Conjunctions of time

Conjunctions of Time

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.5 ที่รักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้กันเรื่อง “การใช้ Conjunctions of time กันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด

Conjunctions of time คืออะไร

 

Conjunctions of Time (2)

Conjunctions of time คือ คำสันธานที่ถือเป็น Subordinating conjunctions รูปแบบหนึ่งที่เน้นบอกเวลา (time) เช่น whenever ( เมื่อใดก็ตามที่) , before ( ก่อนที่), soon after ( ภายหลังไม่นาน, as/while ( ขณะที่) , as soon as ( ทันทีที่) , since ( ตั้งแต่) , until/till ( จนกระทั่ง) , when ( เมื่อ) ,  after ( หลังจากที่)  etc. เพื่ออธิบายขยายความการ กระทำในเหตุการณ์ในประโยคใจความหลัก (Main clause) ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหน ช่วงใด นั่นเองจ้า

 

ดังตัวอย่างเช่น

คำเชื่อม Conjunction

ตัวอย่างประโยค

คำแปล

When the snow stops, we’ll look for your puppy. เมื่อหิมะหยุด เราจะตามหาลูกสุนัขของคุณ

 

I’ll book a flight as soon as I get my money back.

 

ฉันจะจองเที่ยวบินทันทีที่ได้รับเงินคืน
The flight has been postponed until the Covid-19 is over.

 

เที่ยวบินถูกเลื่อนออกไปจนกว่า Covid-19 จะสิ้นสุดลง
Before you leave the house, make sure you lock the door.

 

ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมล็อคประตู
I went to the US after I graduated. ฉันไปอเมริกาหลังจากเรียนจบ

 

She went to Bangkok before she got married.

 

เธอไปกรุงเทพก่อนจะแต่งงาน

Subordinating conjunctions

คำเชื่อม Conjunction (2)

หากเราจะใช้  คำสันธานเพื่อบอกเวลา เช่น beforeหรือ after ให้ถูกต้องนั้น เราจะต้องรู้ก่อนว่า มันอยู่ในกลุ่มของ Subordinating conjunction  ซึ่งก็คือคำสันธานใช้เชื่อมประโยคใจความรองเข้ากับประโยคใจความหลัก 

ดังตัวอย่าง เช่น

 

  • Before: “ก่อน” ดังตัวอย่างการใช้ เช่น

I used to be fat before I started exercising.
ฉันเคยอ้วนมาก่อนออกกำลังกาย
เพิ่มเติม: การใช้ before จะตามด้วยเหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง

  • After: “หลัง” ดังตัวอย่างการใช้ เช่น

 

After Covid-19 had become a crisis, I got to learn from online classes.
หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ถึงขั้นวิกฤต ฉันต้องเรียนออนไลน์

เพิ่มเติม: After จะตามด้วยเหตุการณ์ที่เกิดก่อน (อดีตที่เก่ากว่า)

 


ตัวอย่างอื่นๆ เช่น

After I had moved to Canada, I suddenly got married. หลังจากที่ฉันย้ายไปแคนาดา ฉันก็แต่งงานทันที

 

***จะเห็นได้ว่า ย้ายไปก่อน จึงแต่งงาน ตามโครงสร้างประโยค
Past Perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อน หรือ อดีตที่เก่ากว่า (After I had moved to Canada,) และมี Past Simple แทรกเข้ามาทีหลัง (I suddenly got married.)

จุดที่มักออกข้อสอบ: การใช้ since และ for

คำเชื่อม Conjunction (4)

ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเจอการใช้ since และ for ในกลุ่มของ Perfect tense ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • โครงสร้าง: since+จุดๆหนึ่งของเวลา (A point of time)

I had moved to England since 1998.
ฉันย้ายมาอังกฤษตั้งแต่ปี 1998
***จะเห็นได้ว่า since+จุดๆ หนึ่งของเวลา

  • โครงสร้าง: for+ ช่วงเวลา (Duration)

We have been in the US for 3 years now.
พวกเราได้มาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว
***จะเห็นได้ว่า for จะตามด้วยช่วงเวลา

 

นอกจากนี้ยังมี Subordinating conjunctions ที่น่าสนใจอีก เช่น as if, in a way that, where, wherever,  when, so that, so, although, whereas, etc. ดังตัวอย่างการใช้ด้านล่างนะคะ

 

จุดที่สับสนบ่อย

 

คำเชื่อม Conjunction (7)

 

 

  • การใช้ for ในประโยค Coordinating conjunctions

    คำเชื่อม Conjunction (6)

for นอกจากจะแปลว่า สำหรับ หรือ สามารถใช้บอกช่วงเวลาได้แล้ว
ในรูปประโยค Coordinating conjunctions นี้ for  จะแปลว่า เพราะว่า เหมือนกันกับ because นั่นเอง ยกตัวอย่าง เช่น

โครงสร้าง: S+V for S+V

He dumped Jane for she had an affair.
เขาทิ้งเจน เพราะเธอมีชู้

I moved to the UK for I had a boyfriend there.
ฉันย้ายไปอังกฤษเพราะฉันมีแฟนที่นั่น

  • การใช้ since ที่บอกเหตุ

    การใช้ since ในประโยค Coordinating conjunctions เพื่อเชื่อมใจความหลักของสองประโยค จะมีความหมายว่า เพราะว่า/นับตั้งแต่/เนื่องจาก/เนื่องด้วย เช่น

 

I left Thailand two years ago since I wanted to do my MA in England.

อธิบายเพิ่มเติม:
since เชื่อมประโยคแรกคือ “I left Thailand last two years” เข้ากับประโยคที่สอง

“I wanted to do my MA in England.” ซึ่งจะแปลว่า ฉันออกจากประเทศไทยเมื่อสองปีที่แล้วเพราะว่าฉันต้องการเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ

ตารางสรุป Conjunctions of Time

คำเชื่อม Conjunction (5)

Conjunction of Time Example แปล
before
ก่อน
She cooked her breakfast before she left the house. เธอทำอาหารเช้าของเธอก่อนออกจากบ้าน
after
หลัง
After I took a shower, I went to bed. หลังอาบน้ำเสร็จฉันก็เข้านอน

 

while
ขณะที่/ระหว่างที่
***มักเจอใน Past Continuous Tense
While Steve was cutting the onions, Tina was peeling the potatoes.

 

ระหว่างที่สตีฟกำลังหั่นหัวหอม ตีน่าก็กำลังปอกมันฝรั่ง
until/till
จนกระทั่ง/จนกว่า
I’m not forgiving until you promise me not to do it again. ฉันไม่ให้อภัยจนกว่าคุณจะสัญญาว่าจะไม่ทำอีก
when
เมื่อ
I smiled when he gave me a bunch of flowers.

 

When I lived in England, I lived with a local host family.

ฉันยิ้มเมื่อเขามอบช่อดอกไม้ให้ฉัน

 

เมื่อฉันอาศัยอยู่ในอังกฤษ ฉันอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ที่เป็นคนท้องถิ่น

since
ตั้งแต่
We’ve been friends since high school. เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม
as
เมื่อ/ขณะที่
We got to the party as everyone was leaving. เราไปถึงงานปาร์ตี้ขณะที่ทุกคนกลับกันหมดแล้ว
during
ระหว่างที่/ช่วง
During the summer, it’s very hot in Thailand. ช่วงหน้าร้อนเมืองไทยอากาศร้อนมาก
whenever
เมื่อใดก็ตาม/ทุกครั้ง
Whenever I see him, I am so happy. ทุกครั้งที่ฉันเห็นเขา ฉันมีความสุขมาก
as soon as
เร็วเท่าที่/ทันทีที่
Please call back as soon as you get home.

 

 

กรุณาโทรกลับทันทีที่คุณกลับถึงบ้าน

 

 

 

once
เมื่อ
Once your girlfriend gets here, we are leaving for a party. เมื่อแฟนของคุณมาถึง เราจะไปปาร์ตี้กัน

เป็นยังไงกันบ้างคะนักเรียน พอจะเข้าใจการใช้คำเชื่อมที่ใช้บอกเวลากันมากขึ้นหรือยังเอ่ย ขอให้นักเรียนสู้ๆนะคะ ครูเป็นกำลังใจให้น๊า นักเรียนสามารถทบทวนบทเรียนได้ที่วีดีโอด้านล่างนะคะ

กดปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจ้า
Have fun! ขอให้สนุกน๊า

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
เรียนพิเศษออนไลน์ ดูได้ทั้ง 4 รายวิชา - NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

Relative Clause Profile II

Relative Clause

สวัสดีค่ะนักเรียนม. 3 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปดู Relative clause หรือ อนุประโยคในภาษาอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เหมือนกันกับคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งมีหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า  และจะใช้ตามหลัง Relative Pronoun เช่น  who, whom, which, that, และ whose แต่สงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้องเรียนเรื่องนี้ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างแล้วจะร้องอ๋อ   Relative

ระบบสมการเชิงเส้น

ระบบสมการเชิงเส้น

ระบบสมการเชิงเส้น ระบบสมการเชิงเส้น คือระบบสมการที่มีดีกรีเป็นหนึ่ง ซึ่งก็คือเลขชี้กำลังของตัวแปรเป็นหนึ่งนั่นเอง ซึ่งในตอนมัธยมต้นน้องๆได้เรียนระบบสมการเชิงเส้น 2 ตัวแปรไปแล้ว ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร เช่น แล้วเราก็แก้สมการหาค่า x, y  (ซึ่งอาจจะมีคำตอบหรือไม่มีก็ได้) แต่ในบทความนี้น้องๆจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบสมการเชิงเส้น n ตัวแปร นั่นก็คือน้องๆจะต้องหาคำตอบของตัวแปร n ตัวตัว ซึ่งการหาคำตอบนั้นมีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้เมทริกซ์ (ซึ่งน้องๆจะได้เรียนในบทความถัดๆไป) หรือการแก้สมการธรรมดาและในข้อสอบส่วนใหญ่จะเน้นให้น้องๆหาคำตอบในระบบสมการเชิงเส้นที่ไม่เกิน 3 ตัวแปร เพราะถ้าเกินกว่านั้นอาจจะใช้เวลาในการหาคำตอบมาก

การโต้วาที

โต้วาที และยอวาที แต่งต่างกันอย่างไร?

การพูดมีมากมายหลายประเภท แล้วแต่จุดประสงค์ของผู้พูดว่าต้องการจะสื่อสารออกมาในรูปแบบใด แต่จะมีอยู่ประเภทหนึ่งที่มีหัวข้อให้พูดและต้องแบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยไม่ได้มีเจตนาเพื่อมาทะเลาะกัน เพราะเรากำลังหมายถึงการพูดโต้วาทีและการยอวาที ที่เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นในลักษะที่ต่างกัน แต่จะต่างกันอย่างไรบ้างนั้น เราไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   การโต้วาที     การโต้วาที เป็นการแสดงความคิดเห็นโต้แย้งด้วยเหตุผลเพื่อให้ชนะอีกฝ่าย โดยจะแบ่งผู้พูดออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายญัตติและฝ่ายคัดค้านญัตติ และมีกรรมการคอยตัดสินว่าจะให้ฝ่ายใดชนะ โดยแต่ละฝ่ายจะต้องมีข้อมูลเพื่อมาสนับสนุนการพูดของตัวเอง หักล้างแนวคิดของอีกฝ่ายและต้องมีปฏิภาณไหวพริบ   องค์ประกอบของการโต้วาที  

การแยกตัวประกอบพหุนาม

การแยกตัวประกอบพหุนาม

การแยกตัวประกอบพหุนาม การแยกตัวประกอบพหุนาม เป็นการแยกตัวประกอบของสมการเพื่อให้ง่ายต่อการหาคำตอบของสมการที่จะต้องเรียนในเนื้อหาถัดไป ในบทความนี้จะพูดถึงพหุนามดีกรี 2 ตัวแปรเดียว พหุนามดีกรี 2 คือ พหุนามที่มีเลขยกกำลังสูงสุด คือ 2 พหุนามดีกรี 2 ตัวแปรเดียว คือ พหุนามที่มีเลขยกกำลังสูงสุดคือ 2 และ มีตัวแปร 1 ตัว เขียนอยู่ในรูป ax² +

ลำดับเรขาคณิต

ลำดับเรขาคณิต

ลำดับเรขาคณิต ลำดับเรขาคณิต คือ ลำดับที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างคงที่เป็นจำนวนเท่า ซึ่งจำนวนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นเรียกว่า อัตราส่วนร่วม เขียนแทนด้วย r โดยที่ r = พจน์ขวาหารด้วยพจน์ซ้าย การเขียนลำดับเราจะเขียนแทนด้วย    โดยที่ คือพจน์ทั่วไปหรือเรียกอีกอย่างว่า พจน์สุดท้ายนั่นเอง ตัวอย่างของลำดับเรขาคณิต 2, 4, 8, 16, 32, … จะได้ว่า 

การใช้ Auxiliary Verb: can, can’t

การใช้ Auxiliary Verb: can, can’t  บทนำแสนแซ่บ สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องสุดปังทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันเรื่องของคำกริยาช่วยที่ทำให้เรารู้ว่าคนนั้น ๆ สิ่งนั้น หรืออันนั้นมีความสามารถในการทำอะไรได้บ้างกันดีกว่า  ในภาษาไทยเอง เวลาเราจะอธิบายว่าเรามีความสามารถอะไรเราก็มักจะพูดว่า “เรา… ทำได้” หรือ “เราสามารถ….ทำได้” โดยภาษาอังกฤษสุดที่รักของเราเองก็มีอะไรแบบนั้นเหมือนกัน โดยเค้าใช้คำว่า Can มาช่วย โดยเราจะเรียกคำกริยาช่วยเหลือนี้ว่า Auxiliary verb หรือ

Nockacademy web logo 3

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

Nockacademy web logo 3

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1