สวัสดีค่ะนักเรียนม. 5 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปดู Relative clause หรือ อนุประโยคในภาษาอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เหมือนกันกับคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งมีหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า และจะใช้ตามหลัง Relative Pronoun เช่น who, whom, which, that, และ whose แต่สงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้องเรียนเรื่องนี้ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างแล้วจะร้องอ๋อมากขึ้น พร้อมข้อสอบ Error ด้านล่างไว้ฝึกกันนะคะ
Relative Clause คืออะไร
ตัวอย่างประโยค
A girl is talking to Daniel. Do you know the girl?
ผู้หญิงกำลังคุยกับแดเนียล คุณรู้จักผู้หญิงมั้ย หากถามแบบนี้จะดูยาวและทะแม่งๆ ไม่คุ้นหูฝรั่งสักเท่าไหร่ โดยปกติเวลาเราจะเปลี่ยนประโยค 2 ประโยคให้เป็น Relative Clause โดยการดึงเอาส่วนที่เป็นประโยคหลักมาก่อนในที่นี้ก็คือ เราอยากรู้ว่าผู้ชายคือใคร คุณแดเนียลนั่นน่ะ
ขั้นตอนที่1 คือ แยกประโยคหลัก Do you know the girl?
จากประโยคข้างต้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าผู้หญิงที่พูดถึงเป็นใคร ดังนั้นเราจึงต้องใส่ข้อมูลเพิ่มเติมA girl is talking to Daniel. ใช้ A girl is talking to Daniel.
เฉพาะในส่วนประโยคแรก และในส่วนที่สองเราแทนที่ด้วย relative pronoun
(ใช้ who ในกรณีอ้างถึงบุคคล) ดังนั้นประโยคจะเปลี่ยนเป็น
” Do you know the girl who is talking to Daniel? “
คุณรู้จักผู้หญิงที่กำลังคุยกับแดเนียลมั้ย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ
พอจะเห็นภาพของการใช้งาน Relative Clause แล้วใช่มั้ยคะ?
อย่าพึ่งท้อนะคะ ไปลุยกันต่อกับประเภทของ Relative Clause
เห็นข้อดีของการใช้ Relative pronoun หรือยังล่ะทีนี้ วันนี้ยังเหลืออีกเพียบไปดูกันเลยค่ะ
ประเภทของ Relative Clause
Relative Clause สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ Defining Relative Clause และ Non-defining Relative Clause
ขอเกริ่นก่อนว่าเราจะใช้ defining relative clause เพื่อบอกถึงสิ่งที่เรากำลังพูดถึง (หากขาดไปก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพูดถึงอะไร)
เช่น I like the handsome man who sits next to me.
(ถ้าเราไม่บอกว่า “who sits next to me” ก็จะไม่ทราบเลยว่าหมายถึงผู้ชายคนไหน)
เราใช้ non-defining relative clause บอกถึงข้อมูลเพิ่มเติมของสิ่งที่เรากำลังพูดถึง (เราไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลนี้เพื่อที่จะเข้าใจว่าพูดถึงอะไร) เช่น
I live in Thailand, which has beautiful tourist attractions.
(ประเทศไทยมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสนใจดังนั้น “which has beautiful tourist attractions.”
ถือเป็นข้อมูลเพิ่มเติม จะมีหรือไม่มีก็ได้)
สรุปการใช้ Defining Relative Clauses
1. ทำหน้าที่คล้ายคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อไปขยายนามที่อยู่ข้างหน้า ให้ได้ใจความสมบูรณ์และชัดเจนว่า หมายถึง
ใคร สิ่งไหน หรือ ของใคร เป็นต้น
2. ไม่มีเครื่องหมาย comma (,) คั่นระหว่างนามกับ Defining Relative Clause
3. จะขึ้นต้นด้วยคำสรรพนาม (Relative Pronoun) ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนามที่ขยาย เช่น ถ้าขยายนามที่เป็นคน
Relative Pronoun ก็ต้องเป็นคำที่ใช้แทนคน ฯลฯ
หน้าที่ของ Relative Pronoun จะมีหน้าที่อยู่ 3 ประการหลัก คือ
ทำหน้าที่เป็นประธาน มี 2 แบบ คือ
1.1 ถ้าเป็นคนใช้ who เช่น
I’m looking for a teacher who can teach me well.
ฉันกำลังมองหาครูที่สามารถสอนได้ดี
1.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของใช้ which หรือ that เช่น
The mobile phone which / that is on the yellow shelf is mine.
มือถือที่วางอยู่บนชั้นวางของสีเหลืองเป็นของฉันนะ
- ทำหน้าที่เป็นกรรม มี 2 แบบ ได้แก่
2.1 ถ้าเป็นคนใช้ whom เช่น
The woman whom I talked to yesterday is Liza from Black Pink band.
ผู้หญิงที่ผมคุยด้วยเมื่อวานคือลิซ่าจากวงแบล็คพิงค์
2.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ใช้ which หรือ that เช่น
I like the notebook that Jenny used yesterday.
ฉันชอบสมุดจดบันทึกที่เจนนี่ใช้เมื่อวานนี้
- 3. ทำหน้าที่เป็น “เจ้าของ” มี 2 แบบ คือ
3.1 เป็นคน ใช้ whose เช่น
The beautiful girl whose wallet is made from leather is Angelina.
ผู้หญิงคนสวยที่ถือกระเป๋าหนังใบนั้นชื่อแองเจลลิน่า
3.2 หากเป็นสัตว์หรือ สิ่งของให้ใช้ of which เช่น
The motorbike of which hand-break is broken has already been fixed last week.
รถมอเตอร์ไซค์คันที่เบรกมันเสียถูกซ่อมแล้วนะตั้งแต่อาทิตย์ก่อน
การใช้ Non-defining Relative Clauses
เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับการใช้ Defining relative clauses ซึ่งจะต่างจาก Non-defining relative Clause
ลองไปดูลักษณะที่สำคัญ อยู่ 3 ประการกันค่ะ
1. ลักษณะจะเป็น clause ที่เพิ่มเข้ามา ไม่มีความจำเป็นกับใจความหลักในประโยคแค่เราเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ได้ความละเอียดมากขึ้นเฉยๆ
2. ต้องมีเครื่องหมาย Comma ข้างหน้าและข้างหลัง clause เสมอนะคะ ย้ำว่าเสมอ
3. ใช้กับ Relative pronouns ซึ่งไม่ชี้เฉพาะเจาะจง ได้แก่ who, whom, whose หรือ which เท่านั้น จะใช้ that ไม่ได้เลย
ตัวอย่างเช่น
My boyfriend, who is very handsome, lives in Korea.
แฟนของฉัน คนที่หล่อๆนั่นน่ะ อยู่ที่เกาหลี
Relative pronouns:
Relative pronoun ได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why เราจะใช้ relative pronoun ในการเชื่อมประโยคหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใดๆ
ถาม: ถ้าตัด relative clause ทิ้งไป แล้วประโยคหลักไม่ได้มีใจความสำคัญเปลี่ยนไปมั้ยคะ
ตอบ: ไม่จำเป็นค่ะ เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลักแค่นั้นRelative pronoun ส่วนใหญ่จะเป็นได้ทั้งประธานและกรรม ยกเว้น whom ที่จะเป็นได้แค่กรรมเท่านั้นนะคะ ส่วนการใช้ relative pronoun เป็นกรรม เราสามารถละ relative pronoun ได้ เช่น The person (who/whom/that) I met yesterday is Tim.
……………………………………………………………………………..
ถามอีก: การใช้ relative pronoun แทนสิ่งต่างๆ จะมีข้อกำหนดว่าเราจะใช้ตัวไหนแทนสิ่งใดได้กันบ้างล่ะ
ตอบ: ใช้กับสิ่งต่างๆเหล่านี้ค่ะ
คน – who, whom (กรรม), whose, that
สัตว์ – who (สัตว์เลี้ยง), whose, which, that
สิ่งของ, สิ่งไม่มีชีวิต, สิ่งที่เป็นนามธรรม – whose, which, that
ถาม: แล้วการใช้ Where, when, why
ตอบ: เราจะใช้ where แทนสถานที่ ใช้ when แทนเวลา และใช้ why แทนเหตุผล
เมื่อใช้เชื่อม relative pronoun เป็นกรรม การใช้ preposition ใน relative clause กับ whose และ which นั้นเราสามารถนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whose กับ which ได้ แต่ส่วนใหญ่เราจะเจอในการเขียนที่เป็นทางการ academic writing และเมื่อใช้ whom การใช้ preposition ใน relative clause เราจะนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whom
ตัวอย่างและรูปแบบการใช้งาน Relative Adverbs
Relative adverb คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมคำ กับอนุประโยค หรือ ประโยครองเพื่อขยายความเพิ่มเติมให้รู้ว่า เมื่อไหร่ ที่ไหน ทำไม
ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 คำ ได้แก่ when where และ why
1) Relative Adverb ที่ใช้แทนสถานที่
where ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า สถานที่ซึ่ง ที่
The house where adopted children live is very far.
แปลว่า บ้านหลังที่เด็กกำพร้าอาศัยอยู่ อยู่ไกลมาก
2) Relative Adverb ที่ใช้แทนเวลา
when ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า ที่
The time when I was ten years old, my mother passed away.
แปลว่า ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ แม่ก็ได้จากไปแล้ว
3) Relative Adverb ที่ใช้แทนเหตุผล
why ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า ที่
I have no idea why Tina dumped Mathew.
แปลว่า ฉันไม่รู้เหตุผลที่ตีน่าทิ้งแมธทิวเลย
***สำนวน dumped someone แปลว่า เท หรือทิ้ง ใครสักคนนั่นเองค่า
***สังเกตว่าตั้งแต่ข้อ 1-3 จะแปลเหมือนกันเลย คือ ที่ เมื่อเป็น Relative adverb
เทคนิคการทำ “Error Identification”
การทำต้องสังเกตเรื่องดังนี้
ท่องให้ขึ้นใจ: เชค “ พจน์ SV- Tenses-Voice-Verbs
- พจน์ “Subjects – Verb Agreement” การใช้คำกริยา ประธานและกริยาต้องสอดคล้องกัน เช่น
ถูก: Daniel eats rice. แดเนียลเป็นประธานคนเดียว (รูปเอกพจน์)
กริยาที่ตามมาต้องเติม –s (eats)
ผิด: Daniel eat rice. - Tenses คือการแสดงเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 12 Tense
- Voice:
- Active Voice หมายถึง ประธานทำเอง เช่น “A man hits a dog.”
- Passive Voice หมายถึง ประทานถูกทำ เช่น “A dog is hit by a man.”
- Verbs: “Finite or non-finite verbs” , “Main verbs VS Helping verbs” และใช้คำกริยาผิด เช่น hit เป็น hitted (ใช้รูป V.2 แทน V.3)
ในกริยาสามช่องจะใช้ hit, hit, hit (ตี) นะคะ
ตัวอย่าง แนวข้อสอบ ERROR เรื่อง Adjective clause ที่มักเจอบ่อยๆในห้องสอบ
- Chinese is important(1) for(2) nonnative speakers where(3) most businesses most likely(4) used Chinese as a main language for a workplace.(TOEIC)
คำตอบ ข้อนี้ต้องเลือกข้อ 3 นะคะ ลองมาดูคำแปลกัน
- ภาษาจีนมีความสำคัญ(1) สำหรับ(2) ผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษา โดยที่(3) ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะ(4)ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาหลักในที่ทำงาน
อธิบายเพิ่มเติม ที่ตอบข้อ 3 ค่ะ เพราะว่า where ไม่ได้แทนสถานที่ใด ในคำนามข้างหน้า แต่ว่าคำนามข้างหน้าเป็นคน คือ nonnative speakers และต้องการคำขยายที่แสดงความเป็นเจ้าของ เพราะฉนั้นเราจึงควรใช้ relative pronoun “whose” แทนคำว่า where นั่นเองค่า
- In the 21st century, the new generations are accessible to(1) global news(2) because its tools are(3) from fast search engines, most of what(4) are Google, Firefox, and etc. (GAT)
คำตอบ คือ ข้อ 4 นะคะ ลองมาดูคำแปลกัน
- 2. ในศตวรรษที่ 21 คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึง (1) ข่าวทั่วโลก (2) ได้เนื่องจากเครื่องมือค้นหา (3) ที่รวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ (4) ได้แก่ Google, Firefox และอื่น ๆ
สำหรับข้อนี้ most of what ใช้เพื่อขยายคำนามด้านหน้า คือคำว่า search engines เพื่อจะบอกเครื่องมือเหล่านั้นคืออะไร เราจะใช้ which แทน จึงแก้เป็น
“most of which”ที่แปลว่า ซึ่งส่วนใหญ่ ขยายนามด้านหน้า ไม่ใช้ most of what นะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะอย่าลืมฝึกเขียนกันเยอะๆนะคะ เพื่อที่เราจะได้ฝึกแต่ง Relative Clause ให้เจ๋งๆ ทำข้อสอบทั้ง O-NET, GAT, TOEIC ในพาร์ท ERROR แบบปังๆ เห็นปุ้บตอบปั้บ ถ้าเกิดว่าเรายังไม่เข้าใจจุดไหนสามารถโพสต์ถามได้ที่ด้านล่างวีดีโอเลยนะคะ ทีชเชอร์และทีมงาน NockAcademy ยินดีตอบเสมอ อย่าลืมทบทวนบทเรียนผ่านวีดีโอด้านล่างเด้อ เลิฟๆ
กดปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกับทีชเชอร์กรีซกันจร้า
Let’s go!