การใช้ Yes/No Questions  และ Wh-Questions

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

 

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุยตัวอย่างและวิธีการแต่งประโยคคำถาม 2กลุ่ม ได้แก่
“การใช้  Yes/No Questions  และ Wh-Questions”
หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า

 

Yes/No Questions คืออะไร?

 

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (2)

Yes/ No Questions ก็คือ กลุ่มคำถามที่ต้องการคำตอบแน่ชัดว่า Yes ใช่  หรือ No ไม่ใช่ นั่นเองค่า โดยในบทเรียนนี้เราจะยกตัวอย่าง รูปแบบโครงสร้างคำถามที่ข้นต้นด้วย Verb to be และ Verb to do กันจร้า

Yes/No Questions ขึ้นต้นด้วย “Verb to be”

 

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (3)

 

กริยาช่วยกลุ่มนี้ที่สามารถขึ้นต้นประโยคคำถามได้ ได้แก่ is, am, are, was, were

โครงสร้างประโยคคำถามที่เราต้องรู้ คือ

Verb to be + Subject + Object/ Complement….?

ตัวอย่างประโยค

ประโยคบอกเล่า: Emily is going to the zoo. แปล เอมมิลี่กำลังจะไปสวนสัตว์
ประโยคคำถาม: Is Emily going to the zoo?
แปลว่า เอมมิลี่จะไปสวนสัตว์มั้ย
อธิบายเพิ่มเติม: เอมมิลี่เป็นประธาน, is เป็น V. to be, going มาจาก go + .ing แปลว่า กำลังไป

 ทบทวน:  Helping verb หรือ Auxiliary verb กริยาช่วย หรือ ภาษาทางการเรียกว่า กริยานุเคราะห์  คือกริยาที่วางอยู่หน้ากริยาหลัก (Main verb) ในประโยค  ทำหน้าที่ช่วยกริยาอื่นให้มีความหมายตาม Tenses กาลเวลา (Present, Past, Future) เพื่อให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์ขึ้น

 

 Verb to Do ขึ้นต้น Yes/No Questions

 

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (4)

 

หน้าที่เป็นกริยาช่วย (Auxiliary Verb) โดยจะใช้ร่วมกับกริยาหลัก (Main Verb) เพื่อสร้างประโยคคำถาม
ประโยคปฏิเสธ หรือเพื่อเน้นย้ำความสำคัญ

 

โครงสร้างประโยคคำถาม:
Do/Does/Did + Subject + V .infinitive + Object/Complement?

 

  •  Simple Present Tense ใช้ Do / Does

Do you like going to the zoo?
= คุณชอบไปสวนสัตว์มั้ย

Does the tiger eat meat?
= เสือกินเนื้อเป็นอาหารมั้ย

 

  • Past Tense ใช้ Did กับเหตุการณ์ที่เป็นอดีต

Did you feed monkeys at the zoo?
แปล คุณได้ให้อาหารลิงที่สวนสัตว์มั้ย

 

อะไรคือ Wh-Questions กันนะ

 

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (5)

 

 เมื่อต้องถามคำถามอะไรก็ตามที่ไม่ต้องการคำตอบ Yes หรือ No แบบทื่อๆ เราจะเรียกคำถามประเภทนี้ว่า Question  word หรืออีกชื่อในวงการคือ Wh-Question ซึ่งได้แก่คำถามที่มักจะขึ้นต้นด้วย
Wh เช่น What, When, Where , Why, Whose, Which, Whom, Who แต่ว่าจะยกเว้นคำถามที่ขึ้นต้นด้วยพวก How , How much , How many , How long  แต่ก็เป็นคำถามประเภท Question words หรือ Wh-Questions เหมือนกันนะคะแม้คำขึ้นต้นไม่เหมือนกันก็ตาม พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

ประเภทของ Wh-Questions ที่ต้องการคำตอบ

 

 

 When = เมื่อไร

เมื่อใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเกี่ยวกับเวลา เช่น

  • When is your birthday? = วันเกิดของคุณคือเมื่อไร?
  • When was your first love? = คุณมีความรักครั้งแรกเมื่อไหร่

 

What = อะไร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ ชื่อ วันที่ เวลา สิ่งที่รักที่ชอบ ดังนี้ค่า

  • What is your name? = เธอชื่ออะไร?
  • What is your favourite colour? = เธอชอบสีอะไร

 

 Where = ที่ไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น

  • Where are you from? Or We do you come from? = คุณมาจากไหน
    ·         Where should we go? = เราควรจะไปไหนกันดี

 

Why = ทำไม

ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น

  • Why did you come to school late? = ทำไมคุณถึงมาโรงเรียนสาย
  • Why did you leave him? = ทำไมเธอถึงทิ้งเขาล่ะ

 

Who = ใคร

ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล (ส่วนมากจะตอบเป็นชื่อบุคคล) เช่น

  • Who are you? (คุณคือใคร?)
  • Who is that? (นั่นใคร?)
  • Who do you live with? (คุณอาศัยอยู่กับใคร?)

 

Whose = ของใคร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับการแสดงความเป็นเจ้าของ  เช่น

  • Whose books are these? = นี่คือสมุดของใครนะ
  • Whose pen is this? = นี่คือปากกาของใครกัน

 

Whom = ใคร (ใช้เป็นกรรม)

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล  เช่น

  • Whom are we waiting for? = พวกเรากำลังรอใครอยู่กันนะ?
  • Whom are you going to travel with? = เธอกำลังจะไปเที่ยวกับใครนะ

 

Which = อันไหน/สิ่งไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเพื่อให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ทำว่าสิ่งไหน อันไหน ดังประโยคด้านล่างนะคะ

  • Which is better? แปล อันไหนดีกว่ากัน

 

How = อย่างไร/เท่าไร

ตัวอย่างเช่น

  • How do you go to school? แปลว่า เธอไปโรงเรียนยังไง
  • How do you do? เป็นคำถามทักทายแปลว่า คุณเป็นอย่างไรบ้าง เวลาตอบก็ตอบ How do you do?

 

 

 ตารางสรุปประเภทของ Wh-Questions

 

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (6)

 

 Wh-Questions กริยา   ประธาน ส่วนที่เหลือในประโยค
When (เมื่อไร)
Why (ทำไม)
Who (ใคร)
What (noun) ( อะไร )
Where (ที่ไหน)
was
were
Subject + …………… ?
did Subject Verb 1 + …… ?
How ( อย่างไร เท่าไร)
How many + N. (พหูพจน์) = มากเท่าไร
How much + N. (นับไม่ได้) = มากเท่าไร
How long ( ยาวนานเท่าไร)

 

 

การใช้ Question word ในการถามและตอบคำถามเมื่อกริยาในประโยคเป็น be ( verb to be ) ทำได้ตามโครงสร้างดังนี้ค่ะ

 

” Wh+ was+ subject (singular)+ ……………. ?
” Wh+ were+ subject (plural)+ ……………. ?”

 

ตัวอย่าง (Examples) ดังในตาราง

ประโยคคำถาม

Liza:
Where

was he
she
it
I
yesterday?
were you
we
they
ประโยคคำตอบ

Jenny:
He
She
It
I

was at the concert yesterday.
You
We
They
were

 

ถามมา-ตอบไป

กับโครงสร้าง: Where + was, were + ช่วงเวลาในอดีต

 

ประโยคคำถาม ประโยคคำตอบ
Where was she three years ago? She was in the USA.
What was your elementary school? My elementary school was NokAcademy school.
When was he a student at NokAcademy? He was a student at NokAcademy school two
years ago.
Why was he a student at NokAcademy school ? He was a student at NokAcademy school because
his parents worked there.
How long were they studying at NokAcademy School? They were studying at NokAcademy school for 5 years.

 

เมื่อกริยาในประโยคเป็นกริยาแท้
ตามโครงสร้าง Wh-question + did+ subject+ verb 1+ …?

 

ประโยคคำถาม

Pinky:

Where

did I
you
we
they
he
she
it
go last week?
ประโยคคำตอบ

Danny:
I
We
You
They
He
She
It

went to Japan last week.

 

การใช้ Question Words ในการถามและตอบคำถาม

 

NokAcademy_ม3 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (7)

 

หลัง Wh-Questions (What, Where, When, Why…. ) ทั้งหลายจะตามด้วย กริยาช่วย was /were แล้วตามด้วย ประธาน (Subject)นะจ้ะ
และอาจจะมีส่วนขยายหรือไม่มีก็ได้เช่นกัน หลังกลุ่มคำพวกนี้ จะตามด้วยกริยาช่วย did แล้วตามด้วย ประธาน ( Subject ) เท่านั้นเด้อจร้า นอกจากนี้การใช้ Wh- question ซึ่งเป็นประธานให้สังเกตว่า ใคร กับ อะไร จะอยู่หน้าประโยคเมื่อแปลเป็นไทย

Lucy: Where did she go last night ?

เมื่อคืนเธอไปไหนมา

Anna: She went to the birthday party last night. หล่อนไปงานเลี้ยงวันเกิดมา

………………………………………………………………………

Jack: When did you go to the New year’s party ? เธอไปงานเลี้ยงปีใหม่ตอนไหน

Tina: I went to the New year’s party last night. ฉันไปเมื่อคืนนี้เอง

………………………………………………………………………

Nim: Who did you meet at the school yesterday? เมื่อวานคุณไปเจอใครมาที่โรงรียน
Namtan: I met the school director. ฉันเจอผอ.มา

………………………………………………………………………

Tida: What did you eat this morning?
คุณกินอะไรเมื่อเช้านี้
Wisa: I ate porridge.
ฉันกินข้าวต้มมา

………………………………………………………………………

Wai: How did they dance last night? พวกเขา เต้นรำ อย่างไร เมื่อคืน ที่แล้ว
Needa: They danced beautifully. พวกเขา เต้นรำอย่างสวยงาม
………………………………………………………………………

Mirinda: Why did two dogs die last year? ทำไมสุนัข 2 ตัว ตาย เมื่อปี ที่แล้ว
Tiffani: They had nothing to eat.  พวกมันไม่มีอะไรกิน
………………………………………………………………………

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะขอให้สนุกกับการอ่านบทเรียนนี้กันนะคะ นักเรียนที่รักทุกคน อย่าลืมทบทวนบทเรียนเมื่อตอนม.1 เรื่อง การใช้ประโยค Yes/No Question ที่วีดีโอด้านล่างเพิ่มเติมกันนะคะ เพื่อจะได้เข้าใจและเก่งภาษาปังๆกันมากขึ้นนะคะ  เลิฟๆ

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

NokAcademy_ม5 Relative Clause

การเรียนเรื่อง Relative Clause

สวัสดีค่ะนักเรียนม. 5 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปดู Relative clause หรือ อนุประโยคในภาษาอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เหมือนกันกับคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งมีหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า  และจะใช้ตามหลัง Relative Pronoun เช่น  who, whom, which, that, และ whose แต่สงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้องเรียนเรื่องนี้ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างแล้วจะร้องอ๋อมากขึ้น พร้อมข้อสอบ Error

การนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยเเผนภูมิวงกลม

การนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยเเผนภูมิวงกลม การนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยเเผนภูมิวงกลม เป็นการนำเสนอข้อมูลโดยการเเบ่งพื้นที่ของวงกลมออกเป็นส่วน ๆ เเละมีขนาดของสัดส่วนตามข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ การนำเสนอด้วยเเผนภูมิวงกลมเป็นการนำเสนอข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างน่าสนใจ สามารถวิเคราะห์เเละเเปรข้อมูลได้ง่ายขึ้น การสร้างแผนภูมิรูปวงกลมเพื่อนำเสนอข้อมูล การสร้างแผนภูมิวงกลม ทำได้โดยการเเบ่งมุมรอบจุดศูนย์กลางของวงกลมที่มีขนาด 360 องศา ออกเป็นส่วน ๆ ที่เรียกว่า มุมที่จุดศูนย์กลางของวงกลม ตามขนาดที่ได้จากการเทียบส่วนกับปริมาณทั้งหมดในข้อมูล มุมที่จุดศูนย์กลาง = (จำนวนที่สนใจ/จำนวนทั้งหมด) x 360 องศา ตัวอย่างการสร้างแผนภูมิวงกลม จากข้อมูลการสำรวจที่ได้เก็บรวมรวบข้อมูลจากนักเรียนทั้งหมด 200

จำนวนสมาชิกของเซตจำกัด

จำนวนสมาชิกของเซตจำกัด เป็นเรื่องที่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง และสิ่งที่น้องๆจะได้หลังจากอ่านบทความนี้คือ น้องๆจะสามารถทำโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกของเซตจำกัดได้ และอาจจะเอาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย

สัดส่วน

บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง สัดส่วน รวมทั้งโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสัดส่วน ซึ่งได้รวบรวมเนื้อหาและเขียนอธิบายไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีคลิปวิดีโอการสอน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับน้องๆ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก่อนจะเรียนรู้เรื่องสัดส่วนนั้น น้องๆจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง อัตราส่วนของจำนวนหลายๆจำนวน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒ อัตราส่วนของจำนวนหลายๆจำนวน ⇐⇐ สัดส่วน สัดส่วน คือ ประโยคที่แสดงการเท่ากันของอัตราส่วนสองอัตราส่วน อัตราส่วนทั้งสองมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันหรือในทิศทางตรงกันข้ามก็ได้ ชนิดของสัดส่วน สัดส่วนมี 2 ชนิด คือ สัดส่วนตรง และ สัดส่วนผกผัน  

ศึกษาที่มาของ ขัตติยพันธกรณี บทประพันธ์ที่มาจากเรื่องจริงในอดีต

ขัตติยพันธกรณี เป็นพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5 มีที่มาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ น้อง ๆ สงสัยกันไหมคะว่าเกี่ยวกับเรื่องไหน เหตุใดพระองค์จึงต้องพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่องนี้ขึ้นมา เราไปหาคำตอบถึงที่มา ความสำคัญ และเนื้อเรื่องกันเลยค่ะ รับรองว่านอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับบทประพันธ์แล้ว บทเรียนในวันนี้ยังมีเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ให้น้อง ๆ อีกด้วยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ที่มาของ ขัตติยพันธกรณี     ขัตติยพันธกรณีมีความหมายถึงเหตุอันเป็นข้อผูกพันของกษัตริย์ เป็นพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและตอบกลับโดยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีที่มาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ ช่วง

รอบรู้เรื่องคำไทย คำศัพท์คำไหนภาษาไทยยืมมาจากต่างประเทศ

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ที่น่ารักทุกคน กลับมาพบกับบทเรียนภาษาไทยสนุก ๆ พร้อมสาระความรู้ดี ๆ ซึ่งวันก็เช่นเคยเราจะมาเข้าสู่เนื้อหาการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะภาษาไทยที่เราใช้กันในปัจจุบันก็มีที่มาจากการยืมคำจากภาษาต่างประเทศมา และไม่ได้มีการยืมแค่ในภาษาบาลีหรือสันสกฤษเท่านั้น แต่ยัลมีภาษาอื่น ๆ อีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ทุกคนมาทำความรู้จักกับคำจากภาษาต่างประเทศที่เราใช่ในภาษาไทยกันให้ลึกขึ้นอีกระดับหนึ่ง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเริ่มเรียนกันได้เลย     สาเหตุการยืมของภาษาไทย มาเริ่มกันที่จุดเริ่มต้น หรือสาเหตุที่ทำไมคนไทยจึงต้องหยิบยืมคำจากภาษาต่างประเทศมาใช้

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1