เมื่อฉันโดนงูรัด!: เรียนรู้การใช้ Passive Voice แบบผ่อน ‘คลายย’

น้องๆ ทราบกันมั้ยว่าในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘Voice’ ถ้ายังไม่ทราบหรือเคยได้ยินแต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไรวันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่อง Voice ในภาษาอังกฤษแบบเข้าใจง่ายๆ กันครับ

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Passive Voice in English

Voice (ในที่นี้พี่ขอเรียกทับศัพท์ว่า Voice /วอยซ์/ ไปเลยนะครับ) ในภาษาอังกฤษจะมีทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกัน คือ

1) Active Voice และ

2) Passive Voice

ซึ่ง Active Voice จะใช้ในประโยคที่ ประธาน (Subject) เป็นผู้ทำกริยา (Verb) นั้นๆ ด้วยตัวเอง เช่น

The snake strangles me.

งูรัดคอฉัน

ให้น้องๆ สังเกตที่ประธาน คือ งู (snake) ซึ่งทำกริยารัดคอ (strangle) ด้วยตัวมันเองนั่นเองครับ ถ้าเราลองเปลี่ยนประโยคให้เป็น Passive Voice หรือการที่เราถูกกระทำ (ตัวอย่างในที่นี้คือโดนงูรัด) เราจะสามารถเปลี่ยนได้เป็น

I am strangled by the snake.

แปลตามตัวจะแปลได้ว่า ฉันถูกรัดคอโดยงู

เราสามารถกล่าวได้ว่า Passive Voice คือประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำนั่นเองครับ ซึ่ง Voice ทั้งสองแบบนี้ จะปรากฎอยู่ใน Tense ทุกประเภท ซึ่งวันนี้เราจะมาโฟกัสกันที่ Passive Voice ใน Present Simple Tense กันครับ

พื้นฐานที่ควรมีมาก่อน: Present Simple, กริยา 3 ช่อง

 

โครงสร้าง Present Simple แบบ Passive Voice

โครงสร้างของ Present Simple ในรูปแบบ Passive Voice คือ

 

Subject + is/am/are + Past Participle

 

ข้อควรจำ!

1) Past Participle เป็นชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของ “กริยาช่องที่ 3”

2) ในประโยคแบบ passive voice กริยาช่อง 3 จะคงรูปแบบนั้นเสมอ จะมีเฉพาะ Verb to be ที่เปลี่ยนตามประธานของประโยค

พี่จะลองแบ่งโครงสร้างให้ดูเข้าในง่ายๆ ตามตารางนี้ครับ

ประโยคบอกเล่า

ประโยคปฎิเสธและคำถาม

สำหรับน้องๆ ที่มีพื้นฐานการสร้างประโยคมาบ้างแล้ว ประโยคปฏิเสธและคำถามแบบ Active Voice จะใช้ Verb to do มาช่วยตามที่ได้เรียนกันมา แต่แบบ Passive Voice จะแตกต่างกันนิดหน่อยครับ ซึ่งจากตัวอย่างด้านบนสามารถทำเป็นประโยคแบบปฎิเสธและคำถามได้ดังนี้

 

 

ข้อควรจำ!

1) ประโยค Passive Voice สามารถมี “by” หรือไม่มีก็ได้ ซึ่งหากสิ่งที่กระทำกับประธานนั้นไม่สำคัญต่อความหมาย หรือไม่ทราบว่าผู้กระทำคือใคร เราจะสามารถตัด “by” ทิ้งได้ เช่น

Rice is grown in Thailand.

ข้าวถูกปลูกในประเทศไทย (จะโดยใครก็ได้ ไม่ได้สำคัญกับประโยค)

 

การใช้ในชีวิตประจำวัน

เราใช้ Passive Voice เมื่อเราต้องการเน้นสิ่งที่ถูกกระทำว่าสำคัญกว่าผู้กระทำครับ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเราจะพบและใช้ Passive Voice ในการเขียนหรืองานเขียนที่ต้องการความเป็นทางการ ซึ่งสามารถยกตัวอย่างคร่าวๆ ได้ดังนี้

1) เมื่อพูดถึงวิทยาศาสตร์ ศิลปะ หรือวรรณกรรม เช่น

Glass is classified as a solid.

แก้วถูกจัดให้อยู่ในประเภทของแข็ง

This scientific method is used for chemical experiments.

วิธีการทางวิทยาศาสตร์นี้ถูกใช้สำหรับการทดลองทางเคมี

E.T. is directed by Steven Spielberg

ภาพยนตร์เรื่อง E.T. (ถูก)กำกับโดย สตีเฟ่น สปิลเบิร์ก

2) เพื่อบอกขั้นตอนหรือกฎกติกา เช่น

Keep stirring until the meat is cooked.

คนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเนื้อจะ(ถูกทำให้)สุก

Do not move until you are told to do so.

ห้ามขยับจนกว่าคุณจะถูกบอกให้ทำเช่นนั้น

3) ใช้ในการรายงานข่าว หรือการเขียนเชิงวิชาการ เช่น

Many people are killed in the war.

ผู้คนมากมายถูกสังหารในสงคราม

The president is assassinated this morning.

ประธานาธิบดีถูกสังหารเมื่อเช้านี้

These activities are designed for young children.

กิจกรรมเหล่านี้ถูกออกแบบมาสำหรับเด็กๆ

ข้อควรระวัง!

กริยา Intransitive Verbs (อกรรมกริยา) หรือ กริยาที่ไม่ต้องการกรรม ไม่สามารถทำให้เป็น Passive Voice ได้ (เพราะมันไม่ต้องการกรรมตั้งแต่แรกนั่นเอง) เช่น

come     die     go     happen     occur     rain     walk

          Jane comes to the meeting.           Jane is come to the meeting.

          แจนมาประชุม                                     แจนถูกมาประชุม (ไม่มีความหมาย)

 

          The cat dies in the street.               The cat is died in the street.

          แมวตายอยู่ที่ถนน                               แมวถูกตายอยู่ที่ถนน (ไม่มีความหมาย)

 

          Kate walks to the school.               Kate is walked to the school.

          เคทเดินมาโรงเรียน                            เคทถูกเดินมาโรงเรียน (ไม่มีความหมาย)

 

เห็นมั้ยครับว่าเรื่อง Passive Voice นั้นไม่ยากเลย สิ่งที่น้องๆ ต้องจำให้แม่นก็คือกริยาที่อยู่ในรูป Past Participle (กริยาช่อง 3) และการผัน Verb to be ให้ตรงกับประธานนั่นเองครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ลิลิตตะเลงพ่าย

ลิลิตตะเลงพ่าย ความเป็นมาของลิลิตชั้นยอดของเมืองไทย

ลิลิตตะเลงพ่าย ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดของลิลิต ที่แต่งดีที่สุด โดยบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลดีเด่นทางด้านวัฒนTรรมของโลก เกริ่นมาเพียงเท่านี้น้อง ๆ ก็คงจะอยากรู้ที่มาและเรื่องของลิลิตตะเลงพ่ายมากขึ้นกว่าเดิมใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปเรียนรู้วรรณคดีเรื่องสำคัญของไทยเรื่องนี้กันเลยค่ะ   ลิลิตตะเลงพ่าย ความเป็นมา   ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส รัตนกวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระนามเดิมของพระองค์คือ พระองค์เจ้าวาสุกรี เป็นพระเจ้าลูกยาเธอองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช     สมเด็จพระมหาสมณเจ้า

การเลื่อนขนาน

สำหรับการแปลงทางเรขาคณิตในบทนี้จะกล่าวถึงการแปลงที่จะได้ภาพที่มีรูปร่างเหมือนกันและขนาดเดียวกันกับรูปต้นแบบเสมอ โดยใช้การเลื่อนขนาน

NokAcademy_บอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ

เรียนรู้เกี่ยวกับการบอกเวลา

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้น ม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไป เรียนรู้เกี่ยวกับการบอกเวลา กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย Let’s go! การแบ่งประเภท     ในบทเรียนนี้ครูขอยกตัวอย่างการบอกเวลาที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปใน 2 รูปแบบ ตามที่มาของ Native English หรือ ภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษา นะคะ  ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้  

ม.1 There is_There are ทั้งประโยคบอกเล่า_ คำถาม_ปฏิเสธ

การใช้ There is/There are ทั้งประโยคบอกเล่า/คำถาม/ปฏิเสธ

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้น ม.1 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้ “การใช้ There is/There are ทั้งประโยคบอกเล่า/คำถาม/ปฏิเสธ” กันจ้า ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยเด้อ ตารางแสดงความแตกต่างของ  There is/There are และ  Have/Has นักเรียนลองสังเกตดูความแตกต่างของการใช้ There is/There are กับ Have/has จากตารางด้านล่าง ดูนะคะ

สำนวนนี้มีที่มา เรียนรู้ความหมายและที่มาของ สำนวนไทย

สำนวนไทย เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนใช้ความคิดและประสบการณ์สั่งสอนลูกหลาน เกิดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านคติธรรมที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางภาษาของประเทศไทย บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้สำนวนไทยที่เห็นกันบ่อย ๆ แต่หลายคนอาจจะใช้ไม่ถูกต้อง ไม่รู้ความหมายที่ถูกต้อง พร้อมทั้งเรียนรู้ที่มาของสำนวนด้วย ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้กันเลยค่ะ   สำนวนไทย   สำนวนไทย หมายถึง ถ้อยคำที่คมคายซึ่งเป็นถ้อยคำที่ใช้พูดสื่อสารกันโดยมีความหมายที่กว้างและลึกซึ้ง เป็นความหมายโดยนัย ไม่ได้แปลตรงตัวเพื่อใช้เป็นคำพูดในเชิงสั่งสอน เตือนสติ มุ่งสอนใจหรือชี้แนะให้ประพฤติปฏิบัติตาม   ที่มาของสำนวนไทย   สำนวนไทยมีมูลเหตุและที่มาของการเกิดหลายประการ

การแยกตัวประกอบ

การแยกตัวประกอบ

การแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบ ของจำนวนนับใด หมายถึง การเขียนจำนวนนับนั้นในรูปการคูณของ ตัวประกอบเฉพาะ  ซึ่งในบทความนี้ได้นำเสนอวิธีการ รวมถึง โจทย์การแยกตัวประกอบ ไว้มากมาย น้องๆสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ดวยตนเองโดยที่มีวิธีการแยกตัวประกอบ 2 วิธี ดังนี้ การแยกตัวประกอบ  โดยการคูณ  การแยกตัวประกอบ  โดยการหาร (หารสั้น)         ก่อนอื่นน้องๆมาทบทวน ความหมายของตัวประกอบและจำนวนเฉพาะ

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1