วิธีการพูดเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำในภาษาอังกฤษ

การชักชวน และแนะนำในภาษาอังกฤษ

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

วิธีการพูดเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำในภาษาอังกฤษ

 

สวัสดีค่ะนักเรียน ม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูวิธีการพูดให้ข้อเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำกันค่ะซึ่งในการเสนอแนะ
หรือชักชวนนั้น ผู้พูดจะแสดงความคิดเห็นเสนอแนะ เพื่อให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยกัน มีการใช้ภาษาหลายระดับ
และใช้รูปประโยคหลายชนิด เช่นเดียวกับการพูดในความหมายต่างๆ ที่ผ่านมาเราจึงต้องใช้รูปประโยคต่างๆ
เช่นประโยคบอกเล่า คำสั่ง ชักชวน เพื่อให้ผู้ฟังทำตาม รวมถึงเทคนิคการตอบรับและปฏิเสธ ดังในตัวอย่างรูปแบบประโยคด้านล่างนะคะ

 

1. ประโยคบอกเล่า (Statement)

 

บอกเล่า

ประโยคบอกเล่าจะมีความหมายในทางเสนอแนะมากกว่าเป็นการให้ความคิดเห็นและแนะว่าควรทำหรือไม่ควรทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งถือเป็นการเสนอแนะโดยตรงมีโครงสร้างดังนี้ค่ะ

ตัวอย่าง

I suggest that you should study more.

ฉันขอเสนอแนะว่า เธอควรเรียนให้มากกว่านี้นะ

 

I advise we should exercise more.

ฉันขอแนะนำว่า เราควรออกกำลังกายให้มากกว่านี้

 

I propose that we should not go trekking while it’s raining.
ฉันขอเสนอว่า เราไม่ควรเดินป่าตอนที่ฝนกำลังตก

 

I ought to be out there with her.
ฉันควรจะไปกับเธอ

2. ประโยคคำสั่ง (Command)

 

คำสั่ง

ประโยคคำสั่งที่ใช้ไนความหมายนี้ มีอยู่รูปเดียวคือ Let’s (Let us) เป็นการชักชวนแบบเป็นกันเอง เช่น เพื่อนชวนเพื่อนออกไปกินข้าว พี่ชวนน้องไปเที่ยว เป็นต้น โดยที่อาจจะไม่ต้องการคำตอบแต่เป็นเพียงความประสงค์ของผู้พูดที่ต้องการ ชวนไปทำอะไรบางอย่างอย่างมีจุดมุ่งหมาย จะเรียกว่าสั่งแบบชวนแบบนั้นก็ได้ค่ะ มีโครงสร้าง ดังนี้นะคะ

 

 

โครงสร้างประโยคคำสั่ง(แบบชักชวน)

 

” Let’s + V. infinitive…”


Ex. Let’s go shopping.
/เลทซฺ  โก  ‘ช้อพปิ่ง/
ไปเที่ยวกันเถอะ 

 

ตัวอย่าง

Let’s do homework now.

มาทำการบ้านกันเถอะเดี๋ยวนี้เลย

Let’s have a cup of tea.

ไปดื่มชากันเถอะ

ปล. บางประโยคอาจจะมีคำว่า Shall we? ต่อท้ายด้วยเพื่อเป็นการชักชวน แปลว่า ไปกันเถอะ (ป้ะ)
เข้ามาด้วย ซึ่งใช้กับเพื่อนหรือการชวนคนที่เราสนิทสนม

เช่น
Let’s have a cup of tea. Shall we?

ไปดื่มชากันเถอะ ป้ะ

 

3. ประโยคคำถาม (Questions)

 

Question

 

การชักชวน และการเสนอแนะที่ใช้เป็นรูปแบบคำถามนั้นถือเป็นการเสนอแนะชักชวนทางอ้อมเพื่อแสดงถึงการเกรงใจซึ่งเป็นนิสัยที่คนไทยส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว ต้องการคำตอบหรือการตกลงไม่ตกลงจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ประโยคคำถามที่ใช้มีดังนี้

 

 

3.1    ถามแบบรูปประโยค Yes/No Question :

Shall we…………?

เรา………กันดีมั้ย

3.2    ถามแบบรูปประโยค  Wh- Questions :

Why don’t we………..?

เรา .. กันมั้ย

How about……….?

…………….ดีมั้ย

3.3  ถามแบบรูปประโยค   Indirect Questions :

I wonder if we…
ฉันไม่ทราบว่า เรา………….มั้ย

 

ตัวอย่าง:

Shall we watch Netflix right now?

ตอนนี้เราดู Netflix กันดีมั้ย

Shall we eat outside today?

วันนี้กินข้าวนอกบ้านกันดีมั้ย

Why don’t we cook today?

เราทำอาหารด้วยกันดีกว่าว่ามั้ย

How about playing tennis this evening?

เย็นนี้ เล่นเทนนิสกันมั้ย

I wondered if we should talk to her like that.

ฉันคิดว่าเราควรพูดกับหล่อนไปแบบนั้นมั้ย

การตอบรับ (Accepting)

 

accepting

That’s very kind of you.
คุณใจดีจัง

I’d love to (come).
ฉันยินดีที่จะมาร่วมด้วย

I’d be delighted to (go).
ฉันเต็มใจที่จะไปมาก

That’s a good/ great idea/ What a good idea.
เป็นความคิดที่ดีมากๆ

That’s interesting.
น่าสนใจดี
Yes
/ Of course/ Certainly/Absolutely/ Surely
ไปแน่นอน

That sounds good/great/fun.
ฟังดูดี ฟังดูสุดยอดมาก ฟังดูน่าสนุกนะ

 

การตอบปฏิเสธ (Refusing)

 

Refusing

I  must say sorry, but I really cannot go.
ต้องขอโทษด้วยนะ ไปไม่ได้จริงๆ

Thank you for your invitation but I’ve been very busy recently.
ขอบคุณที่ชวนนะ แต่ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่ช่วงนี้

 I’m afraid I won’t be able to come.
ดิฉันเกรงว่าคงจะไปไม่ได้นะคะ

Sorry, I’d love to but I already had an appointment.
ขอโทษที ฉันก็อยากไปนะ แต่บังเอิญว่าดันฉันมีนัดแล้วอะ

 I really don’t think I can go, and I must say sorry.
ฉันคิดว่าฉันคงจะไปไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องขอโทษนะคะ

 

5 ข้อสรุปหลักการใช้ประโยคชักชวนแนะนำ

 

5 Conclusions

  1. Let me ใช้สำหรับขออนุญาตและเสนอตัวส่วน Let’s (Let us) ใช้สำหรับการชักชวน
  2. ในประโยคที่ตามหลังกริยา เกี่ยวกับการเสนอแนะ หรือแนะนำ ไม่จำเป็นต้องใส่ should นะจ้ะ
    แต่ต้องมี Verb infinitive ตามหลังด้วย เช่น

 

I suggest we (should) eat on time.
ฉันขอแนะนำว่าเราควรจะกินข้าวตรงเวลานะ

I advise that we (should) not eat too much.

ฉันขอแนะนำว่า เราไม่ควรรับประทานมากเกินไป

 

  1. การที่เราจะใช้ Shall I +V. Infinitiveนั้นส่วนใหญ่จะใช้กับการเสนอตัวแต่ส่วนของการใช้ Shall we+ V. Infinitive…
    ใช้สำหรับการเสนอแนะชักชวน
  2. การใช้ Why don’t we + V. Infinitive… มีความหมายเป็นได้ทั้งถามธรรมดาและการชักชวนก็ได้ขึ้นอยู่กับ บริบท ที่ใช้งานนะคะ
    เช่นตัวอย่างด้านล่าง

 

Why don’t we like him?

ทำไมพวกเราถึงไม่ชอบเขากันนะ

 

  1. How about ตามด้วยกริยาเติม …ing (Gerund) มีความหมายเป็นการชักชวนแบบเป็นกันเอง ใช้กับคนที่เราสนิทด้วย
    เช่น

How about having a dinner at the new restaurant?
ไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารที่เปิดใหม่กันดีกว่า

 

ครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเรียนที่น่ารักทุกคนจะได้รับประโยชน์และความรู้จากการอ่านบทความนี้นะคะ ขอให้สนุกและมีความสุขกับการเรียนนะคะทุกคน
เลิฟๆ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

Imperative Sentence: เรียนรู้การใช้ประโยคคำสั่ง ขอร้องในชีวิตประจำวัน

เชื่อว่าชีวิตประจำวันของน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ที่บ้าน หรือเวลาออกไปเที่ยว น้องๆ อาจจะเคยได้ยินประโยคประมาณนี้กันมาบ้าง

Turn off the computer! (จงปิดคอมพิวเตอร์!)

Please pass me the sugar (ช่วยส่งน้ำตาลมาให้ที)

Drink a lot of water (ดื่มน้ำเยอะๆ)

ประโยคเหล่านี้ภาษาอังกฤษมีชื่อเรียกว่า Imperative Sentence วันนี้เราจะมาดูกันว่า Imperative Sentence คืออะไร และสามารถใช้ในสถานการณ์ไหนได้บ้าง

Imperative Sentence

Imperative Sentence: การใช้ประโยคคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำง่ายๆ

สวัสดีครับน้องๆ 🙂 วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องประโยคคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำในภาษาอังกฤษ หรือที่เรียกว่า “Imperative Sentence” กันครับ

เรียนรู้การเขียนเชิงวิชาการ อย่างง่ายเพียง 4 ขั้นตอน

การเขียนเชิงวิชาการ อาจจะดูเป็นการเขียนที่ยากในความคิดของหลาย ๆ คน เพราะดันมีคำว่า วิชาการ อยู่ด้วยนั่นเอง แต่น้อง ๆ ทราบไหมคะว่าที่จริงแล้วการเขียนเชิงวิชาการนั้นไม่ได้ยุ่งยากและซับซ้อนเลย แถมยังมีวิธีขั้นตอนการเขียนที่ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น ถ้าน้อง ๆ อยากรู้แล้วว่ามันจะง่ายขนาดนั้นจริงหรือ? เราไปหาคำตอบของเรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   การเขียนเชิงวิชาการ คืออะไร?   คือ องค์ความรู้เชิงวิชาการที่ได้จากการตกผลึกทางความคิดของผู้เขียนที่ต้องการถ่ายทอดหรือสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ผ่านกระบวนการเรียบเรียง โดยอาศัยการศึกษาค้นคว้า สำรวจ

NokAcademy_ProfilePastTense

มารู้จักกับ Past Tenses กันเถอะ

สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคและวิธีการใช้ Past Tenses ที่ไม่ได้มีแค่ Past Simple Tenses นะคะ   มาทบทวนเรื่อง Past Tenses กันเถอะ     การพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตนั้นสามารถพูดได้หลายรูปแบบ แต่จะพูดอย่างไรให้สอดคล้องกับบริบทนั้นย่อมสำคัญเช่นกัน และก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักก่อนว่า การเล่าถึงงเหตุการณ์ในอดีตนั้นเราสามารถเล่าได้หลายแบบ ครูจะขอยกตัวอย่างจากสถาณการณ์การใช้ไปหาโครงสร้างและคำศัพท์ที่จำเป็นเพื่อให้เราเข้าใจความสำคัของ Tense นั้นๆ ร่วมกับเทคนิค “Situational

เส้นตรง

เส้นตรง

เส้นตรง เส้นตรง มีสมการรูปแบบทั่วไปคือ Ax + By + C = 0 และสมการรูปแบบมาตรฐานของเส้นตรงจะเขียนอยู่ในรูป y = mx + C ซึ่งจะอยู่ในหัวข้อ “สมการเส้นตรง” เส้นตรงหนึ่งเส้นประกอบไปด้วยจุดหลายจุด ซึ่งจุดเหล่านี้จะทำให้เราสามารถหาความชันได้ และเมื่อเราทราบความชันก็จะสามารถหาสมการเส้นตรงได้นั่นเอง ความชันของเส้นตรง ความชันของเส้นตรง ส่วนใหญ่นิยมใช้ m

โจทย์ปัญหาการนำเสนอข้อมูล

โจทย์ปัญหาการนําเสนอข้อมูล

บทความนี้จะยกตัวอย่างเกี่ยวกับโจทย์ปัญหาการนำเสนอข้อมูลให้น้องๆทราบถึงวิธีคิดหรือวิธีทำเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1