ทริคสังเกต ประโยคในภาษาไทย รู้ไว้ไม่สับสน

ประโยคในภาษาไทย

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

 

น้อง ๆ หลายคนคงจะเคยสับสนและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประโยคในภาษาไทยกันมาไม่มากก็น้อย ทำไมอยู่ดี ๆ เราถึงไม่เข้าใจประโยคภาษาไทยที่พูดกันอยู่ทุกวันไปได้นะ? แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ กลับไปทบทวนเกี่ยวกับเรื่องประโยคอีกครั้ง พร้อมเรียนรู้เคล็ดลับการสังเกตประโยคง่าย ๆ จะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

 

ความหมายของประโยค

 

ประโยค เป็นหน่วยทางภาษาที่เกิดจากการนำคำหลาย ๆ คำ หรือกลุ่มคำ มาเรียงต่อกันอย่างเป็นระบบ มีความสัมพันธ์กัน มีหน้าที่สื่อความหมายให้สมบูรณ์

 

โครงสร้างของประโยคในภาษาไทย

 

ประโยคที่สมบูรณ์ จะประกอบไปด้วยภาคประธานและภาคแสดง โดยที่ภาคประธาน จะหมายถึงผู้กระทำเป็นส่วนสำคัญของประโยค อาจมีบทขยายมาทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนภาคแสดงจะประกอบไปด้วยกริยา  กรรม และส่วนเติมเต็ม ทำหน้าที่เป็นตัวกระทำหรือผู้ถูกกระทำของภาคประธาน ทำให้ประโยคมีความสมบูรณ์มากขึ้น

 

ประโยคในภาษาไทย

 

วิธีสังเกต ประโยคในภาษาไทย

 

 

ประโยคความเดียว

 

ประโยคความเดียว  เป็นประโยคที่มุ่งกล่าวถึงประโยคใดประโยคหนึ่ง มีใจความสำคัญเพียงแค่หนึ่งใจความ โดยที่ภาคประธานอาจจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของก็ได้ แต่สิ่งนั้นจะต้องแดงกิริยาอาการอยู่ในสภาพเดียว

 

ประโยคในภาษาไทย

 

แต่ทั้งนี้ ไม่ได้ความหมายประโยคความเดียวจะต้องมีกริยาเพียงแค่ 1 เท่านั้นนะคะ เพราะในความเป็นจริง ก็มีประโยคความเดียวที่มีกริยา 2 ตัวเช่นกัน เพียงแต่ว่าหลักสำคัญของประโยคความเดียวคือต้องมีใจความเพียง 1 ใจความ ดังนั้นประโยคนั้นจะต้องมีกริยาหลัก 1 ตัว แต่จะมีกริยารองกี่ตัวก็ได้

ตัวอย่าง มานีชอบไปโรงเรียน ประโยคความเดียวนี้มีกริยาหลัก 1 ตัว คือ คำว่า ชอบ ส่วนกริยาคำว่า ไป เป็นกริยารอง เพราะใจความสำคัญของประโยคนี้คือมานีชอบไปโรงเรียน ไม่ใช่ไปโรงเรียนเฉย ๆ

 

ประโยคความรวม

 

ประโยคความรวม  หมายถึงประโยคที่เอาประโยคความเดียวมารวมกันจนเกิดเป็นประโยคความรวมโดยมีคำสันธานเป็นตัวเชื่อมประโยค

สังเกตประโยคความรวมผ่านความหมาย

ประโยคที่มีเนื้อหาคล้อยตามกัน – จะใช้คำสันธานเชื่อมประโยคดังนี้ และ กับ ทั้ง…แล ถ้า..จึง พอ…ก็ เมื่อ…ก็ แล้ว…จึง แล้ว…ก็

ประโยคที่มีเนื้อหาขัดแย้งกัน – จะใช้คำสันธานเชื่อมประโยคดังนี้ แต่ แต่ทว่า ถึง..ก็ ทั้งที่…ก็ กว่า…ก็ แม้ว่า…ก็ แม้…ก็

ประโยคที่มีใจความเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง – จะใช้คำสันธานเชื่อมประโยคดังนี้ หรือ มิฉะนั้น ไม่เช่นนั้น มิฉะนั้น…ก็ ไม่…ก็ หรือไม่อย่างนั้น…ก็

ประโยคที่มีข้อความเป็นเหตุเป็นผลกัน จะใช้คำสันธานเชื่อมประโยคดังนี้ เพราะ…จึง เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้น…จึง เพราะว่า ดังนั้น…จึง

 

 

ประโยคความซ้อน

 

ประโยคความซ้อน คือประโยคที่มีข้อความหลายประโยคซ้อนกันอยู่ในประโยคเดียวกัน ประโยคหลักเรียกว่า มุขยประโยค และมีประโยคย่อย เรียกว่า อนุประโยค โดยประย่อยนี้จะต้องอาศัยประโยคหลักเพื่อให้มีใจความสมบูรณ์

 

 

ข้อแตกต่างของประโยคในภาษาไทย

 

การสังเกตประโยคอย่างง่าย คือต้องมองข้อแตกต่างให้ออก เมื่อรู้แล้วว่าแต่ละประโยคแตกต่างกันอย่างไรก็จะทำให้แยกประโยคออกและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น มาดูข้อแตกต่างของประโยคต่าง ๆ กันค่ะว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

1. ประโยคความเดียวมี 1 ประธาน แต่ประโยคความรวมมี 2 ประธาน

2. ประโยคความเดียวมี 1 กริยาหลัก แต่ประโยคความรวมมีกริยามากกว่า 2

3. ประโยคซ้อนและประโยคความรวมมีสองประโยครวมอยู่ในประโยคเดียวเหมือนกัน แต่ประโยคความซ้อนจะมีประโยคหนึ่งไม่สมบูรณ์ทำให้ต้องมีประโยคหลักมาช่วยประโยคย่อย ประโยคจึงจะมีใจความสำคัญ ในขณะที่ประโยความรวมมาจากประโยคความเดียวนำมารวมกัน ทำให้แต่ละประโยคที่ถูกรวมมีความหมายและใจความสำคัญในตัวเอง

 

 

จบไปแล้วนะคะสำหรับบทเรียนเรื่องการสังเกต ประโยคในภาษาไทย ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ น้อง ๆ คนไหนที่ยังสับสน ถ้าหมั่นทบทวนและทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ รับรองว่าเรื่องประโยคจะกลายเป็นเรื่องหมู ๆ ที่ไม่ทำให้น้อง ๆ ต้องกลัวเวลาเจอในข้อสอบกันอีกต่อไปแล้วค่ะ และเพื่อให้ได้ความรู้ควบคู่ความสนุกเพลิดเพลินไปด้วย อย่าลืมไปดูคลิปการสอนของครูอุ้มระหว่างทบทวนบทเรียนนะคะ รับรองว่าจะต้องทำให้น้อง ๆ ทุกคนเข้าใจขึ้นอย่างมากเลยค่ะ

 

ประโยคความซ้อน

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
เรียนพิเศษออนไลน์ ดูได้ทั้ง 4 รายวิชา - NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ตัวอย่างโจทย์ปัญหาสัดส่วน

บทความนี้เราจะได้เรียนรู้วิธีการในการหาค่าตัวแปรในการใช้สัดส่วน สามารถมารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแก้โจทย์ปัญหาในชีวิตจริงได้ พิจารณาสิ่งที่ต้องการแสดงการเปรียบเทียบโดยการเขียนเป็นอัตราส่วนสองอัตราส่วนอย่างเป็นลำดับและหาค่าของตัวแปรได้

Passive voice + Active Voice

การใช้ Passive Voice และ Active Voice ในรูปปัจจุบัน 

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดูการใช้ Passive Voice และ Active Voice ในรูปปัจจุบัน กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ   ความแตกต่างของ Passive Voice VS Active Voice       Passive Voice คือประโยคที่เน้นกรรม เน้นว่าใครถูกทำ  Active

ผู้ชนะ

ผู้ชนะ บทอาขยานที่ว่าด้วยความไม่ย่อท้อ

บทอาขยาน คือ บทท่องจำจากวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ หรือเป็นคำประพันธ์ที่มีความไพเราะ และมีความงดงามทางภาษา มีความหมายดี และให้ข้อคิดที่มีคุณค่า สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้ และบทอาขยานที่เราจะได้เรียนรู้กันในวันนี้ก็คือบทอาขยานเรื่อง ผู้ชนะ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ประวัติความเป็นมาของเรื่องผู้ชนะ     บุญเสริม แก้วพรหม เป็นนักแต่งกลอนชาวนครศรีธรรมราช เริ่มฝึกเขียนกลอนตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นประถม จากการคลุกคลีกับหนังสือและเรียนรู้เกี่ยวกับบทกลอนในห้องเรียน แต่มาเริ่มเขียนอย่างจริงจังในระดับชั้นมัธยมศึกษา ได้ส่งผลงานเข้าประกวดและผ่านการคัดเลือกลงหนังสือพิมพ์ ออกอากาศทางวิทยุ แนวที่เขียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักและสะท้อนสังคม

สามัคคีเภทคำฉันท์

สามัคคีเภทคำฉันท์ วรรณคดีขนาดสั้นที่ว่าด้วยความสามัคคี

สามัคคีเภทคำฉันท์ เป็นนิทานสุภาษิตขนาดสั้นว่าด้วยเรื่องความสามัคคี เป็นอีกหนึ่งวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี ทั้งด้านการประพันธ์และเนื้อหา เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับวรรณคดีเรื่องดังกล่าวเพื่อศึกษาที่มา จุดประสงค์ รวมไปถึงเรื่องย่อ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ   ที่มาของเรื่องและจุดประสงค์ในการแต่ง   สามัคคีเภทคำฉันท์ ดำเนินเรื่องโดยอิงประวัติศาสตร์ครั้งพุทธกาล เป็นนิทานสุภาษิตในมหาปรินิพพานสูตรและอรรถกถาสุมังคลวิลาสินี     ในสมัยรัชกาลที่ 6 เกิดวิกฤตการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

การใช้กริยา V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

สวัสดีค่ะนักเรียนที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้กริยา be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ กันนะคะ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go! รู้จักกับ V. to be   V. to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ หลัง verb to

สมมูลและนิเสธ

สมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ

“สมมูลและนิเสธ” ของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ สมมูลและนิเสธ เราเคยเรียนกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เป็นของประพจน์ p, q, r แต่ในบทความนี้จะเป็นสมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ซึ่งก็จะเอาเนื้อหาก่อนหน้ามาปรับใช้กับประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ สิ่งที่เราจะต้องรู้และจำให้ได้ก็คือ การสมมูลกันของประพจน์ เพราะจะได้ใช้ในบทนี้แน่นอนน ใครที่ยังไม่แม่นสามารถไปอ่านได้ที่ บทความรูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน  นิเสธของตัวบ่งปริมาณ เมื่อเราเติมนิเสธลงไปในประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ข้อความต่อไปนี้จะสมมูลกัน กรณี 1 ตัวแปร ∼∀x[P(x)] ≡ ∃x[∼P(x)] ∼∃x[P(x)]

Nockacademy web logo 3

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

Nockacademy web logo 3

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1