Be Able To คืออะไร? ต่างจาก ‘can’ ‘could’ อย่างไร?

สวัสดีน้องๆ ม. 6 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง ‘be able to’ ในภาษาอังกฤษ จะเป็นอย่างไรนั้นเราลองไปดูกันเลยครับ
Be able to

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Be able to คือ?

ในภาษาไทยนั้น ‘be able to’ จะแปลได้ว่า “สามารถ” ครับ ซึ่งน้องๆ อาจจะคุ้นเคยกับคำว่า ‘can’ หรือ ‘could’ กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ ซึ่งนอกจาก 2 คำนี้แล้วนั้น น้องๆ สามารถใช้ ‘bee able to’ ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคำเหล่านี้ก็จะมีความหมายแตกต่างกันเล็กน้อย เรามาเริ่มจากโครงสร้างของมันก่อนดีกว่าครับ

be able to

 

ตัวอย่างเช่น

I am able to do that for you.
= I can do that for you

ซึ่งทั้ง 2 ประโยคนี้แปลได้เหมือนกันว่า “ฉันสามารถทำให้คุณได้”

 

แตกต่างจาก ‘can’ และ ‘could’ อย่างไร

อย่างไรก็ตามคำว่า ‘be able to’ นั้นก็มีความแตกต่างจากคำว่า ‘can’ และ ‘could’ เล็กน้อย นั่นก็คือ can/could นั้นปกติจะใช้บอกถึงสิ่งที่เราทำได้/ไม่ได้ โดยเป็นความสามารถที่ติดตัวเรามาอยู่แล้ว แต่ be able to นั้นจะใช้กับสิ่งที่เราทำได้/ไม่ได้ในชั่วขณะนั้น น้องๆ ลองดูความแตกต่างระหว่างสองประโยคนี้ครับ

 

1) He cannot swim. He’s never learned how to swim.
เขาว่ายน้ำไม่ได้ เขาไม่เคยเรียนว่ายน้ำ

2) He is not able to swim. The swimming pool is closed today.
เขาว่ายน้ำไม่ได้ สระว่ายน้ำปิดวันนี้

 

น้องๆ จะสังเกตได้ว่า ประโยคที่ 1 นั้นเขาว่ายน้ำไม่ได้เนื่องจากเขาว่ายไม่เป็น ไม่เคยเรียนว่ายน้ำนั่นเอง
ต่างจากประโยคที่ 2 ที่เขาว่ายน้ำได้ แต่เนื่องจากสระว่ายน้ำปิดวันนี้ ทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ (ในวันนี้)นั่นเองครับ

 

นอกจากนั้น beeable to ยังสามารถใช้บอกความสามารถที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วยครับ ซึ่งต่างจาก ‘can’ ที่ใช้บอกความสามารถในปัจจุบัน และ ‘could’ ที่ใช้พูดถึงความสามารถในอดีต เช่น

 

You will be able to use your arm by the end of next month.
คุณจะสามารถใช้แขนของคุณได้ช่วงปลายเดือนหน้า

 

จากตัวอย่างน้องๆ จะสามารถเดาได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่คนๆ หนึ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้แขนของเขาใช้งานไม่ได้ คุณหมอจึงบอกว่าแขนเขาจะกลับมาใช้งานได้ปกติในปลายเดือนหน้านั่นเองครับ

example

 

และนี้ก็เป็นวิธีการใช้โครงสร้าง ‘be able to’ และความแตกต่างจาก ‘can’ และ ‘could’ นั่นเองครับ เข้าใจไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะครับ? หากน้องๆ ต้องการศึกษาเพิ่มเติมสามารถรับชมวิดีโอเรื่องนี้จากช่อง Nock Academy ได้ตามลิ้งก์ด้านล่างเลยครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

เรียนรู้เรื่อง ภาษาบาลี สันสกฤต ที่อยู่ในภาษาไทย

​  ภาษาบาลี สันสกฤต เป็นภาษาอินเดียโบราณ คำบาลี สันสกฤตที่นำมาใช้ในไทยจึงมักจะอยู่ในบทสวดเป็นส่วนใหญ่ แต่น้อง ๆ ทราบไหมคะว่าที่จริงแล้วนอกจากจะอยู่ในบทสวดมนต์ ภาษาไทยก็ยังมีอีกหลายคำเลยค่ะที่ยืมมาจากภาษาบาลี สันสกฤต เรียกได้ว่าถูกใช้ปนกันจนบางครั้งก็อาจทำให้เราสับสนไปได้ว่าสรุปนี่คือคำจากบาลี สันสกฤตหรือไทยแท้กันแน่ บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปทำความเข้าใจ เจาะลึกลักษณะภาษาพร้อมบอกทริคการสังเกตง่าย ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ   ความเป็นมาของภาษาบาลี สันสกฤตในประเทศไทย     การยืมภาษา

อิศรญาณภาษิต

อิศรญาณภาษิต ศึกษาวรรณคดีคำสอนของไทย

อิศรญาณภาษิต เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาสอนให้ผู้อ่านรู้จักลักษณะของกลอนเพลงยาวและยังสอดแทรกข้อคิดต่าง ๆ ไว้อีกมากมาย บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเจาะลึกถึงประวัติความความเป็นมา ผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ของกลอนเพลงยาว และตัวบทที่น่าสนใจ ๆ ในเรื่อง ถ้าน้อง ๆ อยากรู้แล้วว่าวรรณคดีเรื่องนีมีความเป็นมาและความสำคัญอย่างไร เหตุใดจึงอยู่ในแบบเรียนภาษาไทยในเราได้ศึกษากันอยู่ตอนนี้ ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ     ความเป็นมาของ   อิศรญาณภาษิต (อ่านว่า

Phrasal verb with2 and 3

Two – and Three-Word Phrasal Verbs

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.4 ที่รักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้กันเรื่อง “Two – and Three-Word Phrasal verbs“ กันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด ทบทวน Phrasal verbs    Phrasal verb คือ กริยาวลี  มีที่มาคือ เป็นการใช้กริยาร่วมกันกับคำบุพบท แล้วทำให้ภาษาพูดดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น  เรามักไม่ค่อยเจอคำลักษณะนี้ในภาษาอังกฤษที่เป็นทางการ  ซึ่งในบทเรียนนี้เราจะไปดูตัวอย่างการใช้  กริยาวลีที่มี 2

NokAcademy_ม2 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions

การใช้ V. to be + ร่วมกับ Who/ What/Where…

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง “การใช้ Wh-questions ร่วมกับการใช้ V. to be” ไปลุยกันเลยจร้า Sit back, relax, and enjoy the lesson! —นั่งพิงหลังชิวๆ ทำใจสบายๆ แล้วไปสนุกกับบทเรียนกันจร้า— Getting stared with ” Question Words

เรียนรู้และประเมินคุณค่าบทประพันธ์ อิศรญาณภาษิต

หลังจากครั้งที่แล้ว ที่เราได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมา ลักษณะคำประพันธ์ และตัวบทที่สำคัญในเรื่องกันแล้ว ครั้งนี้เรื่องที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้ต่อไปก็คือคุณค่าที่อยู่ใน อิศรญาณภาษิต นั่นเองค่ะ อย่างที่รู้กันว่าวรรณคดีเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยคำสอนและข้อคิดเตือนใจต่าง ๆ มากมาย เพราะงั้นเราไปเรียนรู้กันให้ลึกขึ้นดีกว่านะคะว่าคุณค่าในเรื่องนี้จะมีด้านใดบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ   คุณค่าในเรื่องอิศรญาณภาษิต     คุณค่าด้านเนื้อหา   อิศรญาณภาษิต มีเนื้อหาที่เป็นคำสอน ข้อคิดเตือนใจ เพื่อให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงการกระทำของตน ว่าทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเป็นปกติสุขได้

สถิติ (ค่ากลางของข้อมูล/การกระจายของข้อมูล)

บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลและการกระจายของข้อมูล ซึ่งค่ากลางของข้อมูลจะประกอบด้วย ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม ส่วนการวัดการกระจายของข้อมูลจะศึกษาในเรื่องการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งน้องๆสามารถทบทวน การนำเสนอข้อมูลในรูปตารางแจกแจงความถี่ ได้ที่  ⇒⇒  การนำเสนอข้อมูลในรูปตารางแจกแจงความถี่ ⇐⇐ หมายเหตุ ค่าเฉลี่ยในทางคณิตศาสตร์มีหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้คือค่าเฉลี่ยเลขคณิต การวัดค่ากลางของข้อมูล  เป็นการหาค่ากลางมาเป็นตัวแทนของข้อมูลแต่ละชุด ซึ่งมีวิธีการหาได้หลายวิธีที่นิยมกัน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน ฐานนิยม ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1