เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่างๆ

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่�

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีนักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดูวิธีการบอกข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ  “เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่างๆ” พร้อมทั้งตัวอย่างสถานการณ์ใกล้ตัวกันค่ะ ไปลุยกันโลดเด้อ Let’s go!

 

ทบทวน Present Simple Tense

 

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่� (2)

 

Present แปลว่า ปัจจุบัน ดังนั้น Present Simple Tense จึงเป็นประโยคที่มี โครงสร้างแบบง่าย ๆ ธรรมดา ที่พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน (Present) นั่นเองค่า โดยมีเงื่อนไขตามลักษณะต่าง ๆเพิ่มเติมดังนี้

  • ใช้เพื่อพูดถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน หรือความเป็นจริงตามธรรมชาติ (Natural truth) เช่น

    When the earth moves around itself, it makes both of the Day and Night.

แปล เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง มันทำให้เกิดทั้งกลางวันและกลางคืน

 

  •  ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ นิสัย  (Habits) เช่น

 I eat rice every morning. หรือ I have rice every morning.

แปล ฉันกินข้าวทุกเช้า

They go to school 5 days a week.
แปล พวกเขาไปโรงเรียน 5 ครั้งต่อสัปดาห์

Jenny walks in the park every weekend.
แปล เจนนี่เดินในสวนสาธารณะทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์

 

รูปประโยคของ Present Simple Tense

 

 

  1. ประโยคบอกเล่า

โครงสร้างของประโยคบอกเล่า :  Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)

ทั้งนี้คำกริยาช่องที่ 1 นั้นจะมีการเติม s หรือ es ถ้าหากประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) แต่ถ้าประธานเป็น I, You หรือประธานพหูพจน์ (You (หลายคน), We, They) ให้คงรูปคำกริยานั้น ๆ ไว้เช่นเดิม เช่น

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่� (3)

 

Jimmy goes to school everyday.

แปล จิมมี่ไปโรงเรียนทุกวัน

They enjoy walking their dog every evening.
แปล พวกเขาชื่นชอบการพาสุนัขไปเดินเล่นช่วงเย็นของทุกๆวัน

**ประโยคนี้ประธานคือ They เป็นพหูพจน์ กริยาคือ enjoy จึงไม่ต้องเติม s หรือ es ที่ท้ายกริยา

 

ข้อสังเกต :

หลักการเติม s,es นั้นง่ายนิดเดียว คือ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย sh, ch, o, s, ss, x, z ให้เติม es เมื่อประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) เช่น

 

He washes his motorbike every week.
เขา (ผู้ชาย) ล้างรถมอเตอร์ไซค์ทุกอาทิตย์

จะเห็นว่า ประธานของประโยคคือ He ซึ่งเป็นเอกพจน์ คำกริยาคือ wash ที่ลงท้ายด้วย sh จึงต้องเติม es ต่อท้าย

 

  1. ประโยคคำถาม

โครงสร้างของประโยคคำถามใน Present Simple Tense มีสองรูปแบบคือ

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่� (4)

  • แบบที่ 1 : Verb to be + Subject + Object/Complement + (คำบอกเวลา) ?  เช่น

 

ประโยคบอกเล่า: She is my best friend.
ประโยคคำถาม: Is she your best friend?
แปล หล่อนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเหรอ

 

  • แบบที่ 2 : Verb to do + Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)?

 

ประโยคบอกเล่า:  We go dancing at the club every night.
Do we go dancing at the club every night?

ประโยคคำถาม:
แปล พวกเราไปเต้นที่คลับทุกคืนหรือเปล่า

 

  1. ประโยคปฏิเสธ (Negative sentence)

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่างๆ

  • แบบที่ 1 : Subject + Verb to be + not + Object/Complement + (คำบอกเวลา)

Ex: I am not your girlfriend.
แปล ฉันไม่ใช่แฟนของคุณ

  • แบบที่ 2 : Subject + Verb to do (do, does)not + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)

Situation: Jenny is talking to Adam.

Jenny: I do not go to school.
แปล ฉันไม่ไปโรงเรียน (ไม่เรียนหนังสือ)
Adam: Why?
แปล ทำไมล่ะ
Jenny: I work at the convenient store because I don’t have any parents.
แปล ฉันทำงานที่ร้านขายของชำเพราะว่าฉันไม่มีพ่อแม่
Adam: Keep going.
แปล สู้ๆนะ

 

 

คำบอกเวลาใน Present Simple Tense

 

Adverbs of Frequency

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่� (5)

Always = สม่ำเสมอ, เป็นประจำ

Frequently = บ่อย ๆ

Often = บ่อย ๆ

Usually = โดยปกติ

Hardly = แทบจะไม่เคย

Never= ไม่เคย

Rarely = แทบจะไม่เคย

Seldom= นาน ๆ ครั้ง

Sometimes= บางครั้ง

 

ประโยคถามเส้นทาง

(Asking for direction)

แปล

(Translation)

Could you tell me how to get to..?

(get to = go to)

 

กรุณาบอกหน่อยได้ไหมครับว่าจะไป…ได้อย่างไร?
How do I find…?

 

ฉันจะหา….ได้อย่างไร? (ทางไป…)
What is the best way to…?

 

ทางไหนดีที่สุดที่จะไป…?
Pardon me, I’m lost, how do I get to…?

 

 

ขอโทษนะคะ/ครับ
ฉันหลงทาง ไม่ทราบว่าจะไป….อย่างไร?
How do I get to…?

 

ฉันจะไปที่…ได้อย่างไร?

คำบุพบทบอกตำแหน่ง (Preposition of Place)

 

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่างๆ(1)

 

เมื่อจะต้องบอกทาง เราต้องรู้จักกลุ่มคำศัพท์หนึ่งที่เรียกว่า Preposition หรือคำบุพบท คือ คำที่ใช้เชื่อมคำนามกับคำนาม หรือเชื่อมคำนามกับ วลี/ประโยค ซึ่ง Preposition ที่สำคัญและพบกันอยู่บ่อยๆ ในการบอกทิศทาง ได้แก่ in (ใน), on (บน), toward (ไปยัง), from (จาก),  after (หลังจาก), among (ระหว่าง), at (ที่)

ตัวอย่างประโยคบอกทาง:

  • Turn left at the corner. (เลี้ยวซ้ายตรงหัวมุม)
  • Turn right at the second corner. (เลี้ยวขวาตรงหัวมุมที่สอง) 
  • Your destination is in front of you. (เป้าหมายอยู่ด้านหน้าของคุณ)

คู่คำบุพบทบอกสถานที่สับสนบ่อย

 

  •  On VS On top

โดยปกติแล้ว ‘On’ จะถูกใช้กับที่ปกติที่ใช้ในการวางสิ่งของ เช่น

 The books are on the bookshelf.
แปล หนังสืออยู่บนหิ้ง

 

  • Between VS Beside

 ‘Between’ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีวัตถุหนึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 วัตถุ ส่วน ‘Beside’ มีความหมายเหมือนกับ ‘Next to’ แปลว่า อยู่ระหว่าง แต่ว่า ‘Beside’ จะแปลว่า ถัดไป…
จะมีความเป็นทางการมากกว่า ทั้งคู่จะถูกใช้เมื่อวัตถุ หรือ สถานที่ หนึ่ง อยู่ข้างๆ อีกสิ่งหนึ่ง

คำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่

 

เรียนรู้เรื่อง Present Tense โดยมีคำบอกเวลา และเเต่งประโยคให้เข้ากับคำศัพท์เรื่องสถานที่ต่� (7)

ตารางศัพท์เกี่ยวกับสถานที่  นักเรียนสามารถใช้ at + the+ สถานที่ด้านล่างนี้เพื่อบอกว่า เราอยู่ที่ไหนได้เลยค่า

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำแปล
airport สนามบิน
escalator บันไดเลื่อน
expressway ทางด่วน
furniture store ร้านขายเฟอร์นิเจอร์
garage อู่ซ่อมรถ
apartment อพาร์ทเมนท์
bakery ร้านเบเกอรี่
car showroom ศูนย์จำหน่ายรถยนต์
church โบสถ์คริสต์
crosswalk ทางม้าลาย
driving range สนามซ้อมไดรฟ์กอล์ฟ
government office หน่วยงานราชการ
hardware shop ร้านขายอุปกรณ์ช่าง
house บ้าน
hut กระท่อม
clinic คลินิก
coffee shop ร้านกาแฟ
condominium คอนโดมีเนี่ยม
foundation มูลนิธิ
gymnasium โรงยิม
night market ตลาดกลางคืน
pier  สะพานที่ยื่นออกไปในน้ำ
playhouse โรงละคร
resort สถานที่พักตากอากาศ

 

อย่าลืมดูวีดีโอทบทวนบทเรียนในหัวข้อ “วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.5 เรื่อง ทบทวน Simple Present tense กันด้วยเด้อ” เลิฟๆ

คลิกที่ปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจร้า
Take care guys!

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ที่มาและเรื่องย่อของวรรณคดียิ่งใหญ่ตลอดกาล รามเกียรติ์ ตอน ศึกไมยราพ

นับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีผู้นำรามเกียรติ์มาแต่งมากมายหลายฉบับ ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและสนุกเกินบรรยาย แต่ฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดคือฉบับที่ประพันธ์โดยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หรือก็คือรัชกาลที่ 1 นั่นเองค่ะ รามเกียรติ์ฉบับนี้มีความพิเศษและมีจุดประสงค์ที่ต่างจากฉบับก่อนหน้า บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้ถึงพระปรีชาสามารถของรัชกาลที่ 1 ผ่านความเป็นมาของวรรณคดีรวมไปถึงเรื่องย่อในตอนสำคัญอย่างตอน ศึกไมยราพ กันค่ะ ไปดูพร้อมกันเลยค่ะว่า รามเกียรติ์ ตอน ศึกไมยราพ จะสนุกแค่ไหน   ประวัติความเป็นมา     รามเกียรติ์

ศิลาจารึกหลักที่ 1 ถอดความหมายพร้อมเรียนรู้คุณค่าในเรื่อง

ศิลาจารึกหลักที่ 1มีความเป็นมาอย่างไร น้อง ๆ ก็คงจะได้เรียนรู้กันไปแล้ว วันนี้เรื่องที่เราจะมาศึกษากันต่อก็คือเนื้อหาเด่น ๆ ที่น่าสนใจและคุณค่าที่อยู่ในศิลาจารึกหลักที่ 1 กันค่ะ ไปดูพร้อมๆ กันเลยว่าในศิลาจารึกจะบันทึกเรื่องเล่าอะไรไว้บ้าง และมีคุณค่าด้านใด   ศิลาจารึกหลักที่ 1 : ตัวบทที่น่าสนใจ       พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูมีพี่น้องท้องเดียวห้าคน

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง คือ การนำเสนอข้อมูลที่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้โดยใช้รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งเเต่ละรูปมีความกว้างเท่ากัน เเละใช้ความสูงหรือความยาวเเสดงปริมาณของข้อมูล เเต่จุดเริ่มต้นจะต้องเริ่มในระดับเดียวกันเสมอ อาจอยู่ในเเนวตั้งหรือเเนวนอนก็ได้ การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบ คือ การนำเสนอข้อมูลโดยเปรียบเทียบข้อมูลตั้งเเต่ 2 ชุดขึ้นไปในแผนภูมิเดียวกัน โดยมีเเท่งสี่เหลี่ยมที่เเสดงข้อมูลชนิดเดียวกันอยู่ด้วยกันเป็นชุดๆ เเละมีสีหรือเเรเงาในเเท่งสี่เหลี่ยมต่างกัน เเละระบุไว้บนเเผนภูมิด้วยว่าสีหรือเเรเงานั้น ๆ เป็นข้อมูลของอะไร ตัวอย่างของแผนภูมิเเท่งเปรียบเทียบ ส่วนประกอบของเเผนภูมิแท่ง: 1. ชื่อแผนภูมิ 2. จำนวน 3.

เสียงสระในภาษาไทย

เสียงในภาษาไทยมีทั้งหมด 3  เสียงคือพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ จากที่เราได้ทำความเข้าใจในเรื่องเสียงพยัญชนะกันไปแล้ว วันนี้เราจะมาเรียนรู้อีกเสียงหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือเรื่องเสียงสระนั่นเองค่ะ เสียงสระจะมีกี่ชนิด แบ่งเป็นชนิดใดบ้าง ไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ     เสียงสระ เสียงสระเป็นเสียงที่เกิดจากลมภายในปอด เปล่งออกมาโดยใช้การเคลื่อนไหวของลิ้นและริมฝีปาก เสียงที่ได้จะแบ่งออกได้ดังนี้ค่ะ สระเดี่ยว สระเดี่ยวหรือสระแท้ มีทั้งหมด 18 เสียง เสียงสั้นและเสียงยาวจับกันได้ 9

คุณศัพท์บอกความรู้สึก

การใช้คำคุณศัพท์และการบอกความรู้สึก

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคและวิธีการใช้ Descriptive Adjective การใช้คำคุณศัพท์บอกลักษณะและความรู้สึก กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า    ความหมายของคำคุณศัพท์     คำคุณศัพท์หรือ Adjective มีตัวย่อคือ Adj.  ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือสรรพนามที่อยู่ในประโยค คำนามหรือสรรพนาม ณ ที่นี้ ก็คือ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่

การใช้ Past Simple Tense เน้น Verb to be

การใช้ Past Simple Tense เน้น Verb to be เกริ่นนำ เกริ่นใจ เรื่องอดีตนั้นไม่ง่ายที่จะลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวชีวิตของใครคนหนึ่งที่เราเอาใจใส่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรที่จะให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจเรื่องง่าย ๆ อย่าง Past simple tense ซึ่งเป็นโครงสร้างประโยคที่เราใช้ในการเล่าเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อกี้ ไปจนถึงเรื่องของเมื่อวาน  ภาษาไทยของเราเองก็ใช้โครงสร้างประโยคนี้บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เราอยากจะเล่าเรื่องของเรา ของใครคนอื่นที่เราอยากจะเม้ามอยกับคนรอบข้างอ่ะ

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1