การบอกลักษณะต่างๆโดยใช้คำคุณศัพท์

การบอกลักษณะต่างๆ โดยใช้คำคุณศัพท์ Profile

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิค การบอกลักษณะต่างๆโดยใช้คำคุณศัพท์ (Descriptive Adjective) กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า

 

 ความหมายของคำคุณศัพท์

 

ความหมายคำคุณศัพท์

 

คำคุณศัพท์หรือ Adjective มีตัวย่อคือ Adj.  ทำหน้าที่ขยายคำนามหรือสรรพนามที่อยู่ในประโยค คำนามหรือสรรพนาม ณ ที่นี้ ก็คือ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ นั่นเองค่า นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ขยายในที่นี้เพื่อบอกให้รู้ว่าคำนามหรือสรรพนามเหล่านั้นมีลักษณะยังไง  และในบทนี้ครูจะพาไปดูชนิดของคำคุณศัพท์และหลักการใช้กันนะคะ

ชนิดของคำคุณศัพท์ 

https://7esl.com/types-of-adjectives/

11Types of Adjectives

  1. Descriptive Adjective

คือ คำคุณศัพท์บอกลักษณะ  หรือคุณภาพของ คนสัตว์ สิ่งของและสถานที่เพื่อให้รู้ว่า นามนั้นมีลักษณะเป็นยังไง  ซึ่งได้แก่คำว่า

good, bad, poor, rich, pretty, ugly, beautiful, ugly, small, tall, fat, etc.

ซึ่งวันนี้เราจะมาเรียนรู้การใช้คำคุณศัพท์เหล่านี้กันจร้า

  1. Proper Adjective

คือ คุณศัพท์บอกสัญชาติ มีหน้าที่ขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ ซึ่งอันที่จริงมีรูปเปลี่ยนมาจาก Proper noun นั่นเองค่ะทุกคน ได้แก่ Proper Adjective หรือ เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ

  1. Quantitative Adjective

คือ คำคุณศัพท์บอกปริมาณ หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เพื่อบอกให้ทราบปริมาณ ของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย (แต่ไม่บอกจำนวนแน่นอน)ได้แก่ much, many, little, some, any เป็นต้น

 

  1. Numeral Adjective

คือ คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เมื่อบอกจำนวนแน่นอนของนามว่ามีเท่าไหร่

 

  1. Demonstrative adjective

คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะ ที่ทำหน้าที่ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง ได้แก่ this, that ใช้กับนามเอกพจน์ ส่วน these ,those จะใช้กับนามพหูพจน์

ข้อควรจำ:

  • This, That ใช้กับนามเอกพจน์นะคะ
  • These, Those ใช้กับนามพหูพจน์นะคะ
  • This, These ใช้กับคำนามที่อยู่ใกล้เด้อ
  • That, Those ใช้กับคำนามที่อยู่ไกล

 

  1. Interrogative adjective

คือ คุณศัพท์บอก คําถาม หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคําถามโดยจะวางไว้ต้นประโยคและมีคำนามตามหลังเสมอ ได้แก่ what, which, whose

 

  1. Possessive adjective

หมายถึง คําคุณศัพท์ ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม ได้แก่ my, our, your, his, her, its, their

 

  1. Distributive adjective

คือ คุณศัพท์แบ่งแยก  มีหน้าที่ขยายนามเพื่อแยก นามออกจากกันเป็น อันหนึ่ง

หรือส่วนหนึ่งได้แก่ each (แต่ละ), every (ทุกๆ), either (ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither (ไม่ทั้งสอง)

  1. Emphasizing Adjective

คือ คุณศัพท์ เน้นความ  มีหน้าที่ เน้นความให้มีนำหนักขึ้น เช่น very, real
(แปลว่า นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ, จริงๆ)

 

  1. Exclamatory Adjective

คือ คุณศัพท์ที่ใช้ขยายเพื่อให้เป็น คําอุทาน เช่น what! 

 

  1. Relative Adjective

คือ คุณศัพท์สัมพันธ์ มีหน้าที่ขยายนามที่ตามหลังและในขณะเดียวกัน จะคล้ายๆกับ คำสันธาน

ที่เชื่อมความในประโยคของตัวเองกับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย เช่น

Whatever (อะไรก็ได้)

ตัวอย่าง

I’ll give you whatever you want.
ฉันจะให้ในสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่คุณต้องการ

 

หลักการใช้คำคุณศัพท์ (Adjective usage)

 

หลักการใช้คำคุณศัพท์

  • วางขยายหน้าคำนามนั้น ๆ เช่น

They want a good grade from their teachers.

แปล พวกเขาอยากได้เกรดดีๆจากคุณครู

 

  • วางไว้หลัง Verb to be (be, is, am, are, was, were, been) เช่น

I am excited.
= ฉันตื่นเต้นจัง

 

I am bored.

= ฉันรู้สึกเบื่อ

จะต่างจาก I am boring. ที่แปลว่าฉันน่าเบื่อ

  • จะถูกวางไว้หลังกริยาเชื่อม (Linking Verbs) เช่น look, sound, feel
    เช่น

You look beautiful today.

= วันนี้คุณสวยจัง

                                                            

ตัวอย่างการใช้คำคุณศัพท์บอกลักษณะ

 โครงสร้างที่ใช้บ่อย:

Subject + V. to be / linking verbs: seem, look, appear, etc.
+ Descriptive Adjective

Situation: At the hospital

การบอกลักษณะต่างๆ โดยใช้คำคุณศัพท์ (2)

Doctor: You look pale now. What’s the matter?
คุณดูหน้าซีดๆนะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ

Nurse: I haven’t slept for 30 hours now.
ฉันยังไม่ได้นอนมา 30 ชั่วโมงแล้วค่ะ

Doctor: Why don’t you change your shift with Mathew?
ทำไมไม่เปลี่ยนเวรกับแมธทิวล่ะครับ

Mathew: Pardon me? I haven’t slept yet for 35 hours too, doctor.
ขอโทษนะครับหมอ ผมก็ยังไม่ได้นอนมา 35 ชั่วโมงแล้วเช่นกันครับ

 

Situation: At the birthday party

การบอกลักษณะต่างๆ โดยใช้คำคุณศัพท์ (4)

Jessy: Happy birthday to you Anna!
สุขสันต์วันเกิดนะแอนนา

Anna: Thanks, Jessy!
ขอบคุณนะเจสซี่

Jessy: You look beautiful on your birthday.
วันเกิดวันนี้ คุณดูสวยมากเลย

Anna: Thank you for your kind words. You look fabulous too.
ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ คุณดูสวยมากๆเช่นกันค่ะ

Jessy: Your welcome!
ยินดีค่ะ

 

Situation: Gossip at the funeral

การบอกลักษณะต่างๆ โดยใช้คำคุณศัพท์ (5)

 

Gorgie: Look at the wife of Mr. Jones! She seems happy. How comes?
ดูภรรยาของคุณโจนส์สิ หล่อนดูมีความสุขมากเลยนะ เป็นไปได้ยังไงกัน

Tiphany: OMG, she should not be looking “so lively” at her husband’s funeral.
หล่อนไม่ควรจะดูท่าทีมีชีวิตชีวาขนาดนั้นในงานศพของสามีตัวเองนะ

Gorgie: They said that she has an affair!
ข่าวลือกันว่าเธอมีชู้

Tiphany: Shu! Be quiet. She is coming this way!
ชู่! เบาๆหน่อย หล่อนเดินมาทางนี้แล้ว

 

เทคนิคการเรียงคำคุณศัพท์

 

เทคนิคการท่องจำเรียงคำคุณศัพท์

 1)       opinion (ความคิดเห็น):        funny, bored, boring

2)       size(ขนาด):    little, huge, tiny, big, small, tall, short,

3)       shape (รูปร่าง): round, square, triangle, oval

4)       age (อายุ):    new, old, older, young, younger

5)       colour (สี):         brown, dark blue, white, black, green, red

6)       origin (สัญชาติ):   Japanese, Thai, English, Chinese, American

7)       material (วัสดุ, อุปกรณ์):       metal, diamond, cotton, wool,

8)       purpose (จุดมุ่งมาย):        selling, to sell, cleaning, walking,

มีสูตรท่องจำคือ:
โอ้ ใหญ่ เชฟ หนุ่ม ขาว โอ้ป้ป้า ทอง ขาย ลองท่องแบบนี้ดูแล้วลองจินตนาการณ์ด้วยว่าเราเดินไปเจอหนุ่มโอ้ปป้าชาวเกาหลีหุ่นดีตัวใหญ่ผิวขาวกำลังยืนขายทอง
ลองหลับตาแล้วจินตนาการณ์ดูนะคะ เรียงลำดับเหตุการณ์ด้านล่างเลย (เวลาแปลภาษาอังกฤษให้แปลจากหลังมาหน้า)

 

โอ้ = Opinion แปลว่า ความเห็น เช่น สวย น่าเกลียด แย่ เยี่ยม

 

ใหญ่ =  Size แปลว่า ขนาด เช่น ใหญ่ เล็ก สูง เตี้ย

 

เชพ = Shape แปลว่า รูปร่าง เช่น กลม เหลี่ยม

 

หนุ่ม = Age แปลว่า อายุ เช่น แก่ หนุ่ม ใหม่ เก่า

 

ขาว = Colour แปลว่า สี เช่น  ขาว ดำ เขียว แดง

 

โอ้ปป้า= Origin แปลว่า แหล่งกำเนิด หรือถิ่นกำเนิด เช่น  ไทย อังกฤษ จีน เกาหลี

 

ทอง = Material แปลว่า วัสดุ เช่น เหล็ก ไม้ ทอง หิน

 

ขาย = Purpose แปลว่า วัตถุประสงค์ เช่น เพื่อซื้อขาย เพื่ออวดอ้าง เพื่อการดำรงชีวิต เพื่อการลงทุน

ประโยคบอกความรู้สึกในภาษาอังกฤษ 

 

ประโยคบอกความรู้สึก Adjective

คำศัพท์ภาษาอังกฤษกลุ่มนี้สามารถบอกความรู้สึก วลีความรู้สึก ประโยคบอกความรู้สึก ภาษาอังกฤษ Feeling หรือ Emotion ได้ ครูได้รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องไว้ด้านล่างลองนำไปใช้ดูเด้อ

รูปแบบที่ใช้อธิบายความรู้สึก

  • A: Subject + feel + adj.
    Ex: I feel amazing. =ฉันรู้สึกยอดเยี่ยมมาก
  • B: Subject + V.to be + adj.
    Ex: He is angry at me. = เขาโกรธให้ฉัน

                                                        

How have you been so far? เป็นยังไงกันบ้างคะ Are you tired? เหนื่อยมั้ยเอ่ย เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นอย่าลืมดูวีดีโอทบทวนบทเรียนได้ที่ด้านล่างเลยนะคะ
เลิฟๆ

แล้วเจอกันในบทเรียนต่อไป See you guys next time. Bye!

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การบวก ลบ และคูณเมทริกซ์

การบวก ลบ และคูณเมทริกซ์

การบวก ลบ และคูณเมทริกซ์ การบวก ลบ และคูณเมทริกซ์ เราจะนำสมาชิกของเมทริกซ์แต่ละเมทริกซ์มาบวก ลบ คูณกัน ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้มีสมบัติและข้อยกเว้นต่างกันไป เช่น การบวกต้องเอาสมาชิกตำแหน่งเดียวกันมาบวกกัน เป็นต้น ต่อไปเราจะมาดูวิธีการบวก ลบ และคูณเมทริกซ์กันค่ะ การบวกเมทริกซ์ เมทริกซ์ที่จะนำมาบวกกันได้นั้น ต้องมีมิติเท่ากัน และการบวกจะนำสมาชิกตำแหน่งเดียวกันมาบวกกัน เช่น 1.)  2.)    การลบเมทริกซ์ การลบเมทริกซ์จะคล้ายๆกับการบวกเมทริกซ์เลย

โดเมนของความสัมพันธ์

โดเมนของความสัมพันธ์ โดเมนของความสัมพันธ์ r คือ สมาชิกตัวหน้าของคู่อันดับในความสัมพันธ์ r เขียนแทนด้วย กรณีที่ r เขียนแบบแจกแจงสมาชิก เราสามารถหาโดเมนได้เลยโดย คือสมาชิกตัวหน้า เช่น = {(2, 2), (3, 4), (8, 9)} จะได้ว่า  = {2, 3, 8}

การเขียนจำนวนในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์

การเขียนจำนวนในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์

การเขียนจำนวนในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ บทความนี้ได้รวมรวมเนื้อหาและตัวอย่างเกี่ยวกับ การเขียนจำนวนในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ไว้อย่างหลากหลายและแสดงวิธีทำอย่างละเอียด  แต่ก่อนที่น้องๆจะได้เรียนรู้เรื่องนี้น้องสามารถทบทวน การเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก และ การคูณเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก (กดลิ้งค์ที่ข้อความได้เลยค่ะ)  ซึ่งจะทำให้น้องๆ ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆอย่างง่ายดาย ซึ่งได้นำเสนออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทำให้น้องๆสนุกกับการเรียนคณิตศาสตร์ ฝึกการเขียนจำนวนในรูปเลขยกกำลังที่มีฐานเป็น 10 ดังนี้ 10 = 10 = 10¹ 100 = 10

คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน

คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน มีอะไรบ้างในภาษาไทย

  คำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีน น้อง ๆ ทราบไหมคะว่ามีคำไหนบ้าง ทั้งสองประเทศนี้คือประเทศในแทบเอเชียเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้เรานัก แล้วทำไมถึงมีคำจากภาษาญี่ปุ่นและจีนเข้ามาปะปนอยู่ในชีวิตประจำได้ บทเรียนภาษาไทยเรื่องลักษณะคำที่ยืมมาจากภาษาญี่ปุ่นและจีนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ยืมมา จะมีคำไหนบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ที่มาของภาษาญี่ปุ่นและจีนในภาษาไทย     คำที่ยืมมาจากญี่ปุ่นและจีน มีด้วยกันมากมายหลายคำเลยค่ะ บางคำ อาจจะไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นกับจีน ไม่ใช่คำภาษาไทย เพราะสองประเทศในเอเชียนี้เข้ามามีอิทธิพลกับประเทศมาตั้งแต่โบราณ

บวก ลบ ทศนิยมอย่างไรให้ตรงหลัก

การบวกและการลบทศนิยมมีหลักการเดียวกันกับการบวกและการลบจำนวนนับคือ ต้องบวกและลบให้ตรงหลัก ดังนั้นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือต้องเขียนตำแหน่งของตัวเลขให้ตรงหลักไม่ว่าจะเป็นหน้าจุดทศนิยมและหลัดจุดทศนิยม บทความมนี้จะมาบอกหลักการตั้งบวกและตั้งลบให้ถูกวิธี และยกตัวอย่างการบวกการลบทศนิยมที่ทำให้น้อง ๆเห็นภาพและเข้าใจได้อย่างดี

ค่าของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์

ค่าของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์

ค่าของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์ ค่าของฟังก์ชันไซน์และโคไซน์ จะเกี่ยวข้องกับ θ พิกัดของ จุด (x, y) ซึ่งในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่าง x, y กับ θ จากบทความที่ผ่านมาเราได้รู้จักวงกลมหนึ่งหน่วยและการวัดความยาวส่วนโค้ง ในบทความนี้น้องๆจะได้รู้จักกับฟังก์ชันไซน์ (sine function) และฟังก์ชันโคไซน์ (cosine function) และวิธีการหาค่าของฟังก์ชันทั้งสอง Sine function =

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1