กลอนบทละครอ่านอย่างไรให้ถูกต้อง และไพเราะ

กลอนบทละคร

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

บทนำ

สวัสดีน้อง ๆ ที่น่ารักทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่เนื้อหาการเรียนรู้ภาษาไทยอีกครั้ง สำหรับใครที่กำลังรอคอย  บทเรียนเกี่ยวกับการอ่านบทอาขยานต้องมาทางนี้เลย เพราะว่าเราจะมาเรียนรู้หลักการอ่านอาขยานในประเภทบทละคร ซึ่งแน่นอนว่านอกจากน้อง ๆ จะได้เรียนรู้วิธีการอ่านที่ถูกต้องแล้ว ก็ยังจะได้สนุกไปกับเนื้อเรื่องของบทละครที่เราจะยกมาเป็นตัวอย่างในเนื้อหาวันนี้ด้วย ถ้าหากทุกคนพร้อมแล้วอย่ารอช้า เตรียมตัวไปเข้าสู่บทเรียนกันเลย

 

กลอนบทละคร

 

บทอาขยาน คืออะไร

อาขยาน [อา – ขะ – หยาน] คือ บทประพันธ์ชนิดหนึ่งที่จะต้องอาศัยการท่องจำ และอ่านด้วยทำนองแบบบทร้อยกรอง หรืออ่านตามโครงสร้างของฉันทลักษณ์นั้น ๆ บทอาขยานอาจหมายรวมถึงการเล่านิทาน การเล่าเรื่อง การเล่าเหตุการณ์ หรือสภาพแวดล้อม เล่าถึงตัวบุคคลแบบที่ในวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ในการเล่าเรื่อง โดยจะมีฉันลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละประเภท เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความงดงามทางภาษา เนื้อหา และวรรณศิลป์ด้วย

 

กลอนบทละคร

 

ความหมายของกลอนบทละคร

กลอนบทละคร หมายถึง กลอนที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะใช้ในการแสดงละครรำ ซึ่งในกลอนบทละครนี้จะมีหลักเกณฑ์ หรือฉันทลักษณ์ในการแต่งที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย เพราะใช้การแต่งแบบกลอนสุภาพที่แต่ละวรรคจะมี 6 – 8 คำ แต่สิ่งที่สำคัญในกลอนบทละครที่ลักษณะของคำขึ้นต้นที่จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าในบทนี้ตัวเนื้อเรื่องกำลังกล่าวถึงตัวละครใด
เช่น มาจะกล่าวบทไป เมื่อนั้น บัดนั้น หรือน้องเอ๋ยน้องรัก ซึ่งก็จะมีหลักการให้เราได้เรียนรู้กันในส่วนต่อไป 


กลอนบทละคร

 

หลักการอ่านอาขยาน ประเภทกลอนบทละคร

อย่างที่ได้บอกกับน้อง ๆ ไปก่อนหน้านี้ว่าการอ่านอาขยาน ประเภทกลอนบทละครจะมีจุดสำคัญ ๆ ให้สังเกตอยู่ซึ่งนั่นก็คือการใช้คำขึ้นต้น และเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเราจะยกตัวอย่างกลอนบทละครจากวรรณคดีเรื่อง ต่าง ๆ ที่มีคำขึ้นต้นเหล่านี้มาประกอบด้วย 

  • มาจะกล่าวบทไป ใช้ในตอนที่จะเริ่มต้นเรื่อง หรือเริ่มต้นเล่าเรื่องในตอนใหม่ 

กลอนบทละคร

 

  • เมื่อนั้น ใช้เมื่อเราต้องการจะเล่าถึงตัวละครหลัก หรือตัวละครสำคัญ ๆ ในเรื่องนั้น เช่น กษัตริย์ พระเอก หรือนางเอก 

กลอนบทละคร

 

  • บัดนั้น ใช้เมื่อเราต้องการจะกล่าวถึงตัวละครที่ไม่มีบทบาทสำคัญอะไรมาก เป็นตัวประกอบ หรือตัวละครรองในเรื่องนั้น

กลอนบทละคร
** เป็นการกล่าวถึงตัวละครที่มีบทรองจากตัวละครสำคัญ ๆ ไม่ได้มีบทบาทมากอย่าง พญาพิเภกซึ่งเป็นยักษ์ที่พระอิศวรส่งมาให้ช่วยพระราม หรือเป็นบริวาลของพระราม หลังจากรับคำสั่งแล้วก็ได้กราบลาไปทำหน้าที่

 

  • น้องเอ๋ยน้องรัก อาจจะเห็นในบางบทกลอนที่พระเอกต้องการจะกล่าวถึงนางอันเป็นที่รัก
    หรือในบทเกี้ยวพาราสี
กลอนบทละคร
** เป็นบทเกี้ยวพาราสีของอิเหนาที่จะกล่าวชมรูปโฉมของนางจินตะหราวาตีว่า หน้าตาสวยผุดผ่องราวกับพระจันทร์
รูปร่างงดงาม มองตรงไหนก็ดูดีไปหมด

วิธีแบ่งวรรคอ่าน

สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่อยากจะฝึกอ่านให้ถูกต้อง แม่นยำ เราก็จะมาสอนวิธีการอ่านอาขยาน ประเภทกลอนบทละครด้วยการแบ่งคำให้ถูกต้องตามจังหวะ ซึ่งเราสามารถดูจากจำนวนของคำที่ใช้ในละวรรค มีประมาณ     6 – 8 คำ หรือสูงสุด 9 คำ โดยเราจะยกตัวบทจากเรื่อง สังข์ทอง ตอนกำเนิดพระสังข์มาประกอบ เพื่อให้   น้อง ๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้น

 

กลอนบทละคร

กลอนบทละคร

 

** ให้น้อง ๆ สังเกตจากจำนวนคำ

ถ้าหากมี 6 คำให้แบ่งจังหวะการอ่านเป็น 2 – 2 – 2 

ถ้าหากมี 7 คำให้แบ่งจังหวะการอ่านเป็น  2 – 2 – 3

ถ้าหากมี 8 คำให้แบ่งจังหวะการอ่านเป็น 3 – 2 – 3

ถ้าหากมี 9 คำให้แบ่งจังหวะการอ่านเป็น 3 – 3 – 3

 

บทส่งท้าย

หลังจากที่ได้เรียนหลักการอ่านอาขยาน ประเภทกลอนบทละครไปแล้วช่วยให้น้อง ๆ สามารถอ่านเป็นทำนองเสนาะได้เพราะขึ้นหรือเปล่า เนื้อหาการเรียนวันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากมาก และอยากให้น้อง ๆ นำไปฝึกอ่านบ่อย ๆ เพราะเมื่อเรียนในระดับที่สูงขึ้นเราก็จะได้ฝึกอ่านกลอนบทละครแบบนี้อีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องสังข์ทองในตอนอื่น ๆ เรื่องพระอภัยมณี อิเหนา หรือรามเกียรติ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สนุก ๆ ทั้งนั้น ส่วนใครที่อยากลองฟังวิธีการอ่านที่ถูกต้องอีกรอบก็ลองไปดูครูอุ้มสอนได้ที่คลิปวีดีโอด้านล่างนี้เลย

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

Imperative Sentence: เรียนรู้การใช้ประโยคคำสั่ง ขอร้องในชีวิตประจำวัน

เชื่อว่าชีวิตประจำวันของน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ที่บ้าน หรือเวลาออกไปเที่ยว น้องๆ อาจจะเคยได้ยินประโยคประมาณนี้กันมาบ้าง

Turn off the computer! (จงปิดคอมพิวเตอร์!)

Please pass me the sugar (ช่วยส่งน้ำตาลมาให้ที)

Drink a lot of water (ดื่มน้ำเยอะๆ)

ประโยคเหล่านี้ภาษาอังกฤษมีชื่อเรียกว่า Imperative Sentence วันนี้เราจะมาดูกันว่า Imperative Sentence คืออะไร และสามารถใช้ในสถานการณ์ไหนได้บ้าง

การโต้วาที

โต้วาที และยอวาที แต่งต่างกันอย่างไร?

การพูดมีมากมายหลายประเภท แล้วแต่จุดประสงค์ของผู้พูดว่าต้องการจะสื่อสารออกมาในรูปแบบใด แต่จะมีอยู่ประเภทหนึ่งที่มีหัวข้อให้พูดและต้องแบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยไม่ได้มีเจตนาเพื่อมาทะเลาะกัน เพราะเรากำลังหมายถึงการพูดโต้วาทีและการยอวาที ที่เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นในลักษะที่ต่างกัน แต่จะต่างกันอย่างไรบ้างนั้น เราไปเรียนรู้เรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   การโต้วาที     การโต้วาที เป็นการแสดงความคิดเห็นโต้แย้งด้วยเหตุผลเพื่อให้ชนะอีกฝ่าย โดยจะแบ่งผู้พูดออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายญัตติและฝ่ายคัดค้านญัตติ และมีกรรมการคอยตัดสินว่าจะให้ฝ่ายใดชนะ โดยแต่ละฝ่ายจะต้องมีข้อมูลเพื่อมาสนับสนุนการพูดของตัวเอง หักล้างแนวคิดของอีกฝ่ายและต้องมีปฏิภาณไหวพริบ   องค์ประกอบของการโต้วาที  

การหมุน

การแปลงทางเรขาคณิตโดยการหมุน ( Rotation ) เป็นการแปลงที่จุดทุกจุดของรูปต้นแบบเคลื่อนที่ไปเป็นมุมเดียวกันรอบจุดตรึงอยู่กับที่ ที่กำหนดหรือจุดหมุน การหมุนจะหมุนทวนเข็มนาฬิกาหรือตามเข็มนาฬิกา

ประโยคปฏิเสธรูปแบบอดีต

สวัสดีค่ะนักเรียน ม.2 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปทบทวนเรื่อง ประโยคปฏิเสธรูปแบบอดีต ซึ่งเมื่อเล่าถึงเวลาในอดีตส่วนใหญ่แล้วเรามักเจอคำว่า yesterday (เมื่อวานนี้), 1998 (ปี ค.ศ. ที่ผ่านมานานแล้ว), last month (เดือนที่แล้ว)  และกลุ่มคำอื่นๆ ที่กำกับเวลาในอดีต ซึ่งเราจะเจอ Past Time Expressions ในกลุ่ม Past Tenses หรือ อดีตกาล

คำสมาสแบบสมาส คำสมาสแบบสนธิ

เรียนรู้หลักการสร้างคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิ

บทนำ คำสมาส และคำสนธิ ถือว่าเป็นหนึ่งบทเรียนในหลักภาษาไทยของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องยาก และปราบเซียนในการสอบสุด ๆ เนื่องจากว่าเราจะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่อง คำบาลี สันสกฤตเพื่อให้สามารถแยกแยะคำ หรือสร้างคำใหม่ได้ รวมไปถึงต้องจำหลักการอ่านเชื่อมเสียงแบบต่าง ๆ จึงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามันยากมาก แต่จริง ๆ แล้วน้อง ๆ หลายคนอาจเคยได้ยินหลักการจำที่ว่า “คำสมาสนำมาชน สนธินำมาเชื่อม” ซึ่งเป็นวิธีที่น้อง ๆ ควรจะใช้เป็นแนวทางในการจำอย่างเข้าใจ ดังนั้น เพื่อเป็นการเรียนรู้เรื่องคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิให้เข้าใจมากขึ้น

โดเมนของความสัมพันธ์

โดเมนของความสัมพันธ์ โดเมนของความสัมพันธ์ r คือ สมาชิกตัวหน้าของคู่อันดับในความสัมพันธ์ r เขียนแทนด้วย กรณีที่ r เขียนแบบแจกแจงสมาชิก เราสามารถหาโดเมนได้เลยโดย คือสมาชิกตัวหน้า เช่น = {(2, 2), (3, 4), (8, 9)} จะได้ว่า  = {2, 3, 8}

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1