Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.6 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปทบทวนการใช้ “Finite and Non- Finite Verb” ในภาษาอังกฤษกันจร้า ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดจร้า
คำเตือน: การเรียนเรื่องนี้จะทำให้นักเรียนมึนงงได้หากว่าพื้นฐานเรื่อง Part of speech, Subject , Tense, Voice และ Mood ของเราไม่แน่น
ครูขอแนะนำให้ค่อยๆทบทวนทีละเรื่องก่อนนะคะ สู้ๆ
ความหมาย
Finite Verbs หมายถึง คำกริยาแท้
Non-finite Verbs หมายถึง กริยาไม่แท้
Finite Verbs ( คำกริยาแท้ )
Finite Verbs ทำหน้าที่แสดงกริยาอาการที่แท้จริงของประธานในประโยค
ที่มีการเปลี่ยนรูปหรือผันรูปไปตาม Subject , Tense, Voice และ Mood
โดยนักเรียนจะได้รู้จักประเภทและการใช้งานของแต่ละตัวกันมากขึ้นดังตัวอย่างด้านล่างนะคะ
Finite Verb จะผันรูปดังนี้
- ผันตาม Subject (ประธาน)
ตัวอย่างในรูปประโยค Present Simple Tense ประธานเอกพจน์ คำกริยาเป็นเอกพจน์โดยเติม -s/-es
Covid-19 virus spreads so quickly.
ไวรัส Covid-19 แพร่กระจายเร็วมาก***ประธาน virus เป็นเอกพจน์ กริยาที่ตามมาจึงเติม s (spreads)
***หากประธานเป็นพหูพจน์กริยาแท้ที่ตามมาจะไม่เติม -s/-es ดังตัวอย่างประโยค เช่น
A number of people eat healthier.
หลายๆคนหันมากินเพื่อสุขภาพมากขึ้น
- ผันตาม Tense (กาล)
กริยาแท้จะผันตาม Tense ทั้ง 12 Tenses เช่น
Present continuous Tense: S+ is, am, are +V.ing
She is lying down on the old bed.
หล่อนกำลังเอนตัวลงนอนบนเตียงเก่าๆ
มาดูตัวอย่างประโยคในตระกูล “Perfect Tense” กันจร้า
Present Perfect Tense: S+ have, has + V.3
They have been here for a while now.
พวกเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว (ตอนนี้ก็ยังอยู่)
- ผันตาม Voice ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- Active Voice คือประโยคทั่วไปที่ประธานของประโยคนั้นเป็นผู้กระทำกริยา
A cat eats a rat.
แมวกินหนู
- Passive Voice ประธานของประโยคเป็นผู้ถูกกระทำ
Jane is hit (by a car.)
เจนถูกรถชน
- ผันตาม Mood
Mood คือ อารมณ์หรือความเห็นของผู้พูดที่พูดออกมา ส่วนใหญ่แล้ว หากตามหลัง suggest, insist, recommend, advise, ask, command, order, request แล้วกริยาที่ตามมาจะไม่ผัน คงรูปไว้เป็น V.1
“การใช้ Subjunctive Mood คือ กริยาจะไม่ผันตามพจน์ และ Tense”
ดังในประโยคด้านล่าง
The doctor suggested she take more rest.
***จะสังเกตเห็นว่าใช้ take แทน takes ทั้งที่ประธานเป็น she ก็เพราะว่าอนุประโยครูปแบบเต็มนี้คือ
she (should) take more rest. มี should ซ่อนอยู่ตามโครงสร้าง
Subject + verb + that + subject + (should) + infinitive without to
****อาจใช้ should หรือกริยารูปแบบเดิมตามโครงสร้าง Tense และ ****ไม่จำเป็นต้องใช้ that ก็ได้ ในตัวอย่างประโยคดังนี้
The doctor suggested (that) she (should) take more rest.
คุณหมอแนะนำให้เธอพักผ่อนเยอะๆ******ข้อดีของการรู้เรื่องนี้คือเราจะสามารถทำข้อสอบ Error ได้ง่ายขึ้นเพราะว่าเรารู้จักโครงสร้างของประโยคลดรูปของ Subjunctive Mood
Non-finite Verbs ( คำกริยาไม่แท้ )
เป็นคำที่มีรูปจากคำกริยาแต่ไม่ได้ทำหน้าที่คำกริยาแท้ มี 3 รูปคือ Gerund, Infinitive และ Participle
ท่องว่า “รูปเหมือนแต่ทำแทนไม่ได้”
Gerunds หรือ Verbal Nouns
คือ กริยาที่เติม “ing” แล้วมีหน้าที่เปลี่ยนไป Gerund ทำหน้าที่เป็นทั้งประธานในประโยค กรรมของประโยค กรรมของบุพบท ตามหลัง Verb to be บางตัว ตามหลัง Adjective บางตัว และตามหลังกริยาวลีต่างๆ โดยจะเจอในรูปแบบดังต่อไปนี้
ขอยกตัวอย่าง Present Continuous Tense
ตามโครงสร้าง Subject + V. to be (is, am, are)+ V.ing
I am talking right now.
แปลว่า: ฉันกำลังพูดอยู่ตอนนี้
อธิบายเพิ่มเติม: talk (V.) + ing จะแปลว่า กำลังพูดอยู่
Present participle ยังสามารถใช้กับกริยาช่วยในลักษณะที่เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) และในรูปของวลี เช่น
I watched Nanny dancing on Tiktok.
ฉันได้ดูแนนนี่เต้นบนติ้กต้อก***dancing ขยายแนนนี่ว่าเธอนั้นเต้น
Infinitive
Infinitive คือ กริยารูปแบบที่ไม่ผัน ไม่เติมอะไรใดๆเลย ที่นำหน้าด้วย to (Infinitive with “to” หรือ To + infinitive) เช่น to play, to study, to stay, to call, etc.
หน้าที่ของ Infinitive
ทำหน้าที่ได้หลายอย่างมาก ได้แก่
1) เป็นประธาน เช่น
To study well is students’ duty.
***To study เป็นประธานของกริยาหลัก is ส่วน well ในประโยคเป็น คำวิเศษณ์ (Adverb)
ขยายกริยา infinitive “study”2) เป็นคำวิเศษณ์ เช่น
Dad is content to go back to mom.
***to go back เป็นคำวิเศษณ์ขยาย adj. content3) เป็นคำคุณศัพท์ เช่น
Jenny collected the trash can to be recycled.
*** to be recycled เป็นคุณศัพท์ ขยายนาม can (กระป๋อง)4) เป็นกรรมของกริยา เช่น We managed to cook dinner tonight.
*** to cook เป็นกรรมของกริยาหลัก managed5) เป็น ส่วนเติมเต็ม (complement) ของ verb to be เช่น
Tiffany’s dream is to be a famous singer.
***to be เป็น complement ของกริยาหลัก is
การทำให้เป็นรูปปฏิเสธ
รูป negative infinitive สร้างขึ้นโดยการเติม not ข้างหน้า to ซึ่งเป็น not to + V.infinitive เช่น
Frank decided not to become a teacher.
แฟรงค์ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เป็นครู
สรุป4โครงสร้างของ “Infinitive with to”
- Simple Infinitive: “to + V.1” เช่น to fly, to eat, to run, to walk
- Perfect Infinitive: “to + have + V.3” เช่น to have been, to have been told, to have been guided
- Passive Infinitive: “to + be + V.3” เช่น to be taught, to be called, to be continued
- Perfect Passive Infinitive: “to + have + been + V.3” เช่น to have been seen
Participle
Participle หมายถึง กริยาไม่แท้ (Non-finite Verb) รูปหนึ่ง ซึ่งจะใช้เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.Present Participle
2.Past Participle
3.Perfect Participle
- Present participle
Present participle คือ verb รูป -ing ซึ่ง verb รูปนี้จะทำหน้าที่เป็น คุณศัพท์ Adjective ตัวอย่างประโยค
Jennifer is speaking to a sleeping boy.
เจนนิเฟอร์กำลังพูดกับเด็กผู้ชายที่กำลังหลับอยู่
อธิบายเพิ่มเติม: ทั้ง speaking และ sleeping เป็น Present participle แต่ว่า speaking ทำหน้าที่เป็น verb ส่วน sleeping ทำหน้าที่เป็น Adjective ที่ขยายคำนาม “boy” นั่นเองจร้า
- Past participle
Past participle คือ verb ช่อง 3 ซึ่ง verb รูปนี้จะทำหน้าที่เป็น adjective ได้ด้วย ตัวอย่างประโยครูปแบบ Present Perfect Tense
I have been to the haunted house before.
ฉันเคยไปบ้านผีสิงมาก่อน
***ทั้ง been และ haunted เป็น Past participle แต่ been ทำหน้าที่เป็น verb ส่วน haunted นั้นทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ ขยายนาม “house”
- Perfect participle
Perfect participle คือวลี “having + verb ช่อง 3” ขอยกตัวอย่างประโยค Perfect Participle ที่เป็น Active ดังนี้
Having seen the Covid-19 news, I suddenly shared it on Facebook.
หลังจากที่ได้เห็นข่าวโควิด19 ฉันก็รีบแชร์ข่าวบนเฟซบุ๊กเลย
***Perfect participle ก็คือการใช้ Present participle (verb -ing) ร่วมกันกับ Past participle (V.3) นั่นเองจร้า จับมารวมกันแล้วจะแปลว่า หลังจากที่, ภายหลังที่ หรือ เมื่อได้ เลือกแปลได้ตามบริบทเลยจร้า
Participle ที่มักใช้ผิด: “interesting VS interested”
รูป “-ing” หรือเรียกว่า Present participle สื่อถึงคุณลักษณะ เช่น interesting แปลว่า น่าสนใจ
รูปกริยาช่อง 3 หรือ เรียกว่า Past participle สื่อถึงความรู้สึก เช่น interested แปลว่า รู้สึกสนใจ
ให้ท่องว่า “-ing น่า –ed รู้สึก”
ตัวอย่าง
The new movie on Netflix is interesting.
หนังเรื่องใหม่บนเน็ตฟลิกซ์น่าสนใจจังเลยI’m interested in the new movie on Netflix.
ฉันรู้สึกสนใจหนังเรื่องใหม่บนช่องเน็ตฟลิกซ์จัง
เปรียบเทียบการใช้ To+V.Infinitive VS Gerund
ตามหลังกริยากลุ่ม advise, permit, allow, forbid นี้เราจะใช้ to+V.inf หรือ V.ing ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า ถ้าประโยคมีกรรมมารองรับ
หลังกรรมจะต้องเป็น to + V.inf แต่ความหมายของประโยคก็ไม่ได้ต่างกันมาก
ตัวอย่างการใช้ To+V.infinitive VS Gerund
The manager advised arriving on time at the meeting.
แปล ผู้จัดการแนะนำให้มาตรงเวลาในที่ประชุม
The manager advised you to arrive on time at the meeting.
แปล ผู้จัดการแนะนำให้คุณมาถึงตรงเวลาในที่ประชุม
We permit smoking at the balcony area.
เราอนุญาตให้สูบบุหรี่ที่บริเวณระเบียง
We permit the customers to smoke at the balcony area.
เราอนุญาตให้ลูกค้าสูบบุหรี่ที่บริเวณระเบียง
The hotel doesn’t allow swimming at the private pool.
โรงแรมไม่อนุญาตให้ว่ายน้ำในสระส่วนตัว
The hotel doesn’t allow the guests to swim at the private pool.
ทางโรงแรมไม่อนุญาตให้ผู้เข้าพักลงเล่นน้ำในสระส่วนตัว
We forbid illegal-products into the gate.
เราห้ามผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายเข้าไปในประตูWe forbid passengers to take illegal products into the gate.
เราห้ามผู้โดยสารนำสินค้าผิดกฎหมายเข้าประตู
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าเมื่อเรามีความรู้เรื่องการใช้ กริยาแท้และไม่แท้ เราสามารถแต่งประโยคให้สั้นลงแต่ใจความกระชับมากขึ้นโดยการใช้ Verbal Nouns หรือ Gerund ได้ เพราะว่าเป็นได้ทั้งประธาน กรรมของกริยา และทำหน้าที่เหมือนคุณศัพท์ ขึ้นอยู่กับบริบทของคำศัพท์แวดล้อมที่ใช้ด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ความรู้เรื่องนี้ไปทำข้อสอบได้แบบปังๆอีกด้วยจร้า
หากจะพูดถึงเรื่องกริยาแท้และไม่แท้นี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสักสองวันเต็มเพื่อให้เข้าใจได้แบบลึกซึ้ง เพราะเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆและต้องใช้ความรู้พื้นฐานจากหลายๆเรื่องมารวมกัน แต่ถ้าหากนักเรียนรู้สึกปวดหัว ไม่ไหวแล้ว ขอให้พักสักครู่ ครูแนะนำให้ทบทวนบทเรียนได้ที่วีดีโอด้านล่างนะคะ ทีชเชอร์กรีซได้สรุปไว้ให้แล้ว ใช้เวลาเรียนเพียง 8 นาทีเอง แต่จะร้องอ๋ออย่างแน่นอน
อย่าลืมทบทวนเรื่องกริยาแท้และไม่แท้ได้ที่คลิปวีดีโอด้านล่างนะคะทุกคน
คลิกปุ่มเพลย์เพื่อเรียนและทบทวนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.6 เรื่อง Finite and Non-finite verb กับทีชเชอร์กรีซแบบปังๆ กันจร้า
Stay safe from Covid-19!
ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากโควิด19 นะคะ