ประโยคและวิธีการใช้ Would like กับ Wh-questions

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.5 ที่รักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูตัวอย่างประโยคและวิธีการใช้ Would like กับ Wh-questions กันค่ะ ไปลุยกันเลย

ตารางเปรียบเทียบประโยคก่อนเข้าสู่บทเรียน: คำถาม Wh-questions VS Yes-no Questions

ตารางเปรียบเทียบ Wh questions VS Yes No questions

ประโยคคำถามแบบ Wh-question

“what”

ประโยคคำถามที่ใช้

would + Subject +like…

ประโยคคำถามแบบปรกติ
ด้วยการใช้ Yes-no Questions “Do…”
ประโยคคำถามที่ใช้
would +
Subject +like…
What cookie do you like? Would you like some cookie? Do you like dancing? Would you like to dance?
ถามตอบเกี่ยวกับความชอบทั่วๆไป เสนอ/ชวนให้ทำ…

มีความสุภาพมากกว่า

ถามเกี่ยวกับความชอบและไม่ชอบทั่วไป ชวนให้ทำอะไรบางอย่าง

ความหมายของ “would like”

 

would like ถูกใช้ในสองความหมายหลักๆด้านล่าง ตรงนี้เราจะใช้ รูปย่อ ของ  would ว่า (‘d) ในประโยคบอกเล่านะคะ
หรือ ชื่อเล่นของ  “would like ก็คือ ‘d like ” นั่นเอง


ความหมายแรก would like แปลเหมือนกับ wish หรือ want (ต้องการ, ปรารถนา) จะตามด้วย  to + verb infinitive (V. 1 ไม่ผัน)

เช่น I would like to study in the UK next month.

แปลว่า ฉันปราถนาที่จะไปเรียนต่อในประเทศอังกฤษ (UK = United Kingdom)

 

ความหมายที่สอง would like จะถูกใช้ กล่าวถึงสิ่งที่เราปรารถนาหรืออยากจะทำ แต่ไม่ได้ทำ
ในโครงสร้าง ” would like to +have + past participle  (V.3)

เช่น (A):  I would like to have been to the concert.
แปลว่า ฉันหวังว่าจะได้ไปคอนเสิร์ตบ้างจัง(แต่ความจริงแล้วไม่ได้ไป)
หรือสามารถเขียนอีกในรูปแบบที่คุ้นหูกันมากกว่า

ในรูปประโยค (B): I wish I’d have been to the concert.


***ประโยค (A)และประโยค (B)มีความหมายเหมือนกัน แต่ประโยคหลังจะสั้น และกระชับมากกว่าเด้อ
ตรงนี้เราจะเห็นว่า การใช้ would like to +…อาจจะสุภาพ แต่ในบางกรณีอาจเป็นการพูดที่เวิ่นเว้อมากเกินไป

 

ตำแหน่งและการใช้งาน

ตำแหน่งการใช้ would like

 

  1. would like ถูกใช้แบบเดิมกับทุกสรรพนามในประโยคบอกเล่า

Ex.  I would like some tea.

สำหรับประโยคปฏิเสธ มีโครงสร้างคือ ” Subject+ would not (wouldn’t)+ like+…”

 

Ex. I wouldn’t like to be here. = ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่

 

***ข้อแตกต่างระหว่าง would like กับ  like

ข้อแตกต่างของ would like VS like

like ใช้บอกเล่าถึงสิ่งที่เราชอบมาตลอด เช่น

Ex. I like Lisa. She is always my favorite super star.
= ฉัน/ผม ชอบลิซ่า เธอเป็นดาราคนโปรดของฉัน/ผมมาโดยตลอด

คำศัพท์ ที่เกี่ยวข้องกับ “like” เมื่อ Parts of Speech เปลี่ยนไป

like (V.)
= ชอบ

คำเหมือน :favour, love, prefer

คำตรงข้าม : dislike = ไม่ชอบ

 

like (Adj.)
= น่าจะเป็นไปได้, เป็นไปได้, เหมือนว่าจะ

คำเหมือน :likely, equal, equivalent, same

คำตรงข้าม : unlike, unequal

= เหมือนกัน, คล้ายกัน, อย่างเดียวกัน

 

likely as not

as likely as not..
(Idm.)
แปล บางที, อาจเป็นไปได้

 

 

ส่วน would like นั้นจะใช้บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณต้องการในขณะนั้น  ดังตัวอย่างด้านล่าง

Situation: Ordering a Thai menu from the waitress.

Robert: I’d like a Thai menu please. = ขอเมนูอาหารไทยด้วยครับ
Waitress: Here you are. = นี่ค่ะเมนู

 

2. would like สามารถตามด้วย noun หรือ to + verb

Ex. Would you like some tea or coffee?= คุณต้องการชาหรือกาแฟดีคะ/ครับ
Ex. Would you like to hang out with me? = คุณต้องการออกไปเที่ยวกับฉัน/ผม มั้ยคะ/ครับ

 3. would like to + V. infinitive (ต้องการที่จะ…แบบสุภาพ)

Ex. I would like to have a dinner with you.
= ฉันต้องการจะทานอาหารเย็นกับคุณ

4. would like ในรูปปฏิเสธ ตามโครงสร้างด้านล่าง

Subject + would + not + like + [to + verb]/noun + …

would not ย่อเป็น wouldn’t ได้

ตัวอย่างประโยค :

I wouldn’t like to have some sugar on my tea. = ฉันไม่ต้องการใส่น้ำตาลในชาของฉัน (เป็นวิธีปฏิเสธแบบสุภาพมากๆอีกวิธีหนึ่ง)

 

 

ประเภทของ Wh-Questions ที่ใช้กับ would like

ประเภทของ Question words using with would like

 

 When = เมื่อไร

เมื่อใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเกี่ยวกับเวลา เช่น

Ex. When would you like to come? = คุณต้องการจะมาช่วงไหนคะ

 

Where = ที่ไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น

 ถาม: Where would you like to study?  = คุณอยากไปเรียนที่ไหนคะ/ครับ

ตอบ: I would like to study in the USA. = ฉันอยากไปเรียนที่อเมริกาค่ะ

Whom = ใคร (ใช้เป็นกรรม)

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล  เช่น

Ex.  Whom would you like to travel with? = เธอต้องการจะไปเที่ยวกับใครคะ/ครับ

How = อย่างไร/เท่าไร

How เป็นคำเดียวที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย wh แต่เราสามารถใช้ how ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น

 Ex. How long would you like me to drive? = คุณต้องการใช้ฉันขับไกลแค่ไหนคะ/ครับ

Ex.  How deep would you like me to swim? = คุณต้องการให้ฉันว่ายน้ำลึกแค่ไหนคะ/ครับ

 

Which = อันไหน/สิ่งไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเพื่อให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ทำว่าสิ่งไหน อันไหน ดังประโยคด้านล่างนะคะ

 Ex. Which one would you choose? = คุณต้องการอันไหนคะ/ครับ

 

 

ตารางสรุปโครงสร้าง Wh-Questions VS would like …

 

table of would like replacing "would like "

 

Wh-Questions กริยา (Verb) ประธาน( Subject) + like To VS For

To +V.inf.

= เพื่อที่จะ…

 

 

For + V. ing/ N.
= สำหรับ…

 

+ Noun/ Noun phrase

 

 

 

When (เมื่อไร)
Why (ทำไม)
Who (ใคร)
What (noun) ( อะไร )
Where (ที่ไหน)
would

 

 

Singular Nouns:

He, She, It, Danny,+like

 

Plural Nouns:

I, You, We, They, The members + like

 

 

How ( อย่างไร เท่าไร)
How many + N. (พหูพจน์) = มากเท่าไร
How much + N. (นับไม่ได้) = มากเท่าไร
How long ( ยาวนานเท่าไร)

 

 ตัวอย่างเพิ่มเติม:

What would you like to have for breakfast? 

มีความหมายเหมือนกันกับประโยคด้านล่าง ใช้อันไหนก็ได้ค่ะ แต่ประโยคด้านล่างจะสั้นและกระชับกว่านะคะ

What would you like for breakfast?

แปล คุณต้องการรับประทานอาหารเช้าอะไรดีคะ/ครับ

 

สรุปแล้วการใช้ would like ก็เหมือนกับการบอกความต้องการแบบสุภาพที่มักเจอในสถาณการณ์ที่เป็นทางการ และมักเจอร่วมกับกลุ่มคำที่สุภาพอื่นๆ เช่นกัน เช่น คำถามกลุ่ม Would you mind +…

รูปประโยค “Would you mind…” จะใช้ขออนุญาตในรูปแบบที่เป็นทางการ หรือขอร้องแบบสุภาพ โดยเราจะใช้กับรูปประโยคดังนี้

would you mind...

 

โครงสร้าง1: Would you mind + if + Subject + V. Infinitive…?

Would you mind if I go with you?

= คุณจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะไปกับคุณด้วย

 

โครงสร้าง2:  Would you mind + V. ing…?

Would you mind opening the door for me please?

= รบกวนคุณช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหม

 

ตัวอย่างประโยคและวลีในการตอบรับและปฏิเสธ:

 

Accepting and refusing ways in english

ตอบรับ (Accepting)

Sure! = แน่นอน
Of course. = ได้เลย
Not at all. = ยินดีค่ะ/ครับ
I don’t mind. = ไม่รังเกียจครับ/ค่ะ
My pleasure. = ด้วยความยินดี

 

ปฏิเสธ (Refusing)

Sorry, I’m busy.
= ขอโทษด้วย ไม่ว่าง


I’m afraid that I cannot do it.
= เกรงว่าจะไม่สามารถทำได้


I’m afraid that I cannot do it at the moment.
= เกรงว่าจะไม่สามารถทำได้ ณ ตอนนี้


I would like to apologize for it. I cannot go. (สุภาพมากๆ)

= ฉันอยากจะขอโทษ ฉันไปไม่ได้ 

 

เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคนพอจะเข้าใจวิธีการใช้ would like to กับ ประโยคคำถามกลุ่ม Wh-questions กันมั้ยคะ อย่าลืมทบทวนวีดีโอบทเรียนเรื่อง

การใช้ Would like + Wh-questions ด้านล่างนะคะ แล้วเจอกันในบทความต่อไป See you!

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การใช้ไวยากรณ์ Past Simple ในการตั้งคำถาม

เกริ่นนำ เกริ่นใจ อดีต ปัจจุบันและอนาคต ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วได้รับความสำคัญในหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ เอาเข้าจริง ภาษาไทยของเราเองก็มีอะไรในลักษณะนี้เหมือนกันนะ แต่จะไม่เด่นชัดในรูปประโยคจนรู้สึกว่าซับซ้อนเหมือนภาษาอังกฤษที่เรากำลังเรียน ตัวอย่างเช่น เมื่อวานไปไหนมา….หรือ ฉันไป…มา ในขณะที่ภาษาอังกฤษจะต้องมีการปรับโครงสร้างให้เป็นรูปอดีตด้วยการเปลี่ยนคำกริยาเป็นช่องที่ 2 ตัวอย่างเช่น Where “did” you go yesterday? หรือ I “went to…” เป็นต้น อย่างไรก็ดี

จดหมายถึงญาติผู้ใหญ่

จดหมายถึงญาติผู้ใหญ่ เขียนอย่างไรให้ถูกกาลเทศะ

​จดหมายเป็นการสื่อสารที่มีรูปแบบเฉพาะ โดยผู้เขียนจะต้องเลือกใช้ถ้อยคำให้ถูกต้อง เหมาะสมแก่ผู้รับ การเขียนจดหมายนั้นมีหลายแบบ แต่บทเรียนที่น้อง ๆ จะได้เรียนรู้กันในวันนี้คือ จดหมายถึงญาติผู้ใหญ่ เราจะมีวิธีเขียนจดหมายอย่างให้ถูกต้องและถูกกาลเทศะมากที่สุด เราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   การเขียนจดหมายถึงญาติผู้ใหญ่   การเขียนจดหมาย   1. ผู้ส่งจดหมาย 2. จดหมาย 3. ผู้รับจดหมาย   ตัวอย่างการเขียนจดหมาย   ​

เรียนรู้เรื่องการสร้างคำประสมในภาษาไทย

การสร้างคำประสม   คำพูดที่เราพูดกันอยู่ทุกวันนั้น ๆ น้องรู้ไหมคะว่ามีที่มาอย่างไร ทำไมถึงเกิดเป็นคำนี้ให้เราเอามาพูดกันได้ นั่นก็เพราะว่าในภาษาไทยเรานั้นมีสิ่งที่เรียกว่าการสร้างคำอยู่นั่นเองค่ะ ซึ่งการสร้างคำก็มีทั้งคำที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยเฉพาะ เป็นคำมูล คำไทยแท้ กับอีกลักษณะคือการสร้างคำจากคำมูลนั่นเองค่ะ บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้การสร้างคำประสมในภาษาไทย คำประสมคือคำแบบใดบ้าง เราไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   คำประสม     คำประสม หมายถึงคำที่เกิดจากนำคำ 2

เรียนรู้สำนวนไทยที่เกี่ยวกับสัตว์

จากที่เราได้เรียนรู้ในเรื่องของสำนวนกันมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความหมาย ที่มา ลักษณะ ความสำคัญ หรือคุณค่า รวมไปถึงตัวอย่างสำนวนไทยน่ารู้ที่เราได้ยกมาแล้วอธิบายความหมาย แต่น้อง ๆ สังเกตไหมคะว่า สำนวนไทยมีหลายสำนวนเลยที่มักจะเกี่ยวข้องกับสัตว์ สำนวนไทยที่เกี่ยวกับสัตว์ ไม่ได้มีขึ้นเพื่อกล่าวถึงสัตว์ตรง ๆ แต่เป็นการนำสัตว์มาเปรียบเทียบกับคน บทเรียนในวันนี้ จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้กันว่าสัตว์แต่ละชนิดแทนพฤติกรรมไหนของคน และจะมีสำนวนใดบ้างที่เราควรรู้ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ   สำนวนไทยที่เกี่ยวกับสัตว์  

การพูดรายงานหน้าชั้น พูดอย่างไรให้ได้ใจผู้ฟัง

การพูดรายงานหน้าชั้น เป็นการแสดงผลงานศึกษาค้นคว้าโดยนำมาบอกเล่า ชี้แจง นำเสนอให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย การพูดรายงานจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ความคิด บทเรียนในวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้กันว่าหลักในการพูดรายงานหน้าชั้นนั้นมีอะไรบ้าง พูดอย่างไรจึงจะดึงดูดผู้ฟัง รวมไปถึงมารยาทขณะที่ออกไปพูดด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ   หลักการพูดรายงานหน้าชั้น     1. กล่าวทักทายผู้ฟัง แนะนำผู้ร่วมงาน หัวข้อ จุดประสงค์ การทักทายถือเป็นการสร้างความประทับใจแรกให้แก่ผู้ฟัง ไม่ว่าหัวข้อที่เราจะนำมาพูดหน้าชั้นคืออะไร แต่หากเราพูดเนื้อหาขึ้นมาเลยแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ก็อาจจะทำให้ผู้ฟังไม่อยากฟัง หรือคิดว่าการพูดหน้าชั้นของเราเป็นเรื่องน่าเบื่อ

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense

เรียนรู้ เรื่อง Past Tense และ Present Continuous Tense

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้ เรื่อง Past Tense และ Present Continuous Tense  ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด มาเริ่มกันกับ Past Tenses   ก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักก่อนว่า การเล่าถึงงเหตุการณ์ในอดีตนั้นเราสามารถเล่าได้หลายแบบ ครูจะขอยกตัวอย่างจากสถาณการณ์การใช้ไปหาโครงสร้างและคำศัพท์ที่จำเป็นเพื่อให้เราเข้าใจความสำคัของ Tense นั้นๆ ร่วมกับเทคนิค “Situational usage”

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1