การตั้งคําถามทางสถิติ

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

การตั้งคําถามทางสถิติ

บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง การตั้งคําถามทางสถิติ ไว้อย่างละเอียด ก่อนอื่นน้องมาทำความเข้าใจกับความหมายของ “คำถามทางสถิติ”

คำถามทางสถิติ  หมายถึง คำถามที่มีคำตอบหรือคาดว่าจะได้รับคำตอบมากกว่า 1 คำตอบ รวมถึงคำถามที่ต้องการคำตอบซึ่งได้มาจากการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานบางอย่างแล้วนำมาจำแนก  คำนวณ หรือวิเคราะห์เพื่อใช้ตอบคำถามนั้น

คำถามทางสถิติจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่

  1. ระบุสิ่งที่ต้องการศึกษาได้
  2. มีกลุ่มบุคคลหรือสิ่งที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลที่หลากหลาย
  3. สามารถคาดการณ์ได้ว่าคำตอบที่จะเกิดขึ้นมีความแตกต่างกัน

ตัวอย่างคำถามทางสถิติ

คำถามต่อไปนี้เป็นคำถามทางสถิติ

  • อัตราส่วนที่เหมาะสมในการผสมสีทาบ้าน แต่ยี่ห้อควรเป็นอย่างไร
  • ประเทศไทยมีวงเงินงบประมาณรายจ่ายทั้งสิ้นเท่าไร
  • เดืือนธันวาคมในเขตกรุงเทพมหานครมีฝนตกปริมาณเท่าไร

ตัวอย่าง ข้อความต่อไปนี้เป็นคำถามทางสถิติหรือไม่ เพราะเหตุใด

1) ในหนึ่งสัปดาห์กิตติกรกินขนมหวานกี่ชาม

ตอบ ไม่เป็นคำถามทางสถิติ เพราะคำถามนี้มีคำตอบเพียงคำตอบเดียว นอกจากนี้กลุ่มที่จะเก็บข้อมูลด้วยมีเพียงกิตติกรเท่านั้น

2)  ใน พ.ศ.2560 รายได้เฉลี่ยของประชากรไทยเป็นเท่าใด

ตอบ เป็นคำถามทางสถิติ เพราะคำถามนี้มีสิ่งที่ต้องการศึกษา คือ รายได้เฉลี่ยของประชากรไทย  มีกลุ่มที่จะเก็บข้อมูลด้วย คือ ประชากรไทย ซึ่งหลากหลาย และคาดการณ์ได้ว่าคำาตอบที่อาจจะเกิดขึ้นมีความแตกต่างกัน

3) นักเรียนในห้องนี้ เกิดเดือนไหนบ้าง

ตอบ เป็นคำถามทางสถิติ เพราะคำถามนี้มีสิ่งที่ต้องการศึกษา คือ เดือนที่นักเรียนเกิด มีกลุ่มที่จะเก็บข้อมูลด้วย คือ นักเรียนในห้อง ซึ่งหลากหลาย และคาดการณ์ได้ว่าคำาตอบที่อาจจะเกิดขึ้นมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง เดือนธันวาคม 

4) อายุการใช้งานของหลอดไฟตราจีน่าเป็นเท่าใด

ตอบ เป็นคำถามทางสถิติ เพราะคำถามนี้มีสิ่งที่ต้องการศึกษา คือ อายุการใช้งานของหลอดไฟตราจีน่า มีกลุ่มที่จะเก็บข้อมูลด้วย คือ หลอดไฟตราจีน่า ซึ่งหลากหลาย และคาดการณ์ได้ว่าคำาตอบที่อาจจะเกิดขึ้นมีความแตกต่างกัน 

5) ครูอุ๊ชอบดอกไม้ชนิดไหนบ้าง

ตอบ ไม่เป็นคำถามทางสถิติ เพราะคำถามนี้มีคำตอบเพียงคำตอบเดียว นอกจากนี้กลุ่มที่จะเก็บข้อมูลด้วยมีเพียงครูอุ๊เท่านั้น

ประเภทของคำถามทางสถิติ

คำถามทางสถิติแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ คำถามพื้นฐาน คำถามเชิงสรุป คำถามเชิงเปรียบเทียบ คำถามเชิงความสัมพันธ์

คำถามพื้นฐาน

ตัวอย่างคำถาม : ดัชนีมวลกายของนักศึกษาในห้องนี้เป็นเท่าใด

เป็นคำถามที่ทำให้ได้ชุดของคำตอบ 1 ชุด ซึ่งเป็นคำตอบที่ผู้ตอบสามารถตอบได้ตามสภาพที่เป็นจริงหรือตามความคิดเห็นของตนเอง

คำถามเชิงสรุป

ตัวอย่างคำถาม : นักศึกษาในห้องนี้ มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ สมส่วนมีจำนวนกี่คน

เป็นคำถามเพื่อหาข้อสรุปเป็นภาพรวมที่ต้องใช้คำตอบต่อจากคำถาม ขั้นพื้นฐานมาจัดจำแนก คำนวณ หรือวิเคราะห์ก่อน จึงสรุปตอบเป็นภาพรวมได้

คำถามเชิงเปรียบเทียบ

ตัวอย่างคำถาม : จำนวนนักศึกษาในห้องนี้ ที่มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์อ้วนมากกว่าจำนวนนักศึกษาที่มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ผอมใช่หรือไม่

เป็นคำถามที่ต้องใช้คำตอบจากคำถามพื้นฐานอย่างน้อย 2 ชุด นำมาจัดจำแนก คำนวณ หรือวิเคราะห์เปรียบเทียบกันเพื่อหาข้อสรุป

คำถามเชิงความสัมพันธ์

ตัวอย่างคำถาม จำนวนนักศึกษาในห้องนี ที่มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ปกติกับจำนวนนักศึกษาที่มีดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ผอม มีความสัมพันธ์กันหรือไม่

เป็นคำถามที่ต้องใช้คำตอบจากคำถามพื้นฐานอย่างน้อย 2 ชุด เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลนั้น ๆ

บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง การตั้งคําถามทางสถิติ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนสถิติในระดับชั้น ม.3 ซึ่งน้องๆ

สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒ สถิติ (ค่ากลางของข้อมูล/การกระจายของข้อมูล) ⇐⇐

วิดีโอ การตั้งคําถามทางสถิติ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ภาษาถิ่นใต้

ภาษาถิ่นใต้ มรดกทางวัฒณธรรมที่ควรค่าแก่การศึกษา

ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม โดยสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมผ่านภาษามากที่สุด ก็คือ การมีอยู่ของภาษาถิ่น ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้พูดติดต่อสื่อสารตามท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อให้คนในพื้นที่เข้าใจกัน ประเทศไทยมีทั้งหมด 6 ภาค ภาษาถิ่นที่เด่นชัดที่สุดจะแบ่งออกเป็นภาษาถิ่นภาคกลางซึ่งครอบคลุมไปถึงภาคตะวันตะวันตก อาจมีแตกต่างบ้างในเรื่องของคำศัพท์บางคำและสำเนียง ภาษาถิ่นเหนือและภาษาถิ่นอีสาน ที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้าน และด้วยภูมิภาคที่อยู่ใกล้กันทำให้บางคำก็ใช้ด้วยกัน และสุดท้าย ภาษาถิ่นใต้ ที่ค่อนข้างจะแตกต่างกับภาษาถิ่นอื่น ๆ แต่จะมีลักษณะ และมีคำศัพท์น่ารู้อะไรบ้างนั้น เราไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ภาษาถิ่นใต้  

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น เป็นกราฟที่นิยมใช้เเสดงความเปลี่ยนเเปลงของข้อมูลของข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเรียงข้อมูลตามลำดับก่อนหลังของเวลาที่ข้อมูลนั้น ๆ เกิดขึ้น ทำให้เห็นเเนวโน้มของข้อมูลเเละช่วยให้เห็นการเปลี่ยนเเปลงของข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเเสดงถึงความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของข้อมูล ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพยากรณ์เกี่ยวกับข้อมูลนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างรูปเเบบของกราฟเส้นที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างการนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น  ตัวอย่างที่ 1 จงเขียนกราฟเเสดงจำนวนผลไม้ที่ถูกขายตามข้อมูลดังนี้ วิธีทำ เริ่มจากการสร้างเเกน x เเละเเกน y โดยให้เเกน x เป็น

เรียนรู้เทคนิคที่จะช่วยให้การเขียน ผังมโนภาพ เป็นเรื่องง่ายๆ

  ผังมโนภาพ เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นจากจดบันทึกความคิด ความรู้ ความเข้าใจ น้อง ๆ หลายคนก็คงจะเคยได้รับโจทย์จากคุณครูให้เขียนแผนผังมโนภาพเพื่อทดสอบความเข้าใจ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะเขียนออกมา แต่ทราบไหมคะว่าที่จริงแล้วมีวิธีการเขียนที่ง่ายมากแถมยังมีประโยชน์อีกด้วย จะเป็นอย่างไรไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ความหมายของผังมโนภาพ   ผังมโนภาพเป็นแผนผังหรือแผนภาพที่แสดงความสัมพันธ์ของมโนทัศน์หรือความคิดรวบยอด ที่เริ่มจากความคิดหลัก ซึ่งทำหน้าที่เป็นชื่อเรื่อง แล้วแตกแขนงไปสู่ความคิดย่อย ๆ กระจายออกไปโดยรอบ ทำให้เกิดภาพเชื่อมโยงขององค์ความรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งในทุกแง่มุม   วิธีเขียนแผนผังมโนภาพ   ผังมโนภาพเป็นผังที่แสดงความสัมพันธ์ของสาระหรือความคิดต่าง

สมบัติของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก

สมบัติของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก

ในบทความนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้สมบัติของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่ทำให้เข้าใจง่ายและมีวิธีในการวิเคราะห์โจทย์ที่หลากหลาย

Relative Clause Profile II

Relative Clause

สวัสดีค่ะนักเรียนม. 3 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปดู Relative clause หรือ อนุประโยคในภาษาอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เหมือนกันกับคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งมีหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า  และจะใช้ตามหลัง Relative Pronoun เช่น  who, whom, which, that, และ whose แต่สงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้องเรียนเรื่องนี้ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างแล้วจะร้องอ๋อ   Relative

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1