ร่ายสุภาพ เรียนรู้บทร้อยกรองที่แต่งง่ายที่สุด

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวรรณคดีมามากมาย น้อง ๆ หลายคนก็คงจะเห็นคำประพันธ์ประเภท ร่าย ผ่านตากันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ ถึงแม้ว่าคำประพันธ์นี้จะไม่ได้มีมากที่สุด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองที่มีมาตั้งแต่โบราณ แถมยังแต่งง่ายมากที่สุดอีกด้วย จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปเรียนรู้การแต่งคำประพันธ์อย่าง ร่ายสุภาพ พร้อมกันเลยค่ะ

 

ร่าย คืออะไร?

 

ร่าย แปลว่า อ่าน เสก หรือ เดิน เหรือแปลว่าป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองแบบหนึ่งก็ได้ ร่ายเป็นบทประพันธ์ที่แต่งง่าย มีความเก่าแก่ ปรากฏในวรรณคดีสำคัญของไทยหลายเรื่อง เช่น ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ลิลิตพระลอ ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น
ร่ายเป็นคำประพันธ์ที่มีคนนิยมแต่งกันแพร่หลาย ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน

 

ร่ายสุภาพ

 

ร่ายไม่เคร่งเรื่องจำนวนคำในวรรคเหมือนคำประพันธ์ชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีลักษณะการส่งสัมผัสเป็นพิเศษกว่าคำประพันธ์ชนิดอื่น เพราะร่ายจะส่งสัมผัสต่อกันระหว่างวรรคทุกวรรคไปจนจบ

 

ประเภทของร่าย

 

ร่ายมี 4 ประเภท เรียงลำดับตามการกำเนิดจากก่อนไปหลังได้ ดังนี้:

 

ร่ายสุภาพ

 

ร่ายสุภาพ

 

ในบทเรียนเรื่องแต่งร่ายวันนี้ ร่ายประเภทที่น้อง ๆ จะได้เรียนคือร่ายสุภาพ นิยมแต่งกันแพร่หลายมาจนปัจจุบัน

 

ร่ายสุภาพ

 

 

 

ฉันทลักษณ์ของ ร่ายสุภาพ

 

คณะ

1. ร่ายสุภาพ 1 บท ไม่จำกัดจำนวนวรรค แต่ต้องไม่น้อยกว่า 5 วรรค

2. วรรคหนึ่งมี 5 คำ หรือจะมากกว่า 5 ก็ได้ แต่จังหวะในการอ่านต้องไม่เกิน 5

3. เมื่อจบบท ต้องจบที่โคลงสองสุภาพ

 

สัมผัส

1.บังคับสัมผัสระหว่างวรรคหรือสัมผัสนอกซึ่งเป็นสัมผัสสระ

2. คำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสไปยังคำที่1,2 หรือ 3 ของวรรคถัดไป

3. อาจมีสัมผัสภายในวรรคที่เรียกว่าสัมผัสใน ซึ่งเป็นได้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ

 

เอกโท

1. ร่ายสุภาพบังคับรูปวรรณยุกต์เอกและโทใน 3 วรรคสุดท้ายที่เป็นโคลงสองสุภาพ

ถ้าคำสัมผัสที่ส่งเป็นคำเป็นหรือคำตาย คำที่รับสัมผัสจะต้องเป็นคำเป็นหรือคำตายด้วย และคำสุดท้ายของบท ห้ามใช้คำตาย

 

คำสร้อย

 

 

1. เติมสร้อยในตอนสุดท้ายของบทได้อีก 2 คำ หรือจะเติมทุก ๆ วรรคของบทก็ได้

2. แต่ถ้าถึงโคลงสองจะต้องเว้นให้คำสร้อยของโคลงสองเอง

3. สร้อยชนิดนี้ต้องเหมือนกันทุกวรรค เรียกว่า สร้อยสลับวรรค

 

โคลงสองสุภาพ

 

เป็นข้อบังคับที่จะต้องมีในการแต่งร่ายสุภาพเมื่อจบบท เรามาดูกันค่ะว่าการแต่งโคลงสองสุภาพนั้นมีลักษณะอย่างไร

 

 

ฉันทลักษณ์ของโคลงสองสุภาพ

 

คณะ

1.โคลงสองสุภาพ 1 บทมี 14 คำ ไม่รวมคำสร้อย

2. โคลงสองสุภาพ 1 บท แบ่งเป็น 3 วรรค

3. วรรคที่ 1 และ 2 มี 5 คำ

4. วรรคที่ 3 มี 4 คำ หลังวรรคที่ 3 อาจมีคำสร้อยต่อท้ายหรือจะไม่มีก็ได้

 

สัมผัส

1. คำสุดท้ายของวรรคที่ 1 ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ 2

2. โคลงสองสุภาพไม่บังคับสัมผัสระหว่างบท แต่อาจมีการเพิ่มสัมผัสระหว่างบทเพื่อความไพเราะโดยส่งสัมผัสจากคำสุดท้ายของวรรคที่ 3 ไปยังคำใดคำหนึ่งในวรรคที่ 1 ของบทถัดไป

3. อาจมีสัมผัสภายในวรรคที่เรียกว่าสัมผัสใน ซึ่งเป็นได้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ เพื่อเสริมให้โคลงไพเราะยิ่งขึ้น

 

เอกโท

1.มีคำวรรณยุกต์เอกหรือคำตาย 3 คำ

2. คำที่มีรูปวรรณยุกต์โท 3 คำ

3. คำเอกจะอยู่ที่คำที่ 4 ของวรรคแรก คำที่ 2 ของวรรคที่ 2 และคำที่ 1 ของวรรคที่ 3

4. คำโทอยู่ที่คำที่ 5 ของวรรคแรก คำที่ 5 ของวรรคที่ 2 และคำที่ 2 ของวรรคที่ 3

5. ในกรณีที่หาคำเอกโทมาลงไม่ได้ สามารถใช้คำเอกโทษและโทโทษได้

 

ร่ายสุภาพเป็นหนึ่งในคำประพันธ์ ประเภทบทร้อยกรองที่ต้องบอกว่าแต่งง่ายที่สุดและไม่ซับซ้อนเหมือนประเภทอื่น ๆ เลย ลักษณะบังคับก็มีไม่มาก น้อง ๆ คนไหนที่ไม่คุ้นหูกับร่ายสุภาพและเคยเข้าใจว่าเป็นคำประพันธ์ที่แต่งยาก ต้องคิดกันใหม่แล้วลองแต่งเล่น ๆ เพื่อเป็นการฝึกฝนและทบทวนบทเรียนไปในตัว สุดท้ายนี้ถ้าน้อง ๆ คนไหนยังมีจุดที่ยังข้องใจ ไม่เข้าใจอยู่ ก็สามารถตามไปดูคลิปการสอนของครูอุ้มได้เลยค่ะ รับรองว่าถ้าฟังที่ครูอุ้มสอนจบ การแต่งร่ายสุภาพจะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับน้อง ๆ ทุกคนแน่นอนค่ะ

 

 

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การเขียนบรรยาย

การเขียนบรรยาย อธิบาย พรรณนา เรียนรู้ 3 การเขียนที่สำคัญในยุคปัจจุบัน

ทักษะการเขียนอธิบาย การเขียนบรรยาย และการเขียนพรรณนา ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะมนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณในการอยากรู้และหาคำตอบ ดังนั้นเราจึงไม่อาจเลี่ยงตอบคำถามใครได้ ดังนั้นการตอบคำถามหรือทำให้ผู้รับสารเข้าใจตรงกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทเรียนวันนี้เราจะมาเรียนรู้เทคนิคการเขียนทั้งสามแบบว่ามีวิธีการเขียนอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   การเขียน   การเขียนอธิบาย   การเขียนอธิบาย หมายถึง การทำให้บุคคลอื่นเข้าใจในความจริงที่เกิดขึ้น มีกลวิธีการเขียนดังนี้ กลวิธีการเขียนอธิบาย 1. การอธิบายตามลำดับขั้น เป็นอธิบายไปทีละขั้นตอน ใช้ในการเขียนอธิบายถึงกิจกรรมหรือวิธีทำบางสิ่งบางอย่าง    

ฟังก์ชันตรีโกณมิติอื่นๆ

ฟังก์ชันตรีโกณมิติอื่นๆ

ฟังก์ชันตรีโกณมิติอื่นๆ ฟังก์ชันตรีโกณมิติอื่นๆ ในบทความนี้จะกล่าวถึงฟังก์ชันที่เป็นส่วนกลับของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์ และฟังก์ชันที่เกิดจากการดำเนินการของค่า cosθ sinθ ซึ่งก็คือ tanθ และ cotθ นอกจากนี้ยังจะกล่าวถึงโคฟังก์ชันของฟังก์ชันตรีโกณมิติอีกด้วย ในบทความนี้สิ่งที่น้องๆต้องรู้ก็คือ วิธีการหาค่า cosθ และ sinθ จตุภาคของพิกัดจุดปลายส่วนโค้ง ซึ่งสามารถอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ การวัดความยาวส่วนโค้ง ค่าของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์ หลังจากที่น้องๆมีพื้นฐาน 2 เรื่องที่กล่าวมาแล้วเราจะเริ่มทำความรู้จักกับฟังก์ชันตรีโกณมิติอื่นๆกันค่ะ   ฟังก์ชันที่เป็นส่วนกลับของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์

ม.3 สำนวนการเสนอ การขออนุญาต และขอความช่วยเหลือ

สำนวนการเสนอ การขออนุญาต และขอความช่วยเหลือ

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม. 3 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุย “สำนวนการเสนอ การขออนุญาต และขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งเทคนิคการพูดตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า สำนวนการเสนอ   ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ล้วนจะต้องเจอกลุ่มประโยคคำถามในเชิงชักชวน และการเสนอแนะที่ใช้เป็นรูปแบบคำถามนั้นถือเป็นการเสนอแนะชักชวนทางอ้อม ถ้าเทียบกับนิสัยคนไทยแล้ว ก็เพื่อแสดงถึงความเกรงใจ ไม่พูดมาตรงๆ เพื่อจุดประสงคืบางอย่าง ซึ่งเป็นนิสัยที่คนไทยส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว ในภาษาอังกฤษการใช้ภาษาเหล่านี้จะทำให้การสนทนาดูเป็นธรรมชาติและคล่องมากขึ้น โดยที่บางครั้งผู้ถามนั้นหว่านล้อมผู้ฟังด้วยการ ชวนให้ทำ หรือแนะนำให้ทำนั่นเอง ประโยคคำถามที่ใช้มีดังนี้  

โจทย์ปัญหาการนำเสนอข้อมูล

โจทย์ปัญหาการนําเสนอข้อมูล

บทความนี้จะยกตัวอย่างเกี่ยวกับโจทย์ปัญหาการนำเสนอข้อมูลให้น้องๆทราบถึงวิธีคิดหรือวิธีทำเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง

คำสมาสแบบสมาส คำสมาสแบบสนธิ

เรียนรู้หลักการสร้างคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิ

บทนำ คำสมาส และคำสนธิ ถือว่าเป็นหนึ่งบทเรียนในหลักภาษาไทยของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องยาก และปราบเซียนในการสอบสุด ๆ เนื่องจากว่าเราจะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่อง คำบาลี สันสกฤตเพื่อให้สามารถแยกแยะคำ หรือสร้างคำใหม่ได้ รวมไปถึงต้องจำหลักการอ่านเชื่อมเสียงแบบต่าง ๆ จึงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามันยากมาก แต่จริง ๆ แล้วน้อง ๆ หลายคนอาจเคยได้ยินหลักการจำที่ว่า “คำสมาสนำมาชน สนธินำมาเชื่อม” ซึ่งเป็นวิธีที่น้อง ๆ ควรจะใช้เป็นแนวทางในการจำอย่างเข้าใจ ดังนั้น เพื่อเป็นการเรียนรู้เรื่องคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิให้เข้าใจมากขึ้น

01NokAcademy_Question Tag Profile

การใช้โครงสร้างประโยค Question Tags (ปัจจุบัน)

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป. 6 ที่น่ารักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้ในหัวข้อเรื่อง การใช้โครงสร้างประโยค Question Tags ในรูปแบบปัจจุบัน โดยที่เราจะเจอกลุ่มประโยคในลักษณะนี้ร่วมกับรูปแบบโครงสร้างประโยคและกริยาที่เป็นปัจจุบัน (V. 1 and Present form) พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยค่า ความหมายของ Question Tags   Question แปลว่า คำถาม ส่วนคำว่า Tag จะแปลว่า วลี

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1