Present Perfect ในภาษาอังกฤษ

สวัสดีน้องๆ ม.​ 4 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง Present Perfect ในภาษาอังกฤษ จะเป็นอย่างไรลองไปดูกันเลยดีกว่าครับ
Present Perfect

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Present Perfect Tense คืออะไร?

สำหรับ Present Perfect นั้นเป็นอีกหนึ่ง Tense ที่น้องๆ จะได้เจอและใช้บ่อยมากๆ ในภาษาอังกฤษ โดยจะใช้กับเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

1) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
= I have lived in Thailand since 1994. (ฉันอยู่ที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 1994)
(และจนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ประเทศไทย)

2) เหตุการณ์ที่ทำเสร็จไปเมื่อสักครู่ (มักมีคำว่า ‘just’)
= I have just finished my homework. (ฉันเพิ่งทำการบ้านเสร็จ)

3) ใช้พูดถึงประสบการณ์ (มักแปลว่า “เคย”)
= I have been to Taiwan twice. (ฉันเคยไปไต้หวันมาสองครั้งแล้ว)ฃ

 

โครงสร้างประโยคบอกเล่า

กริยาใน Present Perfect จะเป็นรูปของ have/has ตามด้วย past participle หรือกริยาช่องที่ 3 ซึ่งส่วนใหญ่จะเติม -ed ถ้าเป็น Verb to be ก็จะใช้ been

Present Perfect

ตัวอย่าง

I have studied English for 2 years.
(ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว)

John has played football since the afternoon.
(จอห์นเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ตอนบ่าย)

He has just arrived at the airport.
(เขาเพิ่งมาถึงสนามบินเมื่อสักครู่นี่เอง)

example

 

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ

เราสามารถเติม not ตามหลัง have/has ได้เลย โดยกริยาที่ตามมายังอยู่ในรูป Past Participle เช่นเดิม

negative

ตัวอย่าง

Susan hasn’t contacted me since last year.
(ซูซานไม่ได้ติดต่อฉันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว)

They haven’t eaten anything for 6 hours.
(พวกเขายังไม่ได้ทานอะไรมาเป็นเวลาหกชั่วโมงแล้ว)

I haven’t done exercise for half a year.
(ฉันไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว)

example

 

โครงสร้างประโยคคำถาม

เราจะนำ Have/Has มาขึ้นต้นประโยค จากนั้นก็ตามด้วยส่วนประธานและกริยาส่วนที่เหลือ

interrogative

ตัวอย่าง

Have you got your exam result?
(คุณได้รับผลสอบแล้วหรือยัง?)
Yes, I have. หรือ No, I have not.

Have you ever been to Italy?
(คุณเคยไปประเทศอิตาลีหรือยัง?)
Yes, I have. หรือ No, I have not.

Has he talked to you yet?
(เขาได้พูดกับคุณบ้างหรือยัง?)
Yes, he has. หรือ No, he has not.

present perfect

ข้อควรจำ

  1. ใน Present Perfect มักจะมีคำว่า since (ตั้งแต่) for (เป็นเวลา) และ yet (ยัง) ปรากฎอยู่ในประโยค
  2. น้องๆ ควรมีพื้นฐานเรื่อง Regular และ Irregular Verbs มาก่อนเพราะจะทำให้ผันกริยาได้แม่นยำมากขึ้น Regular Verbs  เช่น play > played > played และ Irregular Verbs เช่น go > went > gone
  3. กริยาคำว่า ไป (go) ใน Tense นี้นั้นมักใช้คำว่า been แทนคำว่า gone เช่น Have you been to Japan? (คุณเคยไปญี่ปุ่นหรือยัง?)

นี่ก็เป็นความรู้เรื่อง Present Perfect แบบง่ายๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆ นะครับ ถ้าน้องๆ สนใจเนื้อหาเพิ่มเติมสามารถดูวิดีโอจากช่องของ NockAcademy ได้ด้านล่างเลยครับ

ทบทวน Present Simple ได้ที่นี่

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

NokAcademy_ ม5 Passive Modals

Passive Modals

สวัสดีค่านักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดู ” Passive Modals“ ที่ใช้บ่อยพร้อมเทคนิคการใช้งานง่ายๆกันค่า Let’s go! ไปลุยกันเลยเด้อ   Passive Modals คืออะไร   Passive Modals หรือ Modal Verbs in the Passive Voice คือ 

เปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละฉบับเข้าใจง่ายและเห็นภาพ

บทความนี้จะพาน้องๆ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเปรียบเทียบเศษส่วนและจำนวนคละ  เนื่องจากหลักการที่ใช้ในการเปรียบเทียบเศษส่วนนี้จะนำไปต่อยอดกับเรื่องต่อไปเช่นเรื่องการบวกและการลบเศษส่วน หลังจากอ่านบทความนี้จบสิ่งที่จะได้รับก็คือ หลักการเปรียบเทียบเศษส่วน วิธีเปรียบเทียบที่เห็นภาพและเข้าใจง่ายร่วมถึงเทคนิคที่จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเปรียบเทียบเศษส่วนได้เร็วยิ่งขึ้น

ความรู้เกี่ยวกับ การสื่อสาร มีอะไรบ้างที่เราควรรู้?

ความรู้เกี่ยวกับการสื่อสาร เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในปัจจุบัน แม้ว่าเราจะสื่อสารกับผู้คนอยู่แล้วทุกวัน แต่จะทำอย่างไรให้ตนเองสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้อง มีเรื่องไหนที่ควรรู้และควรระวัง บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้เรื่องการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าอยากรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไรก็ไปดูกันเลยค่ะ   การสื่อสาร คืออะไร?   เป็นกระบวนการถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนความคิด ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความรู้ ความรู้สึก จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ให้มีความเข้าใจตรงกัน     การสื่อสารสำคัญอย่างมากตั้งแต่ในชีวิตประจำวันไปจนถึงอุตสาหกรรม การปกครอง การเมืองและเศรษฐกิจ

M1 การใช้ Verb Be

การใช้ Verb Be

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.1 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้ Verb Be กันนะคะ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go! ความหมาย   Verb be ในที่นี้จะแปลว่า Verb to be นะคะ แปลว่า เป็น อยู่ คือ ซึ่งหลัง verb to

รู้ไว้ไม่พลาด! คำที่มักเขียนผิด ในภาษาไทย มีคำว่าอะไรบ้าง?

ปัจจุบัน ปัญหาเรื่องการสะกดคำในภาษาไทยถือเป็นปัญหาใหญ่หลัก ๆ ของเด็กทุกคนในสมัยนื้ เนื่องจากว่าโลกของเรามีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ในโซเชี่ยลมีเดียพูดคุยกับเพื่อน โดยการจะตัดคำให้สั้นลงหรือเปลี่ยนตัวสะกด ลดการใช้ตัวการันต์ ทำให้เมื่อต้องมาเขียนคำที่ถูกต้องกันจริง ๆ ก็มีเด็ก ๆ หลายคนที่สะกดผิด ไม่รู้ว่าคำที่ถูกต้องเป็นอย่างไร น้อง ๆ อยากลองสำรวจตัวเองดูกันไหมคะว่าคำในภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เราเขียนถูกกันมากน้อยแค่ไหน อยากถามรู้แล้วเราไปดูเรื่อง คำที่มักเขียนผิด พร้อมกันเลยค่ะ   การเขียนสะกดคำ  

แบบฝึกหัดความสัมพันธ์

แบบฝึกหัดความสัมพันธ์ แบบฝึกหัดความสัมพันธ์ เป็นการทบทวนเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ได้แก่ เรื่องโดเมนและเรนจ์ของความสัม กราฟของความสัมพันธ์ และตัวผกผันของความสัมพันธ์ ก่อนทำแบบฝึกหัดความสัมพันธ์ บทความที่น้องๆควรรู้ คือ โดเมนของความสัมพันธ์ เรนจ์ของความสัมพันธ์ กราฟของความสัมพันธ์ ตัวผกผันของความสัมพันธ์   แบบฝึกหัด 1.) ถ้า (x, 5) = (3, x – y)

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1