นิทานเวตาล เป็นวรรณคดีอินเดียโบราณที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี มีเนื้อหาที่บันเทิงแต่ก็สอดแทรกปริศนาธรรมและคติธรรมคำสอนไว้เพื่อเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจมนุษย์ บทเรียนในวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมาและเรื่องย่อจากวรรณคดีเรื่องนี้กันค่ะว่าจะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ความเป็นมาของนิทานเวตาล
นิทานเวตาล หรือ เวตาลปัญจวิงศติ เป็นวรรณกรรมอินเดียโบราณ กวีคนแรกที่เป็นคนแต่งคือ ศิวทาส เมื่อ 2.500 ปี ต่อมาโสมเทวะ กวีชาวแคว้นกัษมีระได้นํามา เรียบเรียง
ขึ้นใหม่และรวบรวมไว้ในหนังสือรวมนิทานโบราณของอินเดียเล่มสําคัญคือกถาสริตสาคร ก่อนจะถูกแปลไปอยู่ในภาษาต่าง ๆ ส่วนของไทยนั้นแปลมาจากภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 4 สำนวนที่แพร่หลายคือ เวตาลปกรณัม ลิลิตเพชรมงกุฎ นิทานเวตาล และเวตาลปัญจวิงศติ แต่ที่นิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือฉบับที่แปลโดย พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ หรือ น.ม.ส โดยพระองค์ทรงแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษของ เซอร์ ริชาร์ด เบอร์ตัน (Sir Richard Francis Burton) มาแปล จำนวน 9 เรื่อง และของ ซี.เอช.ทอนว์นีย์ (C.H Tawney) มาแปลอีก 1 เรื่อง รวมทั้งสิ้น 10 เรื่อง
เรื่องย่อ
ต้นเรื่อง
พระวิกรมาทิตย์ เป็นกษัตริย์ครองกรุงอุชชยินี ในตอนที่พระองค์ไปสู้กับยักษ์เพื่อแย่งเมืองตัวเองคืน ยักษ์ก็ได้เตือนว่าพระองค์จะสิ้นชีพเร็ว ๆ นี้ด้วยฝีมือของโยคีที่มีความแค้นต่อพระบิดาของพระองค์ เวลาผ่านไป บ้านเมืองสงบ พระวิกรมาทิตย์ ออกเยี่ยมประชาชนอยู่เสมอ แต่ในทุก ๆ วัน จะมีพ่อค้า หรือตัวจริงก็คือโยคีชื่อศานติศีลมาขอเข้าเฝ้าและถวายผลไม้ โดยปกติแล้วพระวิกรมาทิตย์จะไม่สนใจ กระทั่งวันหนึ่งพระองค์ได้ผลไม้มาแล้วให้ลิงที่เลี้ยงไว้กิน เมื่อกัดเข้าไปก็ทำให้รู้ว่าข้างในคือทับทิม เมื่อโยคีศานติศีลมาเข้าเฝ้าอีกครั้ง พระองค์จึงถามว่าจะตอบแทนได้อย่างไรบ้าง โยคีศานติศีลจึงให้พระวิกรมาทิตย์ไปจับเวตาลซึ่งห้อยหัวอยู่กับต้นอโศกมาให้เพื่อใช้ในพิธี พระองค์จึงออกไปจับเวตาล และเมื่อจับได้ เวตาลก็จะพยายามเล่านิทานอุทาหรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้พระวิกรมาทิตย์ตอบกลับมา เพราะทุกครั้งที่ตอบคำถาม เวตาลจะลอยกลับไปอยู่ที่ต้นอโศกดังเดิม ทำให้พระวิกรมาทิตย์ต้องเดินกลับและเริ่มพาเวตาลแบกขึ้นใหม่ทุกครั้ง
ฉบับพระนิพนธ์ใน กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ มีด้วยกัน 10 เรื่อง ส่วนเรื่องที่เราจะได้เรียนกันคือ เรื่องที่ 10
นิทานเวตาล เรื่องที่ 10
เวตาลเบื่อที่จะต้องโดนแบกไปมาแล้ว จึงจะเล่าเรื่องยาก ๆ ให้พระองค์ตอบไม่ได้ โดยเรื่องที่ 10 ที่เวตาลเล่าให้พระวิกรมาทิตย์ฟังนั้น มีอยู่ว่า
ท้าวจันทรเสน เข้าป่าล่าสัตว์ไปพร้อมกับพระราชบุตร และได้พบรอยเท้าของคนสองคนในป่า ทั้งสององค์ทรงพิจารณาและแน่พระทัยจากขนาดของรอยเท้าว่าเป็นรอยเท้าของผู้หญิง เมื่อรู้ว่ามีผู้หญิงอยู่ในป่าก็เกิดความสนใจ เพราะเชื่อว่าผู้หญิงที่เจอในป่ามักจะสวยกว่าผู้หญิงที่อยู่ในเมือง ท้าวจันทรเสนเองก็เพิ่งจะสูญเสียพระมเหสีไป เมื่อเห็นว่ามี 2 รอยเท้าพอดี จึงทำสัญญาแบ่งนางกับพระราชบุตร โดยพระองค์นั้นเลือกรอยเท้าใหญ่ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นคนมีอายุมากกว่าเจ้าของรอยเท้าเล็ก จึงให้นางเจ้าของรอยเท้าเล็กกับพระราชบุตรเป็นพระชายา โดยที่ไม่รู้ว่านางทั้งสองนั้น นางหนึ่งเป็นมเหสีของท้าวมหาพลพระราชาแห่งกรุงธรรมปุระ อีกนางหนึ่งคือพระธิดาของนางทั้งสององค์ติดตามท้าวมหาพลที่ลี้ภัยทางการเมือง ขณะที่อยู่ในป่า ท้าวมหาพลถูกโจรฆ่า ทั้งสองนางต้องหนีต่อจนกระทั่งได้พบกับท้าวจันทรเสนและพระราชบุตร โดยเจ้าของรอยเท้าใหญ่ แท้จริงคือพรระธิดา ส่วนเจ้าของรอยเท้าเล็ก เป็นของพระมเหสีที่รูปร่างเล็กกว่าพระธิดา
จากนั้นเวตาลจึงถามพระวิกรมาทิตย์ว่า “ลูกของท้าวจันทรเสนที่เกิดกับธิดาท้าวมหาพล และลูกของมเหสีท้าวมหาพลที่เกิดกับพระราชบุตรของท้าวจันทรเสนจะนับญาติกันอย่างไร” เมื่อพระวิกรมาทิตย์ไม่ตอบคำถามนั้น เวตาลจึงไม่ได้ลอยกลับไปอยู่ที่ต้นอโศกและชี้แนะพระวิกรมาทิตย์ว่าแท้จริงแล้วโยคีประสงค์ร้าย หวังจะห่าและยึดเมือง ให้พระองค์ทำทีเป็นเชื่อแล้วชิงสังหารโยคีก่อน เมื่อมาถึงพระวิกรมาทิตย์ก็ทำตามที่เวตาลบอก ทำให้จัดการโยคีได้สำเร็จ
เป็นอย่างไรบ้างคะน้อง ๆ สำหรับวรรณคดีอินเดียโบราณเรื่องนี้ นิทานเวตาลไม่เพียงแต่จะให้ความสนุกสนานและเพลิดเพลิน แต่ยังให้ข้อคิด และมีคติธรรมคำสอน เรียกได้ว่าเป็นนิทานแห่งปัญญาที่มีปริศนาธรรมให้คนอ่านได้ฝึกคิดวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กับพระวิกรมาทิตย์เลยทีเดียว สุดท้ายนี้น้อง ๆ อย่าลืมไปดูคลิปครูอุ้มระหว่างทำแบบฝึกหัดกันนะคะเพื่อให้ได้เข้าใจถึงเรื่องราวของเวตาลมากขึ้น ไปชมกันเลยค่ะ
อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy