นิราศภูเขาทอง ประวัติความเป็นมาของวรรณคดีที่แต่งโดยสุนทรภู่

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

นิราศภูเขาทอง

 

เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องนิราศภูเขาทองผ่านหูกันมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่น้อง ๆ ทราบหรือเปล่าคะว่านิราศภูเขาทองคืออะไร และมีที่มาอย่างไร ก่อนอื่นมาดูความหมายของนิราศกันก่อนนะคะ นิราศ คือวรรณคดีที่แต่งขึ้นเพื่อเล่าถึงการเดินจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยระหว่างการเดินทาง กวีก็จะนำสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วิวทิวทัศน์หรือความเป็นอยู่ของผู้คนมาพรรณนา

 

หลังจากเข้าใจความหมายของนิราศแล้วก็ไปเริ่มเรียนรู้ประวัติความเป็นมาและเรื่องย่อของนิราศภูเขาทอง หนึ่งในกลอนนิราศที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดีที่สุดของสุนทรภู่กันเลยค่ะ

 

นิราศภูเขาทอง

ประวัติความเป็นมา

 

สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองขึ้นมาในสมัยรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่เจ้าหัว โดยสุนทรภู่นั้นแต่งนิราศเรื่องนี้จากการเดินทางไปนมัสการเจเดีย์ภูเขาทองซึ่งเชื่อว่ามีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ที่วัดภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ 2371 ซึ่งขณะนั้นได้บวชเป็นภิกษุอยู่วัดเลียบหรือวัดราชบูรณะฯในปัจจุบัน

 

ลักษณะคำประพันธ์ของนิราศภูเขาทอง

 

นิราศภูเขาทอง แต่งด้วยกลอนนิราศ คล้ายคลึงกับกลอนสุภาพต่างกันตรงที่กลอนสุภาพจะเริ่มต้นที่ 4 วรรคแรกคือ สลับ รับ รอง ส่ง แต่กลอนนิราศจะตัดวรรคสดับออกไปทำให้การขึ้นต้นเหลือแค่ 3 วรรคคือ รับ รอง ส่ง

 

นิราศภูเขาทอง

 

เรื่องย่อ

 

นิราศภูเขาทองเป็นเรื่องที่สุนทรภู่ซึ่ง ณ ขณะนั้นบวชเป็นพระอยู่ที่วัดเลียบได้แต่งขึ้นตอนเดินทางจากจังหวัดกรุงเทพฯ ไปวัดภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งมีความเชื่อว่ามีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าบรรจุอยู่ จุดมุ่งหมายในการแต่งนิราศภูเขาทองนั้นเพื่อบันทึกการเดินทางไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและความรู้สึกต่อช่วงชีวิตที่ตกอับของตัวเอง เพราะหลังสิ้นรัชสมัยของพระพุทธเลิศล้านภาลัยชีวิตของสุนทรภู่ที่เคยสุขสบายก็พลิกผัน เมื่อผ่านไปยังสถานที่ต่าง ๆ จึงมักจะพรรณนาแล้วโยงเข้ากับชีวิตตัวเอง และเนื่องจากบวชเป็นพระอยู่จึงสอดแทรกเรื่องความรักเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ตรงตามลักษณะของนิราศอื่น ๆ  เท่านั้น ไม่ได้มีหญิงคนรักจริง ๆ

 

เส้นทางการเดินเรือในนิราศภูเขาทอง

 

นิราศภูเขาทอง

 

เส้นทางการเดินเรือในนิราศภูเขาทองขาไปเริ่มที่สุนทรภู่ออกเดินทางจากวัดเลียบ ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านสถานที่ต่าง ๆ ใน 4 จังหวัดคือ จังหวัดกรุงเทพ ฯ นนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา และขากลับเริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาเพียงวันเดียวเรือก็มาเทียบท่าหน้าวัดอรุณฯ

 

ตัวอย่างบทที่กล่าวถึงสถานที่

 

จากรูปด้านบน กวีกล่าวถึงตลาดขวัญ ตำบลหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

 

นิราศภูเขาทอง

 

จากรูปด้านบน กวีกล่าวถึงเกาะใหญ่ ซึ่งชาวบ้านใช้เรียกตำบลท้ายเกาะ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ส่วนราชคราม เป็นชื่อเดิมอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

 

จากรูปด้านบน กวีกล่าวถึงวัดหน้าพระเมรุฯ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสุนทรภู่ได้ผ่านวัดนี้ก่อนจะมาถึงวัดภูเขาทอง

 

พอได้รู้ประวัติความเป็นมาและทราบเรื่องย่อกันแล้ว น้อง ๆ ก็คงจะเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าสุนทรภู่นั้น เป็นกวีเอกที่มากความสามารถแค่ไหน เพราะสามารถหยิบยกธรรมชาติและผู้คนที่พบเห็นมาแต่งเป็นเรื่องราวให้มีความไพเราะได้ และนอกจากความสวยงามของภาษาแล้ว นิราศภูเขาทองยังสะท้อนภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคสมัยนั้น รวมไปถึงสอดแทรกข้อคิดเตือนใจไว้มากมาย ทำให้นิราศภูเขาทองเป็นวรรณคดีที่ทรงคุณค่า ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง น้อง ๆ สามารถดูคลิปการสอนของครูอุ้มย้อนหลังเพื่อทำความเข้าใจเรื่องประวัติความเป็นมาของนิราศภูเขาทองให้มากขึ้นได้ที่คลิปข้างล่างนี้เลยค่ะ

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

การใช้กริยา V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

สวัสดีค่ะนักเรียนที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้กริยา be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ กันนะคะ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go! รู้จักกับ V. to be   V. to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ หลัง verb to

การใช้พจนานุกรม เรียนรู้วิธีหาคำให้เจอได้อย่างทันใจ

​พจนานุกรม มาจากคำภาษาบาลีว่า วจน (อ่านว่า วะ-จะ-นะ) ภาษาไทยแผลงเป็น พจน์ แปลว่า คำ คำพูด ถ้อยคำ กับคำว่า อนุกรม แปลว่า ลำดับ เมื่อรวมกันแล้วพจนานุกรมจึงหมายถึงหนังสือที่รวบรวมคำโดยจัดเรียงคำตามลำดับตัวอักษร แต่ด้วยความที่คำในภาษาไทยของเรานั้นมีมากมาย ทำให้น้อง ๆ หลายคนอาจจะมีท้อใจบ้างเมื่อเห็นความหนาของเล่มพจนานุกรม ไม่รู้จะหาคำที่ต้องการได้อย่างไร บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้ถึงวิธี การใช้พจนานุกรม

Imperative for Advice

Imperative for Advice: การให้คำแนะนำ

สวัสดีน้องๆ ป. 6 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนเรื่องง่ายๆ อย่าง Imperative for Advice กัน จะง่ายขนาดไหนเราลองไปดูกันเลยครับ

การเขียนบรรยาย

การเขียนบรรยาย อธิบาย พรรณนา เรียนรู้ 3 การเขียนที่สำคัญในยุคปัจจุบัน

ทักษะการเขียนอธิบาย การเขียนบรรยาย และการเขียนพรรณนา ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะมนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณในการอยากรู้และหาคำตอบ ดังนั้นเราจึงไม่อาจเลี่ยงตอบคำถามใครได้ ดังนั้นการตอบคำถามหรือทำให้ผู้รับสารเข้าใจตรงกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น บทเรียนวันนี้เราจะมาเรียนรู้เทคนิคการเขียนทั้งสามแบบว่ามีวิธีการเขียนอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   การเขียน   การเขียนอธิบาย   การเขียนอธิบาย หมายถึง การทำให้บุคคลอื่นเข้าใจในความจริงที่เกิดขึ้น มีกลวิธีการเขียนดังนี้ กลวิธีการเขียนอธิบาย 1. การอธิบายตามลำดับขั้น เป็นอธิบายไปทีละขั้นตอน ใช้ในการเขียนอธิบายถึงกิจกรรมหรือวิธีทำบางสิ่งบางอย่าง    

การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบกราฟเส้น

ในบทคาวมนี้จะนำเสนอเนื้อของบทเรียนเรื่องกราฟเส้น นักเรียนจะสามารถเข้าในหลักการอ่านและการวิเคราะห์ข้อมูลจากกราฟเส้น รวมไปถึงสามารถมองความสัมพันธ์ของข้อมูลในแกนแนวตั้งและแนวนอนของกราฟเส้นได้อย่างถูกต้อง

คำสมาสแบบสมาส คำสมาสแบบสนธิ

เรียนรู้หลักการสร้างคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิ

บทนำ คำสมาส และคำสนธิ ถือว่าเป็นหนึ่งบทเรียนในหลักภาษาไทยของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องยาก และปราบเซียนในการสอบสุด ๆ เนื่องจากว่าเราจะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่อง คำบาลี สันสกฤตเพื่อให้สามารถแยกแยะคำ หรือสร้างคำใหม่ได้ รวมไปถึงต้องจำหลักการอ่านเชื่อมเสียงแบบต่าง ๆ จึงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามันยากมาก แต่จริง ๆ แล้วน้อง ๆ หลายคนอาจเคยได้ยินหลักการจำที่ว่า “คำสมาสนำมาชน สนธินำมาเชื่อม” ซึ่งเป็นวิธีที่น้อง ๆ ควรจะใช้เป็นแนวทางในการจำอย่างเข้าใจ ดังนั้น เพื่อเป็นการเรียนรู้เรื่องคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิให้เข้าใจมากขึ้น

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1