เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนเป็นวรรณคดีที่มีเค้าจากเรื่องจริงในสมัยอยุธยา จากนิทานชาวบ้านสู่วรรณคดีราชสำนักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ในตอน ขุนข้างถวายฎีกา เป็นหนึ่งในตอนที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งได้ดีที่สุด จากที่เราได้เรียนรู้ที่มาและเรื่องย่อกันไปแล้ว บทเรียนในนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปศึกษาตัวบทเด่น ๆ ที่อยู่ในเรื่องนี้เพื่อถอดความกันค่ะ รวมไปถึงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในเรื่อง ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ
ตัวบทเด่น ๆ ที่น่าสนใจ
ตัวบทที่ 1
ถอดความ มาจากตอนที่จมื่นไวยบุกมาหานางวันทองผู้เป็นแม่ที่เรือนขุนช้างแล้วพยายามจะพานางกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่นางวันทองก็ได้เตือนสติลูกว่าการพาหนีไปทางนู้นทีทางนี้ทีจะทำให้เดือดร้อนแต่ถ้าลูกเห็นว่ามันดี จะไม่มีปัญหา นางก็จะยอมตามไป
ตัวบทที่ 2
ถอดความ เป็นตอนที่นางวันทองมาอยู่ที่บ้านแล้วขุนแผนแอบมาหากลางดึกเพราะต้องการหลับนอนกับนาง แต่นางวันทองพูดให้สติขุนแผนว่าตอนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว จะทำอะใรให้คิดดี ๆ ถ้าขุนแผนรักนางจริงต้องไปทูลพระพันวษาให้ถูกต้องว่าให้นางมาอยู่ในฐานะเมียแล้ว มิเช่นนั้นจะไม่ให้ขุนแผนแตะต้องตัวนาง เพราะถ้าหากนางใจง่ายก็จะทำให้ผู้ชายอย่างขุนแผนเคยตัว
ตัวบทที่ 3
ถอดความ เป็นตอนที่นางวันทองกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกใครระหว่างขุนช้างกับขุนแผน จึงทูลพระพันวษาออกไปว่าขุนแผนนั้นก็แสนรักร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานาน ขุนช้างอยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยทำเรื่องให้ขุ่นเคืองใจและมีเงินทองบ่าวไพร่ใช้ไม่ขัดสน ส่วนจมื่นไวยที่เป็นลูกชายก็เป็นเหมือนเลือดในอก ย่อมรักเท่ากับรักผัวอยู่แล้ว ทูลเสร็จนางวันทองก็สั่นด้วยความกลัวความผิดทางอาญา
ตัวบทที่ 4
ถอดความ กล่าวถึงพระพันวษาหลังได้ยินคำตอบที่ลังเลของนางวันทอง ก็ทรงกริ้วอย่างมากเหมือนดินประสิวที่โดนไฟแล้วปะทุที่นางไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะเลือกใครจะเอาไว้สำรองทั้งสองยิ่งว่าความลึกของทะเลทอดสมอลึกเกินจะหยั่งถึงได้
ตัวบทที่ 5
ถอดความ เป็นคำบริภาษต่อเนื่องจากบทก่อนหน้า พระพันวษาทรงกริ้วนางวันทองเป็นอย่างมากจึงต่อว่าด้วยคำหยาบว่าเป็นผู้หญิงถ่อย โลภมาก ต่อให้มีสักร้อยคนก็ไม่พอใจ
คุณค่าที่อยู่ในเสภาขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
เสภาขุนช้างขุนแผนได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งเสภาเพราะบทประพันธ์สะท้อนอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง โดยในตอนขุนช้างถวายฎีกานี้ก็มีทั้งการสะท้อนถึงอารมณ์โกรธแค้น เศร้าและสะเทือนใจของตัวละคร การใช้โวหารเปรียบเทียบอย่างในตอนที่พระพันวษาเปรียบนางวันทองเหมือนกับรากแก้วถ้าตัดโคนได้แล้วใบก็จะเหี่ยวไปเองเพื่อให้นางวันทองเลือกว่าจะไปอยู่กับขุนช้างหรือขุนแผน
คุณค่าด้านสังคม
สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของคนในสมัยนั้นทั้งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มหากษัตริย์มีอำนาจสูงสุดและความลำบากของผู้หญิงสมัยก่อนที่เป็นรองผู้ชายและมักจะไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างที่นางวันทองไม่อาจปฏิเสธทั้งสามีเก่าของขุนแผน คนที่ดูแลนางอย่างขุนช้าง และลูกแท้ ๆ อย่างจมื่นไวย ทำให้นางตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนสุดท้ายก็เป็นภัยถึงชีวิต
แม้ว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไปจะทำให้มุมมองที่มีต่อขุนช้างขุนแผนเปลี่ยนไปในแง่ของศีลธรรมและความคิด ความเชื่อของคนในอดีตที่มีค่านิยมแตกต่างจากคนในสมัยนี้ แต่วรรณคดีเรื่องนี้ก็ยังทรงคุณค่าในฐานะงานประพันธ์ที่สำคัญของไทยทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ การดำรงชีวิตของคนในอดีต วัฒนธรรม ความเชื่อและประเพณีเพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้กันต่อไป สุดท้ายนี้น้อง ๆ อย่าลืมชมคลิปการสอนของครูอุ้มที่ได้สรุปความรู้ทั้งหมดและทำแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบความเข้าใจของตัวเองกันด้วยนะคะ
อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy