สำนวนการเสนอ การขออนุญาต และขอความช่วยเหลือ

Suggesting Profile

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม. 4 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุย “สำนวนการเสนอ การขออนุญาต และขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งเทคนิคการพูดตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า

สำนวนการเสนอ

Suggesting Profile (2)

 

ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ล้วนจะต้องเจอกลุ่มประโยคคำถามในเชิงชักชวน และการเสนอแนะที่ใช้เป็นรูปแบบคำถามนั้นถือเป็นการเสนอแนะชักชวนทางอ้อม ถ้าเทียบกับนิสัยคนไทยแล้ว ก็เพื่อแสดงถึงความเกรงใจ ไม่พูดมาตรงๆ เพื่อจุดประสงคืบางอย่าง ซึ่งเป็นนิสัยที่คนไทยส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว ในภาษาอังกฤษการใช้ภาษาเหล่านี้จะทำให้การสนทนาดูเป็นธรรมชาติและคล่องมากขึ้น โดยที่บางครั้งผู้ถามนั้นหว่านล้อมผู้ฟังด้วยการ ชวนให้ทำ หรือแนะนำให้ทำนั่นเอง ประโยคคำถามที่ใช้มีดังนี้

 

  • ถามแบบรูปประโยค Yes/No Question :

Shall we…………?

เรา………กันดีมั้ย

  • ถามแบบรูปประโยค Wh- Questions :

Why don’t we………..?

เรา .. … กันมั้ย

How about……….?

…………….ดีมั้ย

  • ถามแบบรูปประโยค  Indirect Questions :

ตัวอย่าง:

Shall we read books at the library?

เราไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกันเถอะ

Why don’t we walk to school?

ทำไมเราไม่เดินไปโรงเรียนกันนะ (หรือ เดินไปโรงเรียนกันดีกว่า)

How about playing a football after school?

เย็นนี้ เล่นฟุตบอลกันเถอะ

I wondered if we should sit with them?

ฉันว่าเราควรไปนั่งกับพวกเขากันเถอะ

Shall we book a movie ticket?

เราจองตั๋วหนังกันดีมั้ย

Shall we go to the wedding?
เราควรไปงานแต่งกันมั้ย

I wondered if we can wear a mask during Covid-19 everyday?
ฉันว่าเราควรใส่หน้ากากทุกวันในช่วงโควิดนี้

How about eating out today?
วันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่า

ประโยคขออนุญาตที่ใช้บ่อย

 

Suggesting Profile (3)

  • โครงสร้าง: May + subject+….please?

รูปประโยคนี้เป็นประโยคที่ “สุภาพ ใช้ขออนุญาตผู้ที่เราเคารพ อายุมากกว่า เช่นครู พ่อแม่ เป็นต้น

May I go to the toilet please?
ขออนุญาตไปห้องน้ำได้มั้ยคะ/ครับ

 

  • โครงสร้าง:  Can + Subject + …please?หากต้องการให้สุภาพมากขึ้นควรใช้ please ในประโยค ซึ่ง please นี้สามารถวางไว้หลังประธาน หรือ ท้ายประโยคก็ได้จร้า การใช้ can จะพบได้โดยทั่วไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้คล้ายๆกับ may กล่าวคือ ใช้กับบอส รุ่นพี่ พ่อแม่ ครู อาจารย์ พระ เป็นต้น

Can you please give me some money? I’m pretty broke.

ขอตังค์หน่อยได้มั้ย ช่วงนี้ถังแตกมากๆ

 

Can I hang out with my friends tonight?

ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนได้มั้ยคะ/ครับ คืนนี้

 

  • โครงสร้าง:   Do you mind if +subject…..?

mind ในความหมายนี้แปลว่า รังเกียจ โครงสร้าง Do you mind if + subject…..?

 จะแปลว่า คุณจะรังเกียจไหมถ้า…..เช่นตัวอย่างด้านล่าง

 

Do you mind if I stay here tonight?
คุณจะรังเกียจมั้ยถ้าฉันจะขอค้างคืนที่นี่

 

Daughter: Do you mind if I go out with Danny?

ลูกสาว: พ่อจะโอเครมั้ยถ้าหนูจะออกไปกับแดนนี่
Dad: Why not? But please don’t come home late.
พ่อ: ไปสิ แต่อย่ากลับดึกนะ

 

 

การแสดงความต้องการ

มารู้จักกับประโยคคำสั่ง

 

Question: สงสัยมั้ยว่า need/want /would like to have สามคำนี้ต่างกันยังไง?

ตัวอย่างการใช้ need VS want  ในประโยคบอกเล่า เช่น

I need some sugar. ฉันอยากได้น้ำตาล
***ค่อนข้างเป็นภาษาระดับกันเองมากๆ

I want some sugar. ฉันต้องการน้ำตาล
****เป็นภาษาระดับกลาง ใช้กับคนสนิทหรือ บุคคลทั่วไป

หากต้องการถามขอน้ำตาลก็สามารถพูดได้ว่า

Can I have some sugar please?
ขอน้ำตาลหน่อยค่ะ/ครับ

***ในกรณีที่ต้องใช้ประโยคคำถามแบบสุภาพมากๆ ซึ่ง มักจะเจอในบริบทที่ เป็นทางการ หรือ สถานการณ์ที่เราไม่คุ้นเคย ซื้อของกับพนักงาน บทสนทนาในร้านอาหาร จะใช้ โครงสร้าง “I would like to have + สิ่งที่ต้องการ ..เช่น

 

Situation: At the restaurant. ณ ร้านอาหาร

James: I would like to have some water please!
แปลว่า ขอน้ำด้วยนะคะ/ครับ
***จะสังเกตได้ว่าเป็นภาษาพูดที่สุภาพมากๆเลยจร้า

Waitress: Here you are sir.
แปลว่า นี่ค่ะน้ำ คุณผู้ชาย

 

ประโยคเสนอแนะที่เจอบ่อย

 

ประโยคแนะนำ

คำศัพท์น่าสนใจ

Advice (Noun): คำแนะนำ
Advise (Verb): แนะนำ

 

ประโยคคำแนะนำ ส่วนใหญ่แล้วจะเจอในรูปแบบของประโยคบอกเล่า ซึ่งจะมีความหมายในทางเสนอแนะ มากกว่า บางครั้งก็เป็นการให้ความคิดเห็นและแนะว่าควรทำหรือไม่ควรทำสิ่งใด สิ่งหนึ่งถือเป็นการเสนอแนะโดยตรงมีโครงสร้างดังนี้

 Subject + suggest/advise/propose + (that) +…..

 ตัวอย่าง

I suggest (that) you should take a bus to school.

ฉันขอเสนอแนะว่า เธอควรขึ้นรถบัสไปโรงเรียน

 

I advise  (that) we should go jogging everyday.
ฉันแนะนำว่า เราควรไปวิ่งทุกวัน

 

I propose (that) we should not miss the flight.
ฉันขอเสนอว่า ว่าเราไม่ควรตกเที่ยวบิน

 

I advise (that) you should water your plants every day.
ฉันแนะนำให้คุณรดน้ำต้นไม้ทุกวัน

I advise (that) you should take a medicine everyday.
ฉันแนะนำให้คุณทานยาทุกวัน

 

 

รูปแบบและโครงสร้างประโยค Imperative sentence ที่ควรรู้

 

Imperative Sentence

 

  • Imperative sentence ในรูปแบบประโยคบอกเล่าจะ ใช้ Verb base form (V.1) ขึ้นต้นประโยคแล้วตามด้วยสิ่งที่จะสั่งให้ทำ หรืออาจใช้ Verb แค่คำเดียวก็ได้ เช่น

Help! ช่วยด้วย
Help me pelase! กรุณาช่วยด้วย
Help me please anyone! ใครก็ได้ช่วยที

Move out! แปลว่า ออกไป
Move on. แปลว่า เดินหน้าต่อไปได้แล้วนะ
Stay strong. แปลว่า เข้มแข็งหน่อยสิ
Go for it. แปลว่า ลุยเลย
Stay focus. แปลว่า มีสมาธิหน่อยสิ
Listen up! แปลว่า ตั้งใจฟัง
Quiet please! แปลว่า กรุณาเงียบๆด้วย
Hans up! แปลว่า ยกมือขึ้น

อธิบายเพิ่มเติม: ถ้าต้องการให้ประโยค Imperative สุภาพยิ่งขึ้น ควรเติม ‘do’ ไว้ข้างหน้า ตัวอย่างเช่น

 Do study hard. แปล ต้องขยันเรียนนะ

 Do come. แปล ต้องมานะ

 Do go to school.  แปล ต้องไปโรงเรียนนะ
Do have breakfast every morning. แปล ต้องทานอาหารเช้าทุกๆ เช้านะ
Do miss me sometimes! แปล คิดถึงฉันด้วยนะ

 

  • ใช้ Verb ‘be’ ขึ้นต้นประโยค เช่น

Be helpful! 
แปลว่า ทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วย

Be a good boy.
แปลว่า จงเป็นเด็กดี

Be a good role model.
แปลว่า จงเป็นตัวอย่างที่ดี

Be proud of yourself.
แปลว่า จงภูมิใจในตัวเอง

Be brave.
แปลว่า จงกล้าหาญ

Be kind.
แปลว่า จงมีเมตตา
Be humble.
แปลว่า จงถ่อมตัว
Be eager to learn.
แปลว่า จงกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้

 

Imperative sentence ในรูปแบบประโยคปฏิเสธ หากต้องการทำให้เป็นรูปแบบประโยคปฏิเสธ เพียงแค่วาง do not (don’t) หน้าคำกริยา จะได้โครงสร้าง Don’t + V. infinitive เช่น

 

Don’t eat late.
= อย่าทานข้าวสาย

 

Don’t copy a homework.
= อย่าลอกงานเพื่อน

Don’t go alone during a night time.
= อย่าไปคนเดียวตอนดึกๆ

 

  • Imperative sentence ที่ขึ้นต้นด้วยกริยา ‘be’ ก็เช่นเดียวกัน เพียงวาง don’t หน้ากริยา be เช่น

Don’t be silly.
= อย่างี่เง่า

Don’t be noisy here.
= อย่าเสียงดังที่นี่

Don’t be grumpy.
= อย่าวีน (อย่าอารมณ์เสียเลย)

 

 

 

ประโยคและวลีเพื่อการตอบรับ (Accepting)

 

การตอบรับ (Accepting)

Yes!
ได้เลย

Of course.
แน่นอน

That’s a good/ great idea/ What a good idea.
เป็นความคิดที่ดีมากๆ

That’s interesting.
น่าสนใจดี

Yes/ Of course/ Certainly/Absolutely/ Surely
ไปแน่นอน

 ประโยคและวลีเพื่อการตอบปฏิเสธ (Refusing):

 

การตอบปฏิเสธ (Refusing)

Sorry, I can’t go.
ขอโทษด้วยนะ ฉันไปไม่ได้

Sorry! I’m in a hurry!
ขอโทษนะ ฉัน/ผมรีบอยู่

Sorry, I already had a plan.
ขอโทษนะพอดีว่ามีแผนแล้ว

I’m afraid I won’t be able to go.
ดิฉันเกรงว่าคงจะไปไม่ได้นะคะ

Sorry, I’d love to but I already had an appointment.
ขอโทษที
ฉันก็อยากไปนะ แต่บังเอิญว่าดันฉันมีนัดแล้วอะ

 I really don’t think I can go, and I must say sorry.
ฉันคิดว่าฉันคงจะไปไม่ได้จริงๆค่ะ
ต้องขอโทษนะคะ

 

ในภาษาอังกฤษ หากว่าเราไม่พูด หรือ ถามออกมาตรงๆ ก็เพราะว่าต้องการให้ภาษาพูดสอดคล้องกับบริบทให้มาก เช่น ผู้พูดจะต้องคำนึงถึง อายุ สถานะ  สถานที่
และเพศสภาพของผู้ที่พูดด้วย  
ครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเรียนที่น่ารักทุกคนจะได้รับประโยชน์และความรู้จากการอ่านบทความนี้นะคะ ขอให้สนุกและมีความสุขกับการเรียนนะคะทุกคน

 

อย่าลืมทบทวนบทเรียนกับวีดีโอด้านล่าง นะคะ คลิกตรงปุ่มเพลย์ แล้วไปเรียนให้ได้สนุกสร้างเสริมองค์ความรู้ภาษาอังกฤษแบบปังๆกันจร้า
เลิฟๆ Take care guys!

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
เรียนพิเศษออนไลน์ ดูได้ทั้ง 4 รายวิชา - NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การเขียนเรียงความ

เทคนิคการเขียนเรียงความง่าย ๆ ที่จะช่วยถ่ายทอดความคิดให้เป็นขั้นตอน

การเขียนเรียงความ เป็นทักษะการเขียนที่มีสำคัญมาก เพราะเป็นการถ่ายทอดความคิดให้ออกมาอยู่ในรูปของตัวอักษร จะมีวิธีเขียนอย่างไรบ้างนั้น บทเรียนในวันนี้จะทำให้น้อง ๆ มีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการเขียนเรียงมากขึ้น จะเป็นอย่างไรนั้น ไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ     เรียงความ เป็นทักษะการเขียนที่แสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิด ความเห็น ความเข้าใจของผู้เขียน มีรูปแบบและวิธีการเขียนที่มีแบบแผน เพื่อถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวอักษรให้น่าอ่าน และยังเป็นพื้นฐานของการเขียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความหรือนวนิยายอีกด้วย โดยประเภทของการเขียนเรียงความมีดังนี้ 1. เรื่องที่เขียนเพื่อความรู้ 2. เรื่องที่เขียนเพื่อความเข้าใจ

จุด

จุด : เรขาคณิตวิเคราะห์

จุด จุด เป็นตัวบอกตำแหน่งของสิ่งต่างๆ เช่น ตำแหน่งของสถานที่ต่างๆ ในเรื่องเรขาคณิตวิเคราะห์ จุดใช้บอกตำแหน่งในระนาบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ เช่น   ระยะทางระหว่างจุดสองจุด เราสามารถหาระยะทางระหว่างจุดสองจุดได้ โดยใช้สูตร โดยจะกำหนดให้  และ  เป็นจุดในระนาบ เราจะได้ว่าระยะห่างระหว่างจุดทั้งสองหาได้จาก ตัวอย่าง ระยะห่างระหว่าง A(1,1) และ

ลิลิตตะเลงพ่าย

ถอดความหมายตัวบทเด่นใน ลิลิตตะเลงพ่าย

ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นวรรณคดีเรื่องดังที่มีตัวบทเด่น ๆ มากมาย สำหรับการถอดคำประพันธ์ในวันนี้เราได้คัดเลือกบทเด่น ๆ มาให้น้อง ๆ ได้เรียนกันถึง 13 บทเลยทีเดียว แต่เพราะเนื้อหาที่สนุก ภาษาที่สละสลวย รับรองว่าน้อง ๆ จะไม่มีทางเบื่อวรรณคดีเรื่องนี้แน่นอน ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนความหมายของแต่ละบทพร้อมกันเลยนะคะ ตัวบทเด่น ๆ ใน ลิลิตตะเลงพ่าย   บทที่ 1  

Profile where + preposition P6

การใช้ประโยค Where’s the + (Building) + ? It’s + (Preposition Of Place)

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.6 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาทุกคนไปเรียนรู้เกี่ยวกับ ประโยค การถามทิศทาง แต่เอ้ะ Where is the building? แปลว่า ตึกอยู่ที่ไหน ประโยคนี้เป็นการถามทางแบบห้วนๆ ที่ใช้กับคนที่เราคุ้นชินหรือคนที่เรารู้จัก แต่หากนักเรียนต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องถามกับคนแปลกหน้าโดยเฉพาะฝรั่ง คงต้องมาฝึกถามให้สุภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการเกริ่นขึ้นก่อนที่เราจะถามนั่นเองค่ะ ซึ่งนักเรียนที่รักทุกคนได้เรียนรู้ในบทเรียนนี้นะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย รูปแบบการถามทิศทาง   โครงสร้างประโยคถามแบบตรงๆ (Direct Question) “

ประโยคและวิธีการใช้ Would like กับ Wh-questions

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.5 ที่รักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูตัวอย่างประโยคและวิธีการใช้ Would like กับ Wh-questions กันค่ะ ไปลุยกันเลย ตารางเปรียบเทียบประโยคก่อนเข้าสู่บทเรียน: คำถาม Wh-questions VS Yes-no Questions ประโยคคำถามแบบ Wh-question “what” ประโยคคำถามที่ใช้ would + Subject +like…

Nockacademy web logo 3

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

Nockacademy web logo 3

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1