ฉันท์ เรียนรู้การแต่งคำประพันธ์โบราณที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย

ฉันท์

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

จากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับวรรณคดีกันมามากมายหลายเรื่อง น้อง ๆ หลายคนคงจะพอจะคุ้นหูและผ่านตากันมาบ้างแล้วกับคำประพันธ์ประเภท ฉันท์ แต่เมื่อเห็นครั้งแรก ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยก็อาจจะทำให้น้อง ๆ คิดว่าคำประพันธ์ประเภทนี้แต่งยาก เพราะรู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนอย่างพวกกาพย์หรือกลอน แต่รู้หรือไม่คะ ว่าจริง ๆ แล้วการแต่งฉันท์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเลยค่ะ บทเรียนในวันนี้นอกจากจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้ความเป็นมาของฉันท์ รวมไปถึงลักษณะบังคับต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อฝึกแต่งกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้เรื่องนี้กันเลยดีกว่า

 

ความเป็นมาของ ฉันท์

 

ฉันท์ เป็นคำประพันธ์หนึ่งของไทยที่รับอิทธิพลมาจากอินเดีย คำว่าฉันท์ มีรากศัพท์มาจาก ฉท, ฉันท ในภาษาสันสกฤต ซึ่งแปลว่า ปรากฏมีลักษณะเป็นที่น่าพึงพอใจ น่าพึงใจ ส่วนในภาษาบาลี คำว่าฉันท, ฉันโท มีความหมายสองอย่าง คือแปลว่าความปรารถนา ความตั้งใจ และคัมภีร์พระเวท หรือลักษณะคำประพันธ์

ต้นกำเนิดของฉันท์ เกิดขึ้นในสมัยพระเวทเมื่อราวสี่พันปีก่อน ซึ่งถ้อยคำในคัมภีร์พระเวทเป็นคำประพันธ์ประเภทฉันท์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือฉันท์ที่มีจำนวนคำไม่เกิน 50 พยางค์ และฉันท์ที่มีพยางค์ 50-106 พยางค์ โดยฉันท์ที่นิยมแต่งมี 8 ชนิด คือ คายตรี อนุษฏก ตริษฏก ชคตรี พฤหตี ปังกตี วิราฏ อุษณิก

 

ฉันท์

 

ความเป็นมาของฉันท์ในประเทศไทย

 

เมื่อคัมภีร์วุตโตทัยแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย กวีจึงได้ปรับปรุงให้เหมาะกับขนบร้อยกรองไทย เช่น จัดวรรค เพิ่มสัมผัส และเปลี่ยนลักษณะครุ-ลหุให้แตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความสวยงามของภาษาไทยลงไป โดยที่กวีไทยมิได้ดัดแปลงฉันท์ในคัมภีร์วุตโตทัยให้เป็นภาษาไทยครับทั้ง 108 ชนิด ต่อมา นายฉันท์ ขำวิไล เป็นผู้ดัดแปลงเพิ่มเติมให้เป็น ฉันทวรรณพฤติ เพิ่มจากที่มหาสมณะเจ้า พระปรมานุชิตชิโนรสทำไว้ 50 ชนิด เพิ่มขึ้นอีก 50 ชนิด รวมเป็น 100 ฉันท์ เมื่อรวมเข้ากับฉันท์มาตราพฤติอีก 8 ชนิดก็รวมเป็น 108 ชนิดครบถ้วน และจัดพิมพ์รวมเล่มทั้งหมดในพ.ศ. 2474

 

การแต่งฉันท์

 

ลักษณะบังคับของฉันท์

 

ฉันท์

 

พยางค์

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือครุ-ลหุ

 

 

1. ครุ หมายถึง เสียงหนัก เป็นคำหรือพยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงยาว

มีลักษณะดังนี้

  • คำที่มีตัวสะกด
  • คำที่ประสมด้วยสระ อำ ใอ ไอ เอา
  • คำที่ประสมด้วยสระเสียงยาว ไม่มีตัวสะกด

2. ลหุ หมายถึง เสียงเบา

มีลักษณะดังนี้

  • เป็นพยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น ในแม่ ก กา เช่น จะ ติ บุ และ เลอะ ฯลฯ
  • เป็นพยางค์ตัวเดียว เช่น บ บ่ ฤ ณ ธ ก็ ฯลฯ
  • สำหรับอำ ก็สามารถเป็นคำลหุได้ด้วยเช่นกัน

 

 

คณะ

คณะในลักษณะบังคับของฉันท์ หมายถึง ลักษณะการเรียงกันของเสียงครุ ลหุ กลุ่มละ 3 เสียง จึงจัดเป็น 1 คณะ ซึ่งมีทั้งหมด 8 คณะ ดังนี้

 

 

มะ คณะ ย่อมาจาก มารุต แปลว่า ลม ประกอบด้วยครุ 3 เสียง

นะ คณะ ย่อมาจาก นรา แปลว่า ฟ้า ประกอบด้วยลหุ 3 เสียง

ภะ คณะ ย่อมาจาก ภูมิ แปลว่า ดิน ประกอบด้วย ครุ ลหุ ลหุ

ยะ คณะ ย่อมาจาก ยชมาน แปลว่า พราหมณ์บูชายัญ ประกอบด้วย ลหุ ครุ ครุ

ชะ คณะ ย่อมาจาก ชลน แปลว่า ไฟ ประกอบด้วย ลหุ ครุ ลหุ

ระ คณะ ย่อมาจาก รวิ แปลว่า พระอาทิตย์ ประกอบด้วย ครุ ลหุ ครุ

สะ คณะ ย่อมาจาก โสม แปลว่า พระจันทร์ ประกอบด้วย ลหุ ลหุ ครุ

ตะ คณะ ย่อมาจาก โตย แปลว่า น้ำ ประกอบด้วย ครุ ครุ ลหุ

 

สัมผัส

สัมผัสเป็นส่วนที่กวีไทยเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อปรับปรุงฉันท์ให้เข้ากับลักษณะของร้อยกรองไทย แบ่งได้เป็น 3 แบบด้วยกัน

  1. สัมผัสแบบกาพย์ คือ ไม่มีสัมผัสระหว่างวรรคที่ 3 กับวรรคที่ 4
  2. สัมผัสแบบกลอนสังขลิก คือ ไม่มีสัมผัสระหว่างวรรคสุดท้ายของบทแรกกับวรรคที่สองของบทต่อไป ฉันท์ที่ส่งสัมผัสเช่นนี้จะเป็นฉันบทละ 3 วรรค
  3. สัมผัสแบบกลอนสุภาพ คือ มีการส่งสัมผัสระหว่างวรรคทุกวรรค และระหว่างบทด้วย

 

หลังจากที่เราได้เรียนรู้พื้นฐาน ที่มาของฉันท์ตั้งแต่อดีตกระทั่งเข้ามาเป็นบทร้อยกรองของไทย รวมไปถึงลักษณะบังคับของฉันท์กันไปแล้ว แต่บทเรียนการแต่งฉันท์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ บทเรียนต่อไปเราจะพาน้อง ๆ ไปทำความรู้จักกับฉันท์อีกประเภทหนึ่งซึ่งก็คือวิชชุมมาลาคำฉันท์นั่นเองค่ะ แต่ก่อนอื่นน้อง ๆ อย่าลืมทบทวนบทเรียนเรื่องคำฉันท์ในคลิปการสอนของครูอุ้มก่อนไปเรียนเรื่องถัดไปนะคะ ไปดูกันเลยค่ะ

 

 

อย่าพลาดการติดตามบทความภาษาไทยจาก nockacademy

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ศึกษาตัวบทและข้อคิดที่แฝงอยู่ในสามัคคีเภทคำฉันท์

สามัคคีคือพลัง เป็นคำกล่าวคุ้นหูที่หลายคนคงจะเคยได้ยินคนพูดให้ฟังอยู่บ่อย ๆ เพราะไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดร่วมกับใคร เพื่อให้งานนั้นสำเร็จและเป็นไปอย่างราบรื่น เราก็ต้องอาศัยความสามัคคีของคนในกลุ่มช่วยกันขับเคลื่อนให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าได้ แต่บางครั้งคนเราก็อาจปล่อยให้อารมณ์มาบดบังจนทำให้แตกความสามัคคีกันอยู่บ่อย ๆ สามัคคีเภทคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่ว่าด้วยผลของการแตกความสามัคคี บทเรียนในวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้ตัวบทเด่น ๆ ที่สำคัญ ถอดบทเรียนจากตัวละครและศึกษาคุณค่าที่แฝงอยู่ในเรื่องกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้วรรณคดีเรื่องนี้พร้อมกันเลย   ตัวบทเด่น ๆ ใน สามัคคีเภทคำฉันท์     ถอดความ

NokAcademy_ม2 การใช้ Future Simple กับการตั้งคำถามด้วย Wh-Questions

การใช้ Future Simple กับการตั้งคำถามด้วย Wh-Questions

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุย “การใช้  Future Simple กับการตั้งคำถามด้วย Wh-Questions” หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า Future Simple Tense     Future Simple Tense หรือ ประโยคอนาคตกาล เอาไว้พูดถึงเรื่องราวในอนาคต เช่น สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้น สิ่งที่จะทำ เป็นต้น

คำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์ พูดอย่างไรให้ถูกต้อง

  คำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่น้อง ๆ หลายคนอาจจะต้องพบเจอถ้าหากว่านับถือศาสนาพุทธ เพราะว่าเราอาจมีโอกาสได้สนทนากับพระระหว่างทำบุญก็ได้ วันนี้เราจะมาเรียนรู้คำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์กันนะคะว่าแตกต่างจากคำราชาศัพท์สำหรับราชวงศ์และสุภาพชนทั่วไปอย่างไร ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   คำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์ ใช้อย่างไร     แม้คำว่าราชาศัพท์ จะสามารถแปลตรงตัวได้ว่าเป็นถ้อยคำที่ใช้กับพระมหากษัตริย์ แต่ในปัจจุบันนี้คำราชาศัพท์ยังครอบคลุมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์ พระภิกษุสงฆ์ และสุภาพชน หรือเรียกอีกนัยว่าคำสุภาพ สำหรับคำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์จะต่างกับราชวงศ์และสุภาพชน และยังขึ้นอยู่กับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์อีกด้วย โดยสามารถเรียงลำดับได้ดังนี้

การแยกตัวประกอบ

การแยกตัวประกอบ

การแยกตัวประกอบ การแยกตัวประกอบ ของจำนวนนับใด หมายถึง การเขียนจำนวนนับนั้นในรูปการคูณของ ตัวประกอบเฉพาะ  ซึ่งในบทความนี้ได้นำเสนอวิธีการ รวมถึง โจทย์การแยกตัวประกอบ ไว้มากมาย น้องๆสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ดวยตนเองโดยที่มีวิธีการแยกตัวประกอบ 2 วิธี ดังนี้ การแยกตัวประกอบ  โดยการคูณ  การแยกตัวประกอบ  โดยการหาร (หารสั้น)         ก่อนอื่นน้องๆมาทบทวน ความหมายของตัวประกอบและจำนวนเฉพาะ

ดีเทอร์มิแนนต์

ดีเทอร์มิแนนต์ ดีเทอร์มิแนนต์ (Determinant) คือ ค่าของตัวเลขที่สอดคล้องกับเมทริกซ์จัตุรัส ถ้า A เป็นเมทริกซ์จัตุรัส จะเขียนแทนดีเทอร์มิแนนต์ของ A ด้วย det(A) หรือ โดยทั่วไปการหาค่าดีเทอร์มิแนนต์ที่เจอในข้อสอบจะไม่เกินเมทริกซ์ 3×3 เพราะถ้ามากกว่า 3 แล้ว จะเริ่มมีความยุ่งยาก **ค่าของดีเทอร์มิแนนต์จะเป็นจำนวนจริงและมีเพียงค่าเดียวเท่านั้นที่จะสอดคล้องกับเมทริกซ์จัตุรัส เช่น เมทริกซ์ B ก็จะมีค่าดีเทอร์มิแนนต์เพียงค่าเดียวเท่านั้น**  

ความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ เกิดจากสิ่งสองสิ่งมาเกี่ยวข้องกันภายใต้กฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น ความสัมพันธ์ของ a กับ b ซึ่ง a มากกว่า b เป็นต้น ก่อนที่เราจะเริ่มเนื้อหาของความสำคัญพี่อยากให้น้องๆรู้จักกับคู่อันดับ และผลคูณคาร์ทีเซียนก่อนนะคะ คู่อันดับ ในการเขียนคู่อันดับเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว เพราะถ้าน้องๆเขียนคู่อันดับผิดตำแหน่งนั่นหมายความว่า ความหมายของมันจะเปลี่ยนไปทันที เช่น คู่อันดับ (x, y) โดย x

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1