Verb to Be : พื้นฐานสำคัญในภาษาอังกฤษ

สวัสดีน้องๆ ม. 1 ทุกคนนะครับ วันนี้เรามาเรียนเรื่องสั้นๆ แต่มีประโยชน์มากๆ อย่าง Verb to be กันครับ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยครับ
Verb to be

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Verb “Be”

ในภาษาอังกฤษนั้น Verb be หรือ Verb to be เป็นกริยากลุ่มหนึ่งที่สำคัญมากในภาษาอังกฤษ ใช้เพื่อบอกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับประธานของประโยค เช่น ข้อมูลต่างๆ เช่น อายุ อาชีพ สัญชาติ ลักษณะนิสัย ซึ่งโดยทั่วไปมักจะแปลได้ว่า เป็น อยู่ หรือคือ นั่นเองครับ ซึ่งรูปดั้งเดิม (Infinitive) ของมันก็คือ “be” นั่นเอง แต่จะเปลี่ยนไปตาม Tense และประธาน ตามตารางดังต่อไปนี้ครับ

 

ประเภทของ V. to be แบ่งตาม Tense และประธานของประโยค

 

Infinitive Form

Present Form

การใช้

Past Form การใช้ Past Participle Form การใช้
 

 

 

 

 

be

 

is

 

ใช้กับประธานเอกพจน์, He, She, It และ ชื่อคน 1 คน

 

 

 

was

 

 

ใช้กับประธานเอกพจน์ทุกตัว รวมถึง I

 

 

 

 

 

been

 

 

 

มักใช้ตามหลัง have ใน Perfect Tenseและนำหน้ากริยาที่เติม -ing ใน Perfect Continuous Tense

 

am

 

 

ใช้กับประธาน I

 

 

are

 

 

ใช้กับประธานพหูพจน์, We, They, และชื่อคน 2 คนหรือมากกว่า

 

were

 

ใช้กับประธานพหูพจน์ทุกตัว

 

ตัวอย่างการใช้ V. to be

โดยจะขอเน้นไปที่ Present Tense ก่อนนะครับ

  • ใช้ในการบอกชื่อ อายุ อาชีพ สัญชาติ

I am Jack.
(ฉันชื่อแจ็ค)

She is 13 years old.
(ฉันอายุ 13 ปี)

Patrick is a doctor.
(แพทริคเป็นหมอ)

We are American.
(พวกเราเป็นคนอเมริกา)

verb to be

 

  • ใช้ในการบรรยายรูปร่าง ลักษณะนิสัย สถานะ ความรู้สึก

He is tall and handsome.
(เขาสูงและหล่อ)

My grandparents are kind and generous.
(ปู่ย่าของฉันใจดีและมีเมตตา)

Kate is single.
(เคทโสด)

They are really happy.
(พวกเขามีความสุขมาก)

verb be example

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับน้องๆ สำหรับการใช้ Verb to be ในรูปแบบต่างๆ ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะครับ และหากน้องๆ ต้องการทำความเข้าใจเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูวิดีโอจากช่อง Nock Academy ได้เลยครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ระบบจำนวนจริง

ระบบจำนวนจริง

ระบบจำนวนจริง “ระบบจำนวนจริง” เป็นรากฐานสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์ ประกอบไปด้วยจำนวนต่างๆ ได้แก่ จำนวนตรรกยะ จำนวนอตรรกยะ จำนวนเต็ม จำนวนนับ โครงสร้าง ระบบจำนวนจริง มนุษย์เรามีความคิดเรื่องจำนวนและระบบการนับมาตั้งแต่โบราณ และจำนวนที่มนุษย์เรารู้จักเป็นอย่างแรกก็คือ จำนวนนับ การศึกษาระบบของจำนวนจึงใช้พื้นฐานของจำนวนนับในการสร้างจำนวนอื่นขึ้นมา จนกลายมาเป็นจำนวนจริง และจำนวนเชิงซ้อน (เนื้อหาม.5) ดังนั้น ถ้าน้องๆเข้าใจจำนวนนับแล้วน้องๆก็จะสามารถศึกษาระบบจำนวนอื่นๆได้ง่ายขึ้น   โครงสร้าง     จำนวนจริง จำนวนจริงคือจำนวนที่ประกอบไปด้วย

ตัวประกอบของจำนวนนับ

ตัวประกอบของจำนวนนับ ป.6

บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับตัวประกอบของจำนวนนับ น้องๆชั้นป.6 จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความหมายของตัวประกอบ รวมไปถึงวิธีหาตัวประกอบของจำนวนนับนั่นเอง

กราฟแสดงคำตอบของอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

บทความนี้ได้แนะนำการเขียน กราฟแสดงคำตอบของอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว  ซึ่งจะเชื่อมโยงกับสัญลักษณ์ของอสมการทั้ง 5 สัญลักษณ์ คือ มากกว่า (>), น้อยกว่า (<), มากกว่าหรือเท่ากับ (≥), น้อยกว่าหรือเท่ากับ (≤) และ ไม่ท่ากับ(≠) โดยเขียนแสดงบนเส้นจำนวน จุดทึบและจุดโปร่ง เราจะเลือกใช้จุดทึบ (•) และจุดโปร่ง (°) แทนสัญลักษณ์อสมการ ดังนี้ มากกว่า

Passive Voice ในปัจจุบัน

Passive Voice ในรูปปัจจุบัน

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดูการใช้ Passive Voice ในรูปปัจจุบัน กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ   ความหมาย   Passive Voice (แพ็ซซิฝ ว็อยซ) หมายถึงประโยคที่เน้นกรรม โดยการนำโครงสร้างผู้ถูกกระทำขึ้นต้นประโยค และหากว่าต้องการเน้นผู้กระทำให้เติม  “by + ผู้กระทำ” ท้ายประโยค แต่ว่าเราสามารถละ by ไว้ได้น๊า ในบทนี้เราจะไปดูรูปประโยคในปัจจุบันกันจร้า

ฟังก์ชันประกอบ

ฟังก์ชันประกอบ

ฟังก์ชันประกอบ ฟังก์ชันประกอบ คือฟังก์ชันที่เกิดจากการหาค่าฟังก์ชันที่ส่งจากเซต A ไปเซต C โดยที่ f คือฟังก์ชันที่ส่งจาก A ไปยัง B และ g เป็นฟังก์ชันที่ส่งจาก B ไปยัง C เราเรียกฟังก์ชันที่ส่งจาก A ไป C นี้ว่า gof  จากรูป

causatives

Causatives: Have and Get Something Done

สวัสดีน้องๆ ม. 6 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้ไวยากรณ์เรื่อง Causatives หรือการใช้ Have/Get Something Done ที่น้องๆ บางคนอาจจะสงสัยว่าคืออะไร ลองไปดูกันเลยครับ

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1