ฉันท์ คือ ลักษณะถ้อยคำที่กวีได้ประพันธ์ขึ้นเพื่อให้เกิดความไพเราะ โดยกำหนดครุ ลหุ และสัมผัสไว้เป็นมาตรฐาน มีด้วยกันมากมายหลายชนิด จากที่บทเรียนครั้งก่อนเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับที่มาและพื้นฐานการแต่งฉันท์ไปแล้ว บทเรียนในวันนี้เราจะมาเจาะลึกให้ลึกขึ้นไปอีกด้วยการฝึกแต่ง วิชชุมมาลาฉันท์ 8 กันค่ะ ฉันท์ประเภทนี้จะเป็นอย่างไร ทำไมถึงเป็น 8 ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ
คำประพันธ์ประเภท ฉันท์
ฉันท์ในภาษาไทยได้แบบแผนมาจากอินเดีย ในสมัยพระเวท แต่ลักษณะฉันท์ในสมัยพระเวทไม่เคร่งครัดเรื่องครุ ลหุ นอกจากจะบังคับเรื่องจำนวนคำในแต่ละบท จนกระทั่งอีกสองพันปีต่อมาซึ่งอยู่ในสมัยมหากาพย์ฉันที่เรียกว่า โศลก ได้พัฒนารูปแบบขึ้นมาใหม่ โดยมีบาทที่ 1 เหมือนกับบาทที่ 3 และบาทที่ 2 เหมือนกับบาทที่ 4
ฉันท์บาลีแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ฉันท์วรรณพฤติ กับฉันมาตราพฤติ โดยฉันท์วรรณพฤติกับฉันท์มาตราพฤติมีข้อแตกต่างกันดังนี้
- ฉันท์วรรณพฤติ เป็นฉันท์ที่กำหนด เสียงหนักเบาที่เรียกว่าครุ ลหุ
- ฉันท์มาตราพฤติ กำหนดด้วยมาตรา คือวางจังหวะสั้นยาวของมาตราเสียงเป็นสำคัญ นับคำครุเป็น 2 มาตรา นับคำลหุเป็น 1 มาตรา ไม่กำหนดตัวอักษร ซึ่งแตกต่างจากฉันท์วรรณพฤติ
ส่วนฉันท์ที่คนไทยนิยมนำมาแต่งเป็นพื้นฐานคือ ฉันท์วรรณพฤติ
หลักการแต่งฉันท์
1. จำคำลหุ (คำที่ออกเสียงเบา เร็ว สั้น) ให้แม่นยำ มีลักษณะดังนี้
- คำที่มีสระอะ อิ อุ ฤ ฦ เอะ แอะ โอะ เอาะ อัวะ อำ(เฉพาะที่เป็นคำยืมเขมร เช่น ตำบล(ตำ เป็น ลหุ บล เป็น ครุ))
- คำที่มีไม้เอก เช่น บ่ ไป่ ไม่ จุ่ง
- คำควบกล้ำ เช่น พระ ประ
- คำลหุที่ติดมากับครุ เช่น เกษม กะ เป็นลหุ ส่วน เษม เป็น ครุ
2. จำคำครุ (คำที่ออกเสียงหนัก ยาว) ให้แม่นยำ หากจำคำลหุได้ ที่เหลือก็ถือเป็นคำครุทั้งหมด แต่จะมีบางคำที่แม้จะเป็นสระที่ออกเสียงคล้ายเสียงสั้น แต่จะจัดอยู่ในคำครุ คือ ไอ ใอ สระ 2 ตัวนี้ในฉันท์ภาษาไทยอนุโลมเป็นคำครุ
3. แต่งให้ตรงตามลักษณะบังคับของฉันท์
ฉันท์แต่ประเภทมีลักษณะการแต่งที่ไม่เหมือนกัน มีจำนวนบาทไม่เท่ากัน เช่น วิชชุมมาลาฉันท์ ที่บาทหนึ่งมี 8 คำ จึงนับเป็นฉันท์ 8
วิชชุมมาลาฉันท์ 8
วิชชุมมาลาฉันท์ เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย เรียกว่า วิชชุมมาลาคาถา
วิชชุมมาลาฉันท์ (วิด-ชุม-มา-ลา-ฉัน) แปลว่า ฉันท์ที่เปล่งสำเนียงยาวดุลสายฟ้าแลบที่มีรัศมียาว
ตัวอย่าง
ลักษณะบังคับ
1.คณะและพยางค์
- บทหนึ่งมี 4 บาท
- บาทหนึ่งมี 4 วรรค
- วรรคหนึ่งมี 4 คำ
- บาทหนึ่งมี 8 คำ จึงเรียกว่าฉันท์ 8
- รวมบทหนึ่งมี 8 วรรค 32 คำ
2. ครุ-ลหุ
- ประกอบด้วยคณะฉันท์ มะ มะ ครุลอย 2
- เป็นคำครุทั้งหมด ไม่มีลหุอยู่เลย
3. สัมผัส ส่งสัมผัสแบบกลอนสุภาพ
สัมผัสใน
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 1 ส่งสัมผัสกับคำที่ 2 ของวรรคที่2
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 3
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 4 ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 6
- คำสุดท้ายของวรรคที่ 6 ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 7
สัมผัสระหว่างบท
คำสุดท้ายของบท ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 4 ในบทต่อไป
นอกจากจะใช้แต่งเรื่องราวที่ยืดยาว มีบทพรรณนา บทสนทนาและคติธรรมแล้ว ฉันท์ยังใช้แต่งบทประพันธ์ขนาดสั้นได้ รวมไปถึงแต่งเป็นบทสดุดี บทบูชาพระคุณครูบาอาจารย์ บิดามารดา และบทอวยพรเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นคำที่ประพันธ์ที่สามารถใช้ได้อย่างหลากหลาย ถ้าหากเราแต่งให้ตรงฉันท์ลักษณ์และเลือกสรรคำที่งดงาม ก็จะทำให้บทประพันธ์มีความไพเราะได้ไม่ยากเลยค่ะ สุดท้ายนี้เพื่อทบทวนความเข้าใจ น้อง ๆ อย่าลืมรับชมคลิปการสอนของครูอุ้มระหว่างฝึกแต่งและทำแบบฝึกหัดไปพร้อม ๆ กันนะคะ
อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy