การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ร่วมกับ Wh-questions ที่ใช้ใน Past Simple Tense + Future Simple Tense

Picture of Krumaiyha
Krumaiyha

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุยการใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ร่วมกับ
Wh-questions ที่ใช้ใน Past Simple tense + Future Simple tense  หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า

 

Wh-Questions คืออะไร

 

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (2)

 

 เมื่อต้องถามคำถามอะไรก็ตามที่ไม่ต้องการคำตอบ Yes หรือ No แบบตรงประเด็น เราจะเรียกคำถามประเภทนี้ว่า Question  word หรืออีกชื่อในวงการคือ Wh-Questions ซึ่งได้แก่คำถามที่มักจะขึ้นต้นด้วย Wh- เช่น What, When, Where , Why, Whose, Which, Whom, Who

เป็นกลุ่มคำถามที่ต้องการ คำตอบ เจาะจงอธิบาย ขยายความ 

 

ประเภทของ Wh-Questions 

 

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (10)

 

ครูขอยกตัวอย่าง การใช้ Wh-Questions กับคำถามใน Present Simple Tense และ Future Simple เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพและความแตกต่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อจะต้องนำไปใช้ในสถานการณ์
เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการเดินทาง กันนะคะ

 

When = เมื่อไร

เมื่อใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเกี่ยวกับเวลา เช่น

  • When was your first time travelling outside of the country?
    = คุณไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกตอนไหน
  • When will you travel again?
    = คุณจะไปเที่ยวอีกครั้งเมื่อไหร่

 

What = อะไร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ ชื่อ วันที่ เวลา สิ่งที่รักที่ชอบ ใช้ถามได้ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตจร้า
มีตัวอย่างดังนี้ค่า

  • What was your favourite travel destination in the past?
    = สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณชอบไปคือที่ไหน (ถามในอดีต)
  • What season will you like to travel to the most?
    = คุณชอบไปเที่ยวในฤดูไหนมากที่สุด

 

 

 Where = ที่ไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น

  • Where did you go on vacation last year?
    คุณไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่ไหนเมื่อปีที่แล้ว (ถามในอดีต)
  • Where will you go on travelling next year?
    ปีหน้าจะไปเที่ยวที่ไหน

 

Why = ทำไม

ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น

  • Why did you travel to Japan?
    = ทำไมคุณถึงเที่ยวที่ญี่ปุ่น (ถามในอดีต)
  • Why will he visit England soon?
    = ทำไมเขา (ผู้ชาย)จะไปประเทศอังกฤษในเร็วๆนี้

 

Who = ใคร

ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล (ส่วนมากจะตอบเป็นชื่อบุคคล) เช่น

  • Who did you choose to travel with? คุณเลือกไปเที่ยวกับใคร (ถามในอดีต)
  • Who will you go on vacation with tomorrow? คุณจะไปเที่ยวพักผ่อนกับใครวันพรุ่งนี้

 

Whose = ของใคร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับการแสดงความเป็นเจ้าของ  เช่น

  • Whose campervan that you wanted to get the service? รถตู้สำหรับเที่ยวของใครที่คุณอยากใช้บริการ
  • Whose car will you get into while travelling? คุณจะขึ้นรถใครเมื่อไปเที่ยว

 

Whom = ใคร (ใช้เป็นกรรม)

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล  เช่น

  • Whom were you travelling with when you were younger?= ใครได้เที่ยวกับคุณเมื่อคุณยังเด็ก
    (เป็นการถามในอดีต อธิบายเพิ่มเติมได้อีกว่า ใครกันนะที่ได้ไปเที่ยวกับคุณเมื่อก่อนนี้)
  • Whom will Lisa travel with? = ใครกันนะจะได้ไปเที่ยวกับลิซ่า (ใครจะเป็นผู้โชคดีคนนั้นกันน๊า)

 

Which = อันไหน/สิ่งไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเพื่อให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ทำว่าสิ่งไหน อันไหน ดังประโยคด้านล่างนะคะ

  • Which summer that you enjoyed the most last year? แปล ซัมเมอร์ไหนที่คุณรู้สึกมีความสุขที่สุดเมื่อปีที่แล้ว
  • Which vehicle will you choose for a transportation? แปล คุณจะเลือกยานพาหนะชนิดไหนสำหรับการเดินทาง

 

How = อย่างไร/เท่าไร

ตัวอย่างเช่น

  • How long did you drive to Florida?  แปลว่า คุณขับรถไปฟลอริดาใช้เวลานานแค่ไหน
  • How will you fly to the USA? แปลว่า คุณจะบินไปอเมริกายังไง

*****เพิ่มเติม: How ไม่ใช่ Wh-questions แต่ว่า มักเจอบ่อยในบทสนทนา 

 

สรุปประเภทของ Wh-Questions

 

 

การใช้ Question word ในการถามและตอบคำถามเมื่อกริยาในประโยคเป็น be ( verb to be ) ทำได้ตามโครงสร้างดังนี้ค่ะ

 

” Wh+ was+ subject (singular)+ ……………. ?
” Wh+ were+ subject (plural)+ ……………. ?”

 

ตัวอย่าง (Examples) ดังในตาราง

 

ประโยคคำถาม

Liza:
Where

was he
she
it
I
yesterday?
were you
we
they
ประโยคคำตอบ

Jenny:
He
She
It
I

was at the concert yesterday.
You
We
They
were

 

 

 

 

ถามมา-ตอบไป

กับโครงสร้าง: Where + was, were + ช่วงเวลาในอดีต

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (5)

ประโยคคำถาม ประโยคคำตอบ
Where was she three years ago? She was in the USA.
What was your elementary school? My elementary school was NokAcademy school.
When was he a student at NokAcademy? He was a student at NokAcademy school two
years ago.
Why was he a student at NokAcademy school ? He was a student at NokAcademy school because
his parents worked there.
How long were they studying at NokAcademy School? They were studying at NokAcademy school for 5 years.

Will ในประโยคคำถาม

 

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (6)


ตามโครงสร้าง:

Wh-questions + will + subject+ verb 1+ …?

 

ประโยคคำถาม

Pinky:

Where

will I
you
we
they
he
she
it
go ?
ประโยคคำตอบ

Danny:
I
We
You
They
He
She
It

will  go to Japan last week.

 

Past Simple Tense

 

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (8)

 

 โครงสร้างประโยคคำถาม: Did + Subject + Verb infinitive+…?

เช่น

Where did you go last week?
ไปไหนมาสัปดาห์ที่แล้ว

โครงสร้างประโยคบอกเล่า: Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม -ed

สรุปการใช้:
ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับ เช่น last year ปีที่แล้ว, yesterday เมื่อวานนี้, in 1995 ในปี ค.ศ. 1995, in the past ในอดีต

 

Situation: Rosie got diarrhea yesterday at the hospital.

Dan: Where did you go yesterday Rosie? (โรซี่เมื่อวานไปไหนมาเหรอ)

Rosie: I went to the hospital. (ฉันไปโรงพยาบาลมาน่ะ)

Dan: What happened? (เป็นอะไรหรือเปล่า)

Rosie: I got diarrhea. (ฉันท้องเสีย)

***จะสังเกตได้ว่า ในกลุ่มคำแสดงเวลา เช่น  yesterday (เมื่อวานนี้) คือคำบอกเวลาในอดีต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว

 

การใช้ Question Words ในการถามและตอบคำถาม ในบทสนทนาของลูซี่และแอนนา

 

Lucy: Where did she go last night?

เมื่อคืนหล่อน(อีกคนหนึ่ง)ไปไหนมา

Anna: She went to the birthday party last night.
หล่อนไปงานเลี้ยงวันเกิดมา

 

 

Future Simple Tense

 

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (9)

 

Future Simple Tense คือ ประโยคอนาคตกาล เอาไว้พูดถึงเรื่องราวในอนาคต เช่น สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่จะทำ เป็นต้น

  • โครงสร้างประโยคคำถาม: Will Subject+ Verb infinitive…?

ในการทำประโยคคำถาม พวกเราจะต้องสลับตำแหน่งของประธานกับกริยาช่วย will เช่น

Will you come to school next week?
แปล คุณจะมาโรงเรียนมั้ยอาทิตย์หน้า

  • โครงสร้างประโยคบอกเล่า: Subject + will + V. infinitive +…

I will take you to the street market.
แปล ฉันจะพาคุณไปตลาดถนนคนเดิน


Jacky and his son will pick you up soon.
แปล แจ็กกี้กับลูกชายของเขาจะมารับคุณในเร็วๆนี้

***จากตัวอย่างข้างต้น พวกเราจะสังเกตเห็นว่า Verb หรือ กริยาใน Future Simple จะมีคำว่า will และ verb infinitive ตามหลัง

 

  •  โครงสร้างประโยคปฏิเสธ:  Subject + will + not +… เราสามารถเติมคำว่า not หลัง will ได้เลย
    ตัวอย่างประโยค:

The Covid-19 will not be gone.
แปล เชื้อโควิด 19 จะไม่ไปไหน

 

 

คำบอกเวลาใน Future Simple Tense:

Soon เร็วๆนี้ , tomorrow พรุ่งนี้ , next week สัปดาห์หน้า, next month เดือนหน้า,
next year ปีหน้า, in 2029 ในปี ค.ศ. 2029, next life ชาติหน้า

 

สรุปหลักการใช้ Wh-Questions ทั้งในอดีตและอนาคต

 

NokAcademy_ม2การใช้สำนวนภาษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวWh+Present+Future (3)

  • Past Simple Tense จะใช้ถาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีตมักมีคำบอกเวลาว่า ago, yesterday, last week, etc. (ในประโยคตัวอย่างจะมีโครงสร้างของ Past Continuous Tense ที่เน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์ในอดีตที่เราจะพูดถึงในบทเรียนต่อไปนะคะ)
  • Future Simple Tense จะใช้เพื่อถาม ถึงสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อการคาดเดา หรือ การให้คำมั่นสัญญา และการให้ข้อเสนอแนะต่างๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะขอให้สนุกกับการอ่านบทเรียนนี้กันนะคะ นักเรียนที่รักทุกคนอย่าลืมทบทวนบทเรียนเรื่อง Past Simple Tense กับ Time Expression ได้ที่วีดีโอด้านล่างเพิ่มเติม เพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้นนะคะ  เลิฟๆ

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ระยะห่างของเส้นตรง

ระยะห่างของเส้นตรง

ระยะห่างของเส้นตรง ระยะห่างของเส้นตรง มีทั้งระยะห่างระหว่างจุดกับเส้นตรง และระหว่างเส้นตรงสองเส้นที่ขนานกัน ซึ่งจากบทความเรื่องเส้นตรง น้องๆพอจะทราบแล้วว่าเส้นตรงสองเส้นที่ขนานกันความชันจะเท่ากัน ในบทความนี้น้องๆจะทราบวิธีการหาระยะห่างของเส้นตรงที่ขนานกันด้วยซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ในการหาสมการเส้นตรงได้ด้วย ระยะห่างระหว่างเส้นตรงกับจุด จากรูปจะได้ว่า  โดยที่ A, B และ C เป็นค่าคงที่ และ A, B ไม่เป็นศูนย์พร้อมกัน ตัวอย่าง1  หาระยะห่างระหว่างจุด (1, 5) และเส้นตรง 2x

ความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ เกิดจากสิ่งสองสิ่งมาเกี่ยวข้องกันภายใต้กฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น ความสัมพันธ์ของ a กับ b ซึ่ง a มากกว่า b เป็นต้น ก่อนที่เราจะเริ่มเนื้อหาของความสำคัญพี่อยากให้น้องๆรู้จักกับคู่อันดับ และผลคูณคาร์ทีเซียนก่อนนะคะ คู่อันดับ ในการเขียนคู่อันดับเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว เพราะถ้าน้องๆเขียนคู่อันดับผิดตำแหน่งนั่นหมายความว่า ความหมายของมันจะเปลี่ยนไปทันที เช่น คู่อันดับ (x, y) โดย x

โวหารภาพพจน์ กลวิธีการสร้างจินตภาพที่ลึกซึ้งและสวยงาม

การสร้างจินตภาพอย่างการใช้ โวหารภาพพจน์ เป็นกลวิธีในการใช้ภาษาอีกอย่างหนึ่ง เลือกใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ หรืออาจเรียกว่าเป็นการแทนภาพนั่นเอง น้อง ๆ คงจะพบเรื่องของโวหารภาพพจน์ได้บ่อย ๆ เวลาเรียนเรื่องวรรณคดี บทเรียนในวันนี้เลยจะพาไปทำความรู้จักกับภาพพจน์ต่าง ๆ ให้มากขึ้นว่ามีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ความหมายของภาพพจน์     ภาพพจน์ คือถ้อยคำที่เป็นสำนวนโวหารทำให้นึกเห็นภาพ ถ้อยคำที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิงเป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด เป็นกลวิธีทางภาษาที่มุ่งให้เกิดความรู้ความเข้าใจจินตนาการ เน้นให้เกิดอรรถรสและสุนทรีย์ในการสื่อสารที่ลึกซึ้งกว่าการบอกเล่าแบบตรงไปตรงมา  

โดเมนของความสัมพันธ์

โดเมนของความสัมพันธ์ โดเมนของความสัมพันธ์ r คือ สมาชิกตัวหน้าของคู่อันดับในความสัมพันธ์ r เขียนแทนด้วย กรณีที่ r เขียนแบบแจกแจงสมาชิก เราสามารถหาโดเมนได้เลยโดย คือสมาชิกตัวหน้า เช่น = {(2, 2), (3, 4), (8, 9)} จะได้ว่า  = {2, 3, 8}

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง คือ การนำเสนอข้อมูลที่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้โดยใช้รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งเเต่ละรูปมีความกว้างเท่ากัน เเละใช้ความสูงหรือความยาวเเสดงปริมาณของข้อมูล เเต่จุดเริ่มต้นจะต้องเริ่มในระดับเดียวกันเสมอ อาจอยู่ในเเนวตั้งหรือเเนวนอนก็ได้ การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบ คือ การนำเสนอข้อมูลโดยเปรียบเทียบข้อมูลตั้งเเต่ 2 ชุดขึ้นไปในแผนภูมิเดียวกัน โดยมีเเท่งสี่เหลี่ยมที่เเสดงข้อมูลชนิดเดียวกันอยู่ด้วยกันเป็นชุดๆ เเละมีสีหรือเเรเงาในเเท่งสี่เหลี่ยมต่างกัน เเละระบุไว้บนเเผนภูมิด้วยว่าสีหรือเเรเงานั้น ๆ เป็นข้อมูลของอะไร ตัวอย่างของแผนภูมิเเท่งเปรียบเทียบ ส่วนประกอบของเเผนภูมิแท่ง: 1. ชื่อแผนภูมิ 2. จำนวน 3.

Like & Dislike ในการพูดถึงความชอบ และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง

สวัสดีน้องๆ ป. 5 ทุกคนนะครับผม วันนี้เราจะมาลองฝึกใช้ประโยคที่เอาไว้บอกความชอบของเรากัน พร้อมกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองเบื้องต้นครับ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1