สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.1 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดู ความแตกต่างของ ประโยคคำถามที่มีกริยาช่วยนำหน้า กับ Wh-questions กันค่ะ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
มารู้จักกับกริยาช่วย
Helping verb หรือ Auxiliary verb กริยาช่วย หรือ ภาษาทางการเรียกว่า กริยานุเคราะห์ คือกริยาที่วางอยู่หน้ากริยาหลัก (Main verb) ในประโยค ทำหน้าที่ช่วยกริยาอื่นให้มีความหมายตาม Tenses กาลเวลา (Present, Past, Future) เพื่อให้ประโยคมีความหมายสมบูรณ์ขึ้น
ประเภทของ Helping Verbs
Helping หรือ Auxiliary verbs กริยาช่วยในภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- Modal auxiliary verbs คือ กริยาช่วยที่มาช่วยขยายความหมายของกริยาแท้ เช่น will, shall, should, can, may, must กริยาช่วยกลุ่มนี้จะช่วยบอกความเป็นไปได้ ความจำเป็น และเปลี่ยนแปลงความหมายของกริยาแท้ไปในเชิงนั้นๆ
ประโยคบอกเล่า: Jenny can play a piano. (เจนนี่สามารถเล่นเปียโนได้)
ประโยคคำถาม: Can Jenny play a piano?
ตามโครงสร้าง: Modal auxiliary verbs + Subject + V. Infinitive + Object/Compliment?
- Primary auxiliary verbs คือ กริยาช่วยที่ทำหน้าที่ช่วยกริยาแท้ให้เป็นไปตามโครงสร้างทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
V. to be, V. to have, และ V. todo
Primary auxiliary verbs กริยาช่วยในกลุ่มนี้ ไม่มีความหมายในตัวเอง และไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้ จะต้องใช้คู่กับกริยาหลัก (Main verb) เท่านั้น ทำให้เราสามารถสร้างโครงสร้างประโยคคำถามได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ค่ะ
คำถามที่ขึ้นต้นด้วย V. to be
กริยาช่วยกลุ่มนี้ได้แก่ is, am, are, was, were
โครงสร้างประโยคคำถามคือ V. to be + Subject + Object/ Complement….?
ตัวอย่างประโยค
ประโยคบอกเล่า: Jen is hit by a car. แปล เจนโดนรถชน
ประโยคคำถาม: Is Jen hit by a car?
แปลว่า เจนถูกรถชนใช่มั้ย
เพิ่มเติม: เจนเป็นประธาน, is เป็น V. to be, hit เป็น กริยาช่อง 3 ของ hit (hit, hit, hit) แปลว่า โดนชนข้อสังเกต: เราสามารถ ตอบคำถามข้อนี้ได้เป็น Yes ใช่ หรือ No ไม่ใช่ นั่นเองค่า
V. to have ขึ้นต้นประโยคคำถาม
กริยาช่วยกลุ่มนี้ได้แก่ has, have, had
โครงสร้าง: Have/Has/Had + Subject + V.3+ Object/ Complement….?
ประโยคบอกเล่า: Daniel has eaten a piece of cake.แปลว่า เดเนียลได้กินเค้กไปแล้ว 1 ชิ้น
ประโยคคำถาม: Has Daniel eaten a piece of cake?
แปล: เดเนียลได้กินเค้กชิ้นนั้นไปใช่มั้ย
ข้อสังเกต: เราสามารถ ตอบคำถามข้อนี้ได้เป็น Yes ใช่ หรือ No ไม่ใช่ นั่นเองค่า
ข้อสังเกต: เราสามารถ ตอบคำถามข้อนี้ได้เป็น Yes ใช่ หรือ No ไม่ใช่ นั่นเองค่า
Modal auxiliaries ขึ้นต้นประโยคคำถาม
กริยาช่วยเหล่านี้เป็นกริยาช่วยที่มีความหมายในตัวมันเอง ได้แก่
will, would = จะ
shall, should = จะ, น่าจะ, ควรจะ
can, could = สามารถ
may, might = อาจจะ
must = ควรจะ
ought to = ควรจะ
โครงสร้างประโยคคำถามคือ: modal auxiliaries + subject + V. Infinitive
(กริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน) + Object/ Complement….?
ตัวอย่างประโยคคำถาม
Would you like to come with me?
แปลว่า คุณต้องการที่จะมากับผมมั้ยครับ
อธิบายเพิ่มเติม
would เป็น modal auxiliaries ส่วน you เป็นสรรพนามบุรุษที่2 ใช้กับคนที่เราพูดด้วย และวลีส่วน to come with me ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มเรียกว่า วลีบุพบท
ข้อสังเกต: เราสามารถ ตอบคำถามข้อนี้ได้เป็น Yes ใช่ หรือ No ไม่ใช่ นั่นเองค่า
ถามแบบ Verb to Do ขึ้นต้น
หน้าที่เป็นกริยาช่วย (Auxiliary Verb) โดยจะใช้ร่วมกับกริยาหลัก (Main Verb) เพื่อสร้างประโยคคำถาม
ประโยคปฏิเสธ หรือเพื่อเน้นย้ำความสำคัญ
โครงสร้างประโยคคำถาม: Do/Does/Did + Subject + V .infinitive + Object/Complement?
Simple Present Tense ใช้ Do / Does
- Do you come from Japan? (คุณมาจากประเทศญี่ปุ่นใช่ไหม?)
- Does he like sport? (เขาชอบกีฬาใช่ไหม?)
Past Tense ใช้ Did กับเหตุการณ์ที่เป็นอดีต
- Did Ticha always drive a car to school?
(ติช่าขับรถไปโรงเรียนบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?)
ข้อสังเกต: เราสามารถ ตอบคำถามข้อนี้ได้เป็น Yes ใช่ หรือ No ไม่ใช่ นั่นเองค่า
ชนิดของ Wh-Questions
When = เมื่อไร
เมื่อใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเกี่ยวกับเวลา เช่น
When is your birthday? = วันเกิดของคุณคือเมื่อไร
When was your first love? = คุณมีควมรักครั้งแรกเมื่อไหร่
What = อะไร
ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ ชื่อ วันที่ เวลา สิ่งที่รักที่ชอบ ดังนี้ค่า
What is your name? = เธอชื่ออะไร
What is your favourite colour? = เธอชอบสีอะไร
Where = ที่ไหน
ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น
Where are you from? = คุณมาจากไหน
Where should we go? = เราควรจะไปไหนกันดี
Why = ทำไม
ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น
Why did you come to school late? = ทำไมคุณถึงมาโรงเรียนสาย
Why did you leave him? = ทำไมเธอถึงทิ้งเขาล่ะ
Who = ใคร
ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล (ส่วนมากจะตอบเป็นชื่อบุคคล) เช่น
Who are you? (คุณคือใคร)
Who is that? (นั่นใคร)
Whose = ของใคร
ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น
Whose books are these? = นี่คือสมุดของใครนะ
Whose pen is this? = นี่คือปากกาของใครกัน
Whom = ใคร (ใช้เป็นกรรม)
ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล เช่น
Whom are we waiting for? = พวกเรากำลังรอใครอยู่กันนะ
Whom are you going to travel with? = เธอกำลังจะไปเที่ยวกับใครนะ
Which = อันไหน/สิ่งไหน
ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเพื่อให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ทำว่าสิ่งไหน อันไหน ดังประโยคด้านล่างนะคะ
Which is better? แปล อันไหนดีกว่ากัน
Which one is your bag? แปลว่า อันไหนเป็นกระเป๋าเธอเหรอ
ตารางสรุปประเภทของ Wh-Questions
Wh-Questions | กริยา | ประธาน | ส่วนที่เหลือในประโยค |
When (เมื่อไร) Why (ทำไม) Who (ใคร) What (noun) ( อะไร ) Where (ที่ไหน) |
was were |
Subject | + …………… ? |
did | Subject | Verb 1 + …… ? | |
How ( อย่างไร เท่าไร) How many + N. (พหูพจน์) = มากเท่าไร How much + N. (นับไม่ได้) = มากเท่าไร How long ( ยาวนานเท่าไร) |
สรุปข้อแตกต่าง
จะสังเกตเห็นว่าความแตกต่างของสองโครงสร้างประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วยและ wh-questions นั้นคือ คำถามที่ขึ้นต้นด้วย กริยาช่วยมักจะได้คำตอบที่เป็น yes หรือ no แบบตายตัว นั่นเองค่า ส่วนคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh- questions นั้นต้องการคำตอบที่เจาะจง เช่นถามว่าชื่ออะไร ผู้ตอบก็ต้องตอบชื่อไปตามตรง แบบนี้นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะขอให้สนุกกับการอ่านบทเรียนเรื่อง ประโยคคำถามที่มีกริยาช่วยนำหน้า กับ Wh-questions กันนะคะ นักเรียนที่รักทุกคนอย่าลืมทบทวนบทเรียนที่วีดีโอ เรื่อง Wh- Questions และ Yes-No Questions เพิ่มเติมกันนะคะ
เผื่อจะร้องอ๋อ และเห็นภาพมากยิ่งขึ้น เลิฟๆ