ประโยคความรวม (Compound Sentence)-2

CS profile

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

 

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ที่น่ารักทุกคน เจอกันอีกแล้วจร้ากับไวยากรณ์การเขียนภาษาอังกฤษและวันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคการการใช้ประโยคความรวมในภาษาอังกฤษกันค่ะ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมามากกับคนที่ไม่ชอบเขียน  ครูเอาใจช่วยทุกคนค่า ไปลุยกันเลย

 

ประโยคความรวม (Compound Sentence)

 

Compound sentence

ประโยคความรวม ภาษาอังกฤษคือ Compound Sentence อ่านว่า เคิมพาวดฺ เซนเท่นสฺ เป็นประโยคที่ประกอบด้วยประโยคความเดียวอย่างน้อย 2 ประโยคโดยมีคำเชื่อมระหว่างประโยค เช่น for, and, nor, but, or, yet, so ให้ท่องว่า FANBOYS นักเรียนจะได้จำได้ง่ายขึ้นและนานขึ้นค่ะ และทั้งสองประโยคจะคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) ก็เพื่อให้ทั้งสองประโยคกลายเป็นประโยคเดียวกันสังเกตว่าจบประโยคจะมีเครื่องหมาย full stop (.) เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ตัวอย่างของประโยคความรวม

โครงสร้าง: ประโยคความเดียว+ คำเชื่อม +ประโยคความเดียว

Compound sentence example

ในส่วนของคำเชื่อมที่ใช้ในการเชื่อมประโยคความรวมนั้น ก็มีอยู่หลากหลายคำด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น คำว่า  not only….but also, and, in addition, in the same way จะใช้ในประโยคที่คล้อยไปในทางเดียวกัน คำว่า but, nor, in contrast จะใช้ในการเชื่อมประโยคที่มีความหมายตรงข้ามกันกัน คำว่า because, for, since, as, seeing that, now that  ใช้ในการเชื่อมประโยคเพื่อบอกเหตุผลหรือยกตัวอย่างเพิ่มเติม  นอกจากนี้แล้ว ยังมีคำเชื่อมอื่นๆ อีก เช่น Although, even though, even if, therefore, consequently, thereby, hence, thus และอีกนับไม่ถ้วนจร้า

ประโยค คำเชื่อม คำแปล
The exams are hard, and the students are smart. and ข้อสอบยากและนักเรียนก็เก่งด้วย
People here are lazy, but they are nice. but ถึงเขาจะขี้เกียจแต่เขาเป็นคนดี
He studied hard, so he passed the exam. so เขาขยันเรียนมากดังนั้นจึงสอบผ่าน
Will you go out or will you stay at home? or เธอจะออกไปข้างนอกมั้ยหรือเธอจะอยู่บ้าน
They are well organized,
as well as,
they are well mannered.
as well as= and พวกเขาเป็นระเบียบและกริยาดี
Bella is a good wife, but
she is a bad friend.
but เบลล่าเป็นภรรยาที่ดีแต่เธอเป็นเพื่อนที่แย่
Should Jenny go to school or should she work in the farm? or เจนนี่ควรจะไปเรียนหรือไปทุ่งนาดี
Would you like a tea, or would you prefer a coffee sir? or ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายจะรับชาหรือกาแฟดีครับ/ค่ะ
I love you, yet I dislike your personality. yet ฉันรักเธอนะแต่ฉันไม่ชอบบุคลิกของเธอ

 

ข้อควรรู้: ในกรณีของโครงสร้างคู่ขนานที่เชื่อมด้วย and (และ) หน้าและหลังประโยคจะต้องสอดคล้องกัน
ส่วนโครงสร้างที่ ขัดแย้งมักเชื่อมด้วย but, yet

FANBOYS-Simple and Compound Sentence

 

เทคนิค “FANBOYS”

 

เทคนิคการจำคำเชื่อมตระกูลประโยคความรวมว่า “FANBOYS”  (แฟนบอย) ครูก็ท่องมาตั้งแต่สมัยเรียนว่าอยากมีแฟนเป็นบอย จำได้ไม่ลืมแน่ จำแล้วนำไปใช้ด้วยนะคะ

F = for  แปล เพราะว่า
A = And
แปล และ
N = Nor  
แปล ไม่ทั้งสอง
B = But 
แปล แต่ว่า
O = Or
แปล หรือ
Y = Yet
แปล แต่
S = So
แปล ดังนั้น

 

เทคนิคสร้างประโยค Compound

 

มีดังต่อไปนี้

 

1.ใช้เครื่องหมายวรรคตอน (punctuation)

เครื่องหมายที่ใช้รวมประโยค simple สองประโยคคือ เครื่องหมาย; (semicolon)

 

เช่น       

Jane sits on the window seat.
เจนนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง

 

The flight attendant serves a cup of tea.

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเสิร์ฟชาถ้วยหนึ่ง

 

 จะได้ Compound Sentences โดยการนำสองประโยคนี้มารวมกันดังนี้จร้า


Jane sits on the window seat; the flight attendant serves a cup of tea.
เจนนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่างส่วนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเสิร์ฟชา

 

จะสังเกตว่าการใช้เครื่องหมายวรรคตอน ไม่ได้ทำให้ความหมายของประโยคเพิ่มเติม เครื่องหมาย; (semicolon) บอกเพียงว่า ข้อความสองข้อความนี้มีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าจะทำประโยค Compound มีความหมายเพิ่มขึ้นเราถึงจะใช้กลุ่มคำตระกูล coordinators หรือ conjunction นั่นเองค่า

 

 2.ใช้ coordinators หรือบางครั้งเรียก conjunctions หรือ คำศัพท์ตระกูล conjunctive adverbs ดังตัวอย่างด้านล่าง

 

coordinators หรือ conjunction ที่นำมาวางไว้ระหว่างประโยค simple เพื่อทำให้เป็นประโยค compound ได้คือ and or yet but for so nor

 

เช่น         


Tina likes John, and George likes Gina.
แปล ตีน่าชอบจอนและจอร์จชอบจีน่า

ข้อให้สังเกตว่าต้องใช้เครื่องหมาย , (comma) หน้า conjunction ในประโยค compound
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ for ที่ปรกติจะแปลว่า สำหรับ แต่ for ที่เป็น conjunction นั้นจะแปลว่า “เพราะว่า” เหมือนกันกับ because เลยจร้า

เช่น        

Jonathan becomes a famous YouTuber, for he works really hard on it.
โจนาธานกลายเป็นยูทูปเบอร์ที่โด่งดังมากเพราะว่าเขาขยันทำมันจริงๆ
work hard ไม่ได้แปลว่า ทำงานหนักอย่างเดียวนะคะ ยังแปลว่าขยันอีกด้วย

 หรือเพื่อเชื่อมความขัดแย้งจะใช้ yet แทน but ในบางครั้งที่เราอยากเปลี่ยนคำศัพท์บ้าง เช่น

Tiffani exercises so much, yet she still gets fat.

แปล ทิฟฟานี่ออกกำลังกายเยอะมาก แต่เธอก็ยังอ้วนอยู่
***นักเรียนอาจจะเคยเห็นคำว่า yet ที่แปลว่าหรือยังมาก่อนบ้างแล้ว แต่เมื่อ เจอ yet ใน ประโยคความรวมแบบนี้ ให้แปลเหมือนกันเลยกับคำว่า but (แต่) นะจ้ะ

 

 หากต้องให้เลือก บางสิ่ง บางอย่าง เช่น

You must stop talking to her, or I must break up with you.
แปล คุณต้องเลิกคุยกับหล่อน หรือไม่อย่างงั้นก็เป็นฉันที่ต้องเลิกกับคุณ

 หรือ ไม่เลือกทั้งสอง ได้ด้วยการใช้ “nor”

Jane will not go abroad, nor will she further her studies in Thailand.

เจนจะไม่ไปต่างประเทศและไม่เรียนต่อในไทย

 

3.การใช้เครื่องหมาย ; (semicolon)

ตามโครงสร้าง “ conjunctive adverb” + , (comma)

คำศัพท์ตระกูล conjunctive adverbs ได้แก่  furthermore, however,  indeed, meanwhile, moreover, still, therefore, thus, accordingly, also, besides, nevertheless, otherwise, similarly, consequently, finally

 

ตัวอย่างการใช้ประโยคสอดคล้อง เป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน เช่น       

 Jennifer wanted to continue her master degree; therefore, she applied for it last month.

แปล เจนนิเฟอร์ต้องการเรียนต่อระดับปริญญาโทดังนั้นเธอจึงสมัครไปเมื่อเดือนที่แล้ว
***therefore คำนี้แปลเหมือนกับ so (ดังนั้น) เป็นศัพท์หรูที่เจอบ่อยในงานเขียนเชิงวิชาการนะคะ

 

 

การขยายความด้วยการใช้ “moreover” และ “furthermore” 

Steve Jobs is very smart; moreover, he is very determined.
สตีฟจอบส์เป็นคนที่ฉลาดมาก นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มุ่งมั่น

Stephany is very smart; moreover, she is very hard-working.
สเตฟานี่เป็นผู้หญิงที่ฉลากมาก ยิ่งกว่านี้ หล่อนยังขยันอีกด้วย

 การใช้คำเชื่อมสรุป  “consequently”

Ticha works very hard and smart; consequently, she gets promoted.
ติช่าขยันและทำงานเก่งมาก ดังนั้น เธอจึงได้รับเลื่อนตำแหน่ง

***Consequently แปลว่า ดังนั้น เหมือนกันกับ คำว่า “so” คำนี้ดีมาก ทำให้ภาษาเขียนของเราไม่กร่อยและทำให้เราดู “มีความรู้เรื่องคำศัพท์หรู”

 

 

เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคนสำหรับหัวข้อ “การเขียนประโยคความรวมอย่างง่าย”  โดยเราสามารถเลือกใช้คำศัพท์ให้เหมาะสมกับบริบทได้ด้วยการท่องศัพท์ให้มากที่สุด เขียนให้บ่อยที่สุด ยังไงก็ตามขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษให้มากๆนะคะ และครูขอให้บทความนี้เป็นประโยชน์กับทุกคนมากๆ อย่าลืมดูวีดีโอด้านล่างเพื่อไปทบทวนบทเรียนให้เข้าใจและเห็นภาพยิ่งขึ้นนะคะ แล้วเจอกันครั้งหน้ากับบทเรียนครั้งต่อไป  เลิฟๆ

กดปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจร้า

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การเปลี่ยนแปลงคำ เรียนรู้วิวัฒนาการทางภาษาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

ภาษาเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้สื่อสารกัน แต่ในเมื่อสังคมมนุษย์ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ และมีความเจริญทางวิทยาการใหม่ ๆ เข้ามาอยู่เสมอ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภาษามากมาย การเปลี่ยนแปลงคำ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของมนุษย์ จากครั้งที่แล้วที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของประโยคกันไป บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ เจาะลึกอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงคำว่ามีอะไรกันบ้าง และมีคำใดที่เคยใช้ในสมัยโบราณแต่ปัจจุบันเลิกใช้ไปแล้ว ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   การเปลี่ยนแปลงคำ   เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาษาพูดและเขียนเมื่อถูกใช้ต่อกันมาเรื่อย ๆ ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงคำต่าง ๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้     1.

ารบวก-ลบ-คูณ-หารจำนวนเต็ม

การบวก ลบ คูณ หารจำนวนเต็ม

บทความนี้จะทำให้น้องๆ มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง การบวก ลบ คูณ หารจำนวนเต็ม มากยิ่งขึ้น ซึ่งได้รวบรวมตัวอย่างไว้อย่างหลากหลายและอธิบายไว้อย่างละเอียด โดยก่อนที่น้องๆจะเรียนเรื่องนี้จะต้องเรียนรู้เรื่อง จำนวนตรงข้าม และ ค่าสัมบูรณ์ เพื่อใช้ในการบวก ลบ จำนวนเต็ม ซึ่งมีวิธีการดังตัวอย่างต่อไปนี้ การบวกจำนวนเต็ม การบวกจำนวนเต็มบวก โดยใช้ค่าสัมบูรณ์ ให้น้องๆทบทวนการหาค่าสัมบูรณ์ ดังนี้ |-12|=   12 |4|=   4

หลักการของอัตราส่วนที่เท่ากัน

หลักการของอัตราส่วนที่เท่ากัน

ในบทความนี้เราจะได้เรียนรู้วิธีการในการหาค่าตัวแปรในการใช้สัดส่วน สามารถมารถนำไปประยุกต์ใช้กับการแก้โจทย์ปัญหาในชีวิตจริงได้ พิจารณาสิ่งที่ต้องการแสดงการเปรียบเทียบโดยการเขียนเป็นอัตราส่วนสองอัตราส่วนอย่างเป็นลำดับและหาค่าของตัวแปรได้

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions

การใช้ Yes/No Questions  และ Wh-Questions

  สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุยตัวอย่างและวิธีการแต่งประโยคคำถาม 2กลุ่ม ได้แก่ “การใช้  Yes/No Questions  และ Wh-Questions” หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า   Yes/No Questions คืออะไร?   Yes/ No Questions ก็คือ กลุ่มคำถามที่ต้องการคำตอบแน่ชัดว่า Yes ใช่  หรือ

การใช้ Quantity words

การใช้ Quantity words

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.1 ทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้ “การใช้ Quantity words ” ในภาษาอังกฤษกันค่ะ Let’s go! ไปลุยกันโลด Quantity words คืออะไร “Quantity words” คือคำบอกปริมาณนั่นเอง เช่น much, many, few, a few, lots

สมบัติการคูณจำนวนจริง

สมบัติการคูณจำนวนจริง

จากบทความก่อนหน้านี้น้องๆได้เรียนเรื่องสมบัติการบวกจำนวนจริงไปแล้ว บทความนี้พี่ก็จะพูดถึงสมบัติการคูณจำนวนจริงซึ่งมีเนื้อหาคล้ายๆกันกับการบวก และมีเพิ่มสมบัติการแจกแจงเข้ามา เนื้อหาเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะใช้ในการเรียนเนื้อหาบทต่อๆไป เมื่อน้องๆอ่านบทความนี้แล้วน้องๆจะเรียนเนื้อหาบทต่อๆไปได้ง่ายขึ้นแน่นอนค่ะ

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1