Life is Simple: ทำความรู้จัก Present Simple Tense

เรื่อง Tense (กาล) ในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง และ Tense ที่เป็นพื้นฐานสุดๆ และน้องๆ จะพบเจอบ่อยที่สุดก็คือ Present Simple นั่นเอง วันนี้เราจะมาปูพื้นฐานและทบทวนความรู้เรื่องนี้กันครับ

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

 

ลักษณะของ Present Simple

โครงสร้างของ Present Simple คือ ประธาน (Subject) ตามด้วยกริยาทั่วไปในรูปปัจจุบัน (Verbs in Present Form) หรือน้องๆ อาจะคุ้นเคยในชื่อกริยาช่องที่ 1 และถ้าเป็น Verb to be ก็จะใช้รูป is, am, are

ตัวอย่าง

I communicate in English sometimes.

(ฉันสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเป็นครั้งคราว)

You speak very good English.

(คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก)

They appreciate his help.

(พวกเขาซาบซึ้งกับการช่วยเหลือของเขา)

We are all equal.

(เราทุกคนเท่าเทียมกัน)

หากประธานเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 (He, She, It) ชื่อคน หรือสิ่งที่เป็นเอกพจน์ กริยาจะต้องเติม -s หรือ -es เช่น

He loves dancing and exercising.

(เขารักในการเต้นและการออกกำลังกาย)

She forgets to call him back.

(เธอลืมโทรกลับหาเขา)

Mika does a part-time job as a dish washer.

(มิกะทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานล้างจาน)

The train arrives at 10 pm.

(รถไฟมาถึงเวลาสี่ทุ่ม)

 

การใช้งาน Present Simple

เรามักจะใช้ Present Simple เพื่อบอกความจริง เรื่องทั่วไป นิสัยและสิ่งที่ทำเป็นประจำ ตารางเวลา บางครั้งใช้กับเหตุการณ์ที่แน่นอนในอนาคตอันใกล้ได้ด้วย

1) ใช้เพื่อบอกความจริง พูดถึงความจริงในปัจจุบัน เช่น

Bangkok is a capital city of Thailand.

(กรุงเทพคือเมืองหลวงของประเทศไทย)

It always rains in May.

(ฝนตกตลอดในเดือนพฤษภาคม)

Many trees lose their leaves in Autumn.

(ต้นไม้หลายชนิดผลัดใบในฤดูใบไม้ร่วง)

 

2) ใช้บอกสิ่งที่ทำเป็นประจำ เป็นกิจวัตร เช่น

I always go to the gym every weekend.

(ฉันไปยิมเป็นประจำทุกสัปดาห์)

He never skips the school.

(เขาไม่เคยโดดเรียนเลย)

She travels to Singapore once a month.

(เธอไปเที่ยวที่สิงคโปร์เดือนละครั้ง)

 

3) ตารางเวลาหรือเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน เช่น

The train to Chiang Mai leaves at 9 pm tonight.

(รถไฟที่จะไปเชียงใหม่ออกเดินทางเวลาสามทุ่ม)

The orientation starts at 9 o’clock.

(การปฐมนิเทศเริ่มตอนเก้าโมง)

The second semester starts next week.

(ภาคเรียนที่สองเริ่มอาทิตย์หน้า)

 

Present Simple ในรูปปฎิเสธ

การทำให้ Present Simple อยู่ในรูปปฎิเสธนั้นทำได้โดย

1) ใช้ do/does + not มาช่วย หากเป็นกริยาทั่วไป (ใช้ do หรือ does ให้ดูประธาน)

2) เติม not ได้เลย หากเป็น Verb to be (is/am/are)

ตัวอย่าง

The bus does not arrive at 11 am.

(รถบัสไม่มาตอนสิบเอ็ดโมง)

Singapore is not a big country.

(สิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศขนาดใหญ่)

They do not want to go to the cinema.

(พวกเขาไม่อยากไปโรงภาพยนตร์)

He does not practise hard enough.

(เขาฝึกไม่หนักมากพอ)

 

Present Simple ในรูปคำถาม

คล้ายๆ กับรูปปฎิเสธ น้องๆ สามารถทำได้โดย

1) เอา do/does มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประธานและกริยา

2) นำ Verb to be มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประโยคที่เหลือ

3) ห้ามลืมเครื่องหมายคำถาม (?) ท้ายประโยค

ตัวอย่าง

Do you speak English?

(คุณพูดภาษาอังกฤษไหม?)

Does Lilly want to join our party?

(ลิลลี่อยากเข้าร่วมปาร์ตี้ของเราหรือเปล่า?)

Is Harry a good student?

(แฮร์รี่เป็นนักเรียนที่ดีไหม?)

 

Adverbs of Frequency

ในประโยคที่เป็น Present Simple น้องๆ มักจะพบคำที่บอกความถี่ (Adverbs of Frequency) ในประโยค เช่น

I always check my emails in the morning.

(ฉันเช็คอีเมลเป็นประจำทุกเช้า)

Laura usually stay at home during the pandemic.

(ลอร่าอยู่ที่บ้านในช่วงโรคระบาดเสมอๆ)

It occasionally snows in winter.

(หิมะตกเป็นบางครั้งในช่วงฤดูหนาว)

She seldom attends a meeting.

(เธอไม่ค่อยเข้าร่วมประชุม)

George never participates in group activities.

(จอร์จไม่เคยให้ความร่วมมือในกิจกรรมกลุ่มเลย)

 

Adverbs of Frequency  ที่มักพบบ่อยๆ มีดังนี้

หรือบางครั้งน้องๆ อาจจะเจอคำบอกความถี่แบบเจาะจง เช่น

Thai people celebrates Thai New Year or ‘Songkran’ every year.

(คนไทยเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ทุกปี)

Monica and I go to the theatre every month.

(โมนิกาและฉันไปโรงละครทุกเดือน)

We go out for Chinese food weekly.

(พวกเราออกไปทานอาหารจีนทุกสัปดาห์)

หรือคำอื่นๆ เช่น every day, daily, once a week, twice a month, hourly, annually, etc.

 

อย่างที่บอกน้องๆ ไปนะครับว่า Present Simple นั้นเป็นอะไรที่เราจะเจอบ่อยมากๆ ฉะนั้นจงหมั่นทบทวนและใช้อย่างถูกต้องกันนะครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ข้อสอบO-Net เรื่องจำนวนจริง

ข้อสอบO-Net ข้อสอบO-Net ในบทความนี้จะคัดเฉพาะเรื่องจำนวนจริงมาให้น้องๆทุกคนได้ดูว่าที่ผ่านมาแต่ละปีข้อสอบเรื่องจำนวนจริงออกแนวไหนบ้าง โดยบทความนี้พี่ได้นำข้อสอบย้อนหลังของปี 49 ถึงปี 52 มาให้น้องๆได้ดูพร้อมเฉลยอย่างละเอียด เมื่อน้องๆได้ศึกษาโจทย์ทั้งหมดและลองฝึกทำด้วยตัวเองแล้ว น้องๆจะสามารถทำข้อสอบทั้งของในโรงเรียนและข้อสอบO-Net ได้แน่นอนค่ะ ข้อสอบO-Net เรื่องจำนวนจริง ปี 49   1.   มีค่าเท่ากับข้อในต่อไปนี้     60      

แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

บทความนี้จะเป็นการ แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ซึ่งอสมการ เป็นประโยคที่แสดงถึงการไม่เท่ากัน โดยมีวิธีการหาคำตอบคล้ายๆกับสมการ น้องๆสามารถศึกษาบทความเรื่องโจทย์ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว เพื่อศึกษาวิธีการแก้สมการและนำมาประยุกต์ใช้กับการแก้อสมการเพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒โจทย์ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว⇐⇐ แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว        อสมการ (inequality) เป็นประโยคที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของจำนวนโดยมีสัญลักษณ์  <, >, ≤, ≥ หรือ ≠  แสดงความสัมพันธ์         อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

การชักชวน และแนะนำในภาษาอังกฤษ

วิธีการพูดเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำในภาษาอังกฤษ

  สวัสดีค่ะนักเรียน ม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูวิธีการพูดให้ข้อเสนอแนะ ชักชวน และแนะนำกันค่ะซึ่งในการเสนอแนะ หรือชักชวนนั้น ผู้พูดจะแสดงความคิดเห็นเสนอแนะ เพื่อให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยกัน มีการใช้ภาษาหลายระดับ และใช้รูปประโยคหลายชนิด เช่นเดียวกับการพูดในความหมายต่างๆ ที่ผ่านมาเราจึงต้องใช้รูปประโยคต่างๆ เช่นประโยคบอกเล่า คำสั่ง ชักชวน เพื่อให้ผู้ฟังทำตาม รวมถึงเทคนิคการตอบรับและปฏิเสธ ดังในตัวอย่างรูปแบบประโยคด้านล่างนะคะ   1. ประโยคบอกเล่า (Statement)  

โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

บทความนี้ได้รวบรวม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ไว้หลากหลายตัวอย่าง ซึ่งแสดงวิธีคิดอย่างละเอียด สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย แต่ก่อนที่น้องๆจะได้เรียนรู้การแก้อโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว น้องๆสามารถทบทวน อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวเพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒ แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ⇐⇐ ในการแก้ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว จะต้องใช้สัญลักษณ์ของอสมการแทนคำเหล่านี้ <   แทนความสัมพันธ์น้อยกว่า หรือไม่ถึง >   แทนความสัมพันธ์มากกว่า หรือเกิน ≤   แทนความสัมพันธ์น้อยกว่าหรือเท่ากับ หรือไม่เกิน ≥  แทนความสัมพันธ์มากกว่าหรือเท่ากับ

การพูดรายงานหน้าชั้น พูดอย่างไรให้ได้ใจผู้ฟัง

การพูดรายงานหน้าชั้น เป็นการแสดงผลงานศึกษาค้นคว้าโดยนำมาบอกเล่า ชี้แจง นำเสนอให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย การพูดรายงานจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ความคิด บทเรียนในวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้กันว่าหลักในการพูดรายงานหน้าชั้นนั้นมีอะไรบ้าง พูดอย่างไรจึงจะดึงดูดผู้ฟัง รวมไปถึงมารยาทขณะที่ออกไปพูดด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ   หลักการพูดรายงานหน้าชั้น     1. กล่าวทักทายผู้ฟัง แนะนำผู้ร่วมงาน หัวข้อ จุดประสงค์ การทักทายถือเป็นการสร้างความประทับใจแรกให้แก่ผู้ฟัง ไม่ว่าหัวข้อที่เราจะนำมาพูดหน้าชั้นคืออะไร แต่หากเราพูดเนื้อหาขึ้นมาเลยแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ก็อาจจะทำให้ผู้ฟังไม่อยากฟัง หรือคิดว่าการพูดหน้าชั้นของเราเป็นเรื่องน่าเบื่อ

NokAcademy_ ม.5 Modlas in the Past

Modals in the Past

  สวัสดีค่านักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดู ” Modals in the Past “ ที่ใช้บ่อยพร้อมเทคนิคการใช้งานง่ายๆกันค่า Let’s go! ไปลุยกันเลยจร้า   ทบทวน Modal Verbs      Modal Auxiliaries คือ กริยาช่วยกลุ่ม  Modal

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1