังคับ แต่เสียงวรรณยุกต์ก็มีความสำคัญ เพราะจะทำให้กลอนที่แต่งมีความไพเราะมากขึ้นนั่นเองค่ะ ตัวอย่างเช่น ถ้าคำสุดท้ายของวรรครับเป็นเสียงวรรณยุกต์เดียวกันกับคำสุดท้ายของวรรครอง เวลาอ่านแล้วจะรู้สึกว่ากลอนบทนั้นเป็นบทเรียบ ๆ ไม่น่าสนใจ

 

การลงเสียงวรรณยุกต์

วรรคสดับ เลี่ยงเสียงสามัญ

วรรครับ เสียงเอก โท จัตวา

วรรครอง เสียงสามัญ ตรี

วรรคส่ง เสียงสามัญ ตรี

 

รูปตัวอย่างบทกลอนที่ไพเราะ จากเรื่องพระอภัยมณี

 

หลังจากได้เรียนรู้เรื่องการแต่งกลอนสุภาพไปอย่างคร่าว ๆ แล้วไม่ยากเลยใช่ไหมคะ สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่อ่านวิธีแต่งกลอนสุภาพแล้วยังไม่เห็นภาพชัดเจน ก็สามารถไปติดตามดูคลิปการสอนของครูอุ้มได้เลยค่ะ ในคลิป ครูอุ้มจะอธิบายวิธีการแต่งกลอนสุภาพอย่างละเอียด ดูจบแล้ว ก็สามารถฝึกแต่งกลอนด้วยตัวเองได้ทันที ไปชมกันเลยค่ะ

 

ฝึกแต่งกลอนสุภาพ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

สมบัติการคูณจำนวนจริง

สมบัติการคูณจำนวนจริง

จากบทความก่อนหน้านี้น้องๆได้เรียนเรื่องสมบัติการบวกจำนวนจริงไปแล้ว บทความนี้พี่ก็จะพูดถึงสมบัติการคูณจำนวนจริงซึ่งมีเนื้อหาคล้ายๆกันกับการบวก และมีเพิ่มสมบัติการแจกแจงเข้ามา เนื้อหาเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะใช้ในการเรียนเนื้อหาบทต่อๆไป เมื่อน้องๆอ่านบทความนี้แล้วน้องๆจะเรียนเนื้อหาบทต่อๆไปได้ง่ายขึ้นแน่นอนค่ะ

พระบรมราโชวาท จดหมายของร.5ที่เขียนถึงพระโอรส

พระบรมราโชวาท เป็นจดหมายร้อยแก้วที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เขียนให้พระโอรสทั้ง 4 พระองค์ก่อนจะไปศึกษาต่างประเทศ เหตุใดเนื้อความในจดหมายถึงกลายเป็นวรรณคดีอันทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา บทเรียนในวันนี้จะพาไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมาและเนื้อหาโดยรวมของเนื้อความเพื่อให้เข้าใจถึงคำสอนและข้อคิดจากพระบรมราโชวาทของพระมหากษัตริย์ในแง่มุมของพ่อสอนลูก จะเป็นอย่างไรไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   ประวัติความเป็นมา     วรรณคดีเรื่องพระบรมราโชวาท เป็นคำสั่งสอนของรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพระราชโอรสทั้ง 4 พระองค์ที่กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ พระองค์จึงมีพระบรมราโชวาทเพื่อสั่งสอนและตักเตือนพระราชโอรส ซึ่งในการส่งไปศึกษาต่อในครั้งนี้ พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า การศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนาประชาชนและประเทศชาติ    

รู้จักอาหารชาววังโบราณผ่านกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ที่น่ารักทุกคน ก่อนที่เราจะเข้าสู่บทเรียนในวันนี้อยากให้น้อง ๆ ทานอาหารกันให้อิ่มก่อน เพราะว่าครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับอาหารชาววังทั้งของหวานอาหารคาวสารพัดเมนู ในบทเรียนวรรณคดีอันโด่งดังอย่างกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อง ๆ ชั้นมัธยมศึกษาต้องได้เรียนอย่างแน่นอน รับรองว่าถ้าเรียนเรื่องนี้จบแล้ว น้อง ๆ ทุกคนจะได้รู้จักอาหารโบราณน่าทานอีกหลากหลายเมนูเลย ถ้าพร้อมแล้วเราไปเข้าสู่เนื้อหากันเลยดีกว่า     ประวัติความเป็นมา ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับอาหารต่าง ๆ ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เราจะขอพาน้อง ๆ

ถอดคำประพันธ์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า พร้อมศึกษาคุณค่าในเรื่อง

  ในบทเรียนก่อนหน้าเราได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมา ลักษณะคำประพันธ์และเรื่องย่อกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าไปแล้ว บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะต่อเนื่องกับครั้งก่อนโดยการพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้เรื่องตัวบทเด่น ๆ ถอดคำประพันธ์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า พร้อมทั้งศึกษาคุณค่าที่แฝงอยู่ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม เนื้อหา หรือด้านวรรณศิลป์ ถ้าน้อง ๆ พร้อมจะเรียนวรรณคดีเรื่องนี้ต่อไปแล้ว ก็ไปลุยพร้อมกันเลยค่ะ     ถอดคำประพันธ์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า   สกุลเอ๋ยสกุลสูง ชักจูงจิตชูศักดิ์ศรี อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์

การใช้ไวยากรณ์ Past Simple ในการตั้งคำถาม

เกริ่นนำ เกริ่นใจ อดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วได้รับความสำคัญในหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ เอาเข้าจริง ภาษาไทยของเราเองก็มีอะไรในลักษณะนี้เหมือนกันนะ แต่จะไม่เด่นชัดในรูปประโยคจนรู้สึกว่าซับซ้อนเหมือนภาษาอังกฤษที่เรากำลังเรียน ตัวอย่างเช่น เมื่อวานไปไหนมา….หรือ ฉันไป…มา ในขณะที่ภาษาอังกฤษจะต้องมีการปรับโครงสร้างให้เป็นรูปอดีตด้วยการเปลี่ยนคำกริยาเป็นช่องที่ 2 ตัวอย่างเช่น Where “did” you go yesterday? หรือ I “went to…” เป็นต้น อย่างไรก็ดี

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1