Past Passive คืออะไร

M3 Past Passive

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง Past Passive กันค่ะ ก่อนอื่นจะต้องไปรู้ความหมายกันก่อนน๊าว่ามันคืออะไร พร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด

 

Past Passive คืออะไร

 

M3 Past Passive (2)

Past หมายถึง อดีต ส่วน Passive มาจากโครงสร้างของ Passive voice (ประโยคที่ประธานถูกกระทำ เน้นกรรม) เมื่อนำมารวมกันแล้วPast Passive ก็คือ การใช้ Passive Voice ในรูปอดีต หรือ Past นั่นเอง 

 

หลักการสร้างประโยค Passive Voice

 

M3 Past Passive (3)

ให้ท่องว่า: เปลี่ยนกรรม ผัน V.to be ผัน V.3 By ผู้กระทำ

  1. เปลี่ยนกรรม ของประโยค Active ไปเป็นประธานของประโยค Passive
  2. ผัน to be ตามประธาน เช่น ประธานเป็นเอกพจน์ v. to be จะใช้ is (Present simple tense), was (Past simple tense)
    ส่วนประธานพหูพจน์ I, You, We, They , Girls เหล่านี้กริยา ต้องใช้ are(Present simple tense), were (Past simple tense)
  3. เปลี่ยน คำกริยาแท้ ให้เป็น Past Participle (V.3) อันนี้ต้องไปท่องกริยา3 ช่อง เพิ่มเติม
  4. นำประธานของ Active ไปเป็นกรรมของ Passive โดยวางไว้หลัง by เพื่อเน้นผู้กระทำ แต่เราสามารถละไว้ได้

ตัวอย่าง

Active: Emily made a pancake.
แปล เอมมีลี่ทำแพนเค้ก

Passive: A pancake was made by Emily.
แปล เค้กถูกทำโดยเอมมิลี่

เพิ่มเติม:

ถ้าในประโยคมีกรรมสองตัวคือ กรรมตรง (Direct Object) เป็นสิ่งของ และ กรรมรอง (Indirect Object) เป็นคน เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยค Passive มักนำกรรมรอง (คน) มาเป็นประธาน แต่ถ้าจะนำกรรมตรง (สิ่งของ) มาเป็นประธานจะต้องใส่ to ที่หน้ากรรมรอง (คน)

***ท่องว่า “กรรมตรงของ ต้อง (กรรม)รองคน”

 

  • ประโยคบอกเล่า:

Active: Joel was creating a YouTube channel.
แปล โจเอลได้สร้างช่อง YouTube

Passive: A YouTube channel was being created (by Joel).
แปล ช่อง YouTube ได้ถูกสร้างโดยโจเอล

***ในส่วนของ by Joel นี้หากว่าไม่เน้นประธานนักเรียนไม่ต้องใส่ก็ได้นะคะ


ข้อสังเกต:

นักเรียนจะเห็นว่าความหมายของทั้งสองประโยคด้านบนจะคล้ายๆกันแต่แตกต่างกันเพียงแค่ประโยค Passive จะเน้นไปที่สิ่งที่ถูกกระทำมากกว่า

 

 

  • Passive voice ที่เคยเรียนมา ก็คือประโยคที่เน้นกรรม “ประธานถูกกระทำ”  มีโครงสร้างง่ายๆ ดังนี้

Subject+ V. to be + V.3 (Past participle)

เช่น

  • Past Simple Tense (Passive):

    A picture was taken 1000 years ago.
    แปล ภาพถ่ายถูกถ่ายเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว

 

  • Past Progressive Tense (Passive):

    The rich man was being shot to death.
    ชายเศรษฐีถูกยิงตาย

 

Past Passive VS Past Simple Tense

***การทำให้เป็นรูปถูกกระทำนั้นจะต้องเรียบเรียงประโยคใหม่ จาก Active เป็น Passive เพราะฉะนั้นการเรียนเรื่องนี้จะทำให้เราเข้าใจการใช้  Passive voice กับความหมายในรูปอดีตกันมากขึ้นจ้า 

M3 Past Passive (4)

การใช้  Past Simple Tense ร่วมกับ Past Passive นั้นเป็นโครงสร้างที่เจอบ่อยมากๆ ทั้งในชีวิตประจำวัน และในข้อสอบ สำหรับการใช้นั้น ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

 

  • โครงสร้าง Past Passive: Subject + was, were, + V.3 (Past Participle)

ตัวอย่างประโยค:

They were scolded by the master.
แปล พวกเขาถูกอาจารย์ดุ

 

ความแตกต่างของ Passive Voice VS Active Voice

Passive Voice คือประโยคที่เน้นกรรม เน้นว่าใครถูกทำ 

Active Voice คือประโยคที่เน้นประธาน เน้นว่าใครทำอะไร

จุดที่มักผิดบ่อยๆ ใน Past Passive

M3 Past Passive (5)

จุดที่มักผิดบ่อยๆ วิธีแก้ให้ถูกต้อง
***เติม V.3 (Past Participle)เข้าไปด้าหลัง
V. to be

ความหมาย

A pizza cooked. A pizza was cooked. พิซซ่าถูกปรุงให้สุก
The new online game was release. The new online game was  released. เกมออนไลน์ใหม่ถูกเปิดตัว
Jennifer had be leave at the haunted house. Jennifer had been left at the haunted house. เจนนิเฟอร์ถูกทิ้งไว้ที่บ้านผีสิง
A dog was be hit to death. A dog was being hit to death. สุนัขถูกตีจนตาย

 

ตัวอย่างประโยคสนทนา

Tiffany: Have you heard from Jane? 
ทิฟฟานี่: คุณได้ยินข่าวคราวเจนบ้างไหม

Jessica:  I have heard that Jane was moved to work in another town.
เจสสิก้า: ฉันได้ยินมาว่าเจนถูกย้ายไปทำงานที่เมืองอื่น

Tiffany:How come? 
ทิฟฟานี่: ได้ยังไงกัน

Jessica: I don’t know for sure.
เจสสิก้า: ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

สรุปโครงสร้าง Past Passive

M3 Past Passive (6)

 

ในภาษาอังกฤษนั้น หากเราสามารถจำโครงสร้างของ Passive voice ได้ จะทำให้เราสามารถใช้ไวยากรณ์ได้อย่างถูกต้อง และสามารถแต่งประโยคได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำข้อสอบโดยเฉพาะข้อสอบ Error ได้อย่างสบาย

 

Tense and Voice Structure Examples
  Past simple   Active   S + V.2 Tiffany washes the dishes.

ทิฟฟานี่ล้างจาน

  Passive   S + was/were + V.3 The dishes were washed ( by Tiffany).
จานถูกล้าง (โดยทิฟฟานี่)
  Past continuous   Active   S + was/were + V.ing My father was cooking a pizza.
พ่อกำลังทำพิซซ่า
  Passive   S + was/were + being + V.3 A pizza was being cooked by my father.

พิซซ่าได้กำลังถูกทำโดยพ่อ

  Past perfect   Active   S + had + V.3 Dominic had found the treasure.

โดมินิคได้พบสมบัติแล้ว

  Passive   S + had + been + V.3 The treasure had been found (by Dominic).

พบสมบัติแล้ว(โดยโดมินิค)

  Past perfect continuous   Active   S + had + been + V.ing We had been making a call for hours.

เราโทรไปหลายชั่วโมงแล้ว
  Passive   S + had + been + being + V.3 We had been being made a call for hours.

เราได้รับโทรศัพท์เป็นเวลาหลายชั่วโมง

เพิ่มเติม: เราสามารถใช้ Passive voice ในการเขียนแบบวิชาการทางการหรืองานเขียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งพบได้ในบทความ หนังสือพิมพ์ วิจัย และผลงานทางด้านวิชาการเป็นส่วนใหญ่น๊า

 

กริยาช่วยกับ Past Passive

 

M3 Past Passive (7)

 

ตัวอย่างการใช้ Passive voice กับ โครงสร้าง “Modal verbs(in the past) + be +V.3” กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would,  may, might can, could, must, ought to, used to แต่โครงสร้าง “Past Passive” จะเน้นกริยาช่วยกลุ่มที่เป็นอดีตนั่นเอง 

***ดังตัวอย่างการเทียบประโยคการใช้ Passive voice ในปัจจุบันกับอดีต 

 Present Passive

Past Passive

 

โครงสร้าง: Modal + be + Past participle  โครงสร้าง:  Modal + have been + Past participle
It can be eaten.
มันสามารถกินได้
It could have been eaten.
มันอาจจะกินได้
A house might be sold.
อาจขายบ้านได้
A house might have been sold.
บ้านอาจจะถูกขายไปแล้ว

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ พอจะเข้าใจ “การใช้ Passive Voice (ในอดีต)”หรือยังเอ่ย  นักเรียนยังสามารถย้อนดูบทเรียน เรื่อง Passive Voice กับการสรุปโครงสร้างแบบง่ายๆ ได้ที่วีดีโอด้านล่างนะคะ

Take care guys!

ดูแลตัวเองด้วยน๊า

 

คลิกปุ่มเพลย์เพื่อทบทวนโครงสร้าง Passive Voice ที่ใช้ในโครงสร้างประโยคง่ายๆ

คลิกปุ่มเพลย์เพื่อดูวีดีโอเรื่อง การใช้ Passive Voice ในรูปอดีตได้ที่วีดีโอด้านล่าง

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ค่าสัมบูรณ์

ค่าสัมบูรณ์

ค่าสัมบูรณ์ ค่าสัมบูรณ์  หรือ Absolute คือค่าของระยะทางจากศูนย์ไปยังจุดที่เราสนใจ เช่น ระยะทางจากจุด 0 ถึง -5 มีระยะห่างเท่ากับ 5 เนื่องจากค่าสัมบูรณ์เอาไว้บอกระยะห่าง ดังนั้นค่าสัมบูรณ์จะมีค่าเป็นบวกหรือศูนย์เท่านั้น ไม่สามารถเป็นลบได้ นิยามของค่าสัมบูรณ์ ให้ a เป็นจำนวนจริงใดๆ จะได้ว่า และ   น้องๆอาจจะงงๆใช่ไหมคะ ลองมาดูตัวอย่างสักนิดนึงดีกว่าค่ะ เช่น เพราะ

หลักการใช้คำราชาศัพท์ รู้ไว้ไม่สับสน

เมื่อได้รู้ความหมาย ที่มาและความสำคัญของคำราชาศัพท์ รวมถึงคำศัพท์หมวดร่างกายไปแล้ว น้อง ๆ ก็คงจะสงสัยใช่ไหมคะ ว่าหลักการใช้คำราชาศัพท์ มีอะไรบ้าง และใช้อย่างไร ต้องใช้แบบไหนถึงจะถูก บทเรียนในวันนี้เราจะมาเรียนรู้หลักการใช้คำราชาศัพท์ที่ถูกต้องกันค่ะ ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันแลย   หลักการใช้คำราชาศัพท์ กับราชวงศ์ไทย     ลำดับพระอิสริยศักดิ์ของพระบรมราชวงศ์สามารถลำดับอย่างคร่าว ๆ ได้ดังนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระราชินี,

CS profile

ประโยคความรวม (Compound Sentence)-2

  สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ที่น่ารักทุกคน เจอกันอีกแล้วจร้ากับไวยากรณ์การเขียนภาษาอังกฤษและวันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคการการใช้ประโยคความรวมในภาษาอังกฤษกันค่ะ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมามากกับคนที่ไม่ชอบเขียน  ครูเอาใจช่วยทุกคนค่า ไปลุยกันเลย   ประโยคความรวม (Compound Sentence)   ประโยคความรวม ภาษาอังกฤษคือ Compound Sentence อ่านว่า เคิมพาวดฺ เซนเท่นสฺ เป็นประโยคที่ประกอบด้วยประโยคความเดียวอย่างน้อย 2 ประโยคโดยมีคำเชื่อมระหว่างประโยค เช่น for, and,

หลักการเบื้องต้นของอัตราส่วน

หลักการเบื้องต้นของอัตราส่วน

“อัตราส่วน คือ ปริมาณ อย่างหนึ่งที่แสดงถึง จำนวน หรือ ขนาด ตามสัดส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับอีก ปริมาณ หนึ่งที่เกี่ยวข้องกัน ที่อาจมีได้ตั้งแต่สองปริมาณขึ้นไป”

เทคนิคการใช้ Yes, No Questions M.1

เทคนิคการใช้ Yes, No Questions ในภาษาอังกฤษ

  สวัสดีค่ะนักเรียน ม.  1 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคและวิธีการอย่างง่ายในการใช้ประโยค Yes/No questions กันค่ะไปลุยกันเลยค่า Yes, No Questions คืออะไร คือ ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบรับ (Yes) หรือปฏิเสธ (No) เป็นการถามที่ผู้ถามอาจจะมีข้อมูลอยู่บ้างว่า ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือผู้ถามอาจจะถามเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นจริงตามที่เข้าใจหรือเปล่า ในที่นี้ครูจึงแยกออกเป็น 3 ชนิดค่ะ คือ ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย

Tense and time

การใช้ Tenses ในภาษาอังกฤษ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา

สวัสดีค่ะนักเรียนม.  1 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูจะพาไปรู้จักกับ การใช้ Tense ต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษกัน ก่อนอื่นมารู้จักTenses กันก่อน Tenses อ่านว่า เท้นสฺ ถ้าเป็นคำ Adjective หรือคุณศัพท์จะแปลว่าหนักหนาสาหัส แต่ถ้าเป็นคำนาม (Noun) จะแปลว่า กาลเวลาค่ะ หัวใจของการเรียนเรื่อง Tense คือ กริยา(verb) เมื่อกริยาเปลี่ยนไปเวลาและเงื่อนไขการใช้งานของ

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1