Comparison of Adjectives : การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์

สวัสดีน้องๆ ม. 3 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง Comparison of Adjectives กันครับ ถ้าน้องๆ พร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
Comparison of Adjectives

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Comparison of Adjectives (การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์)

เรื่องการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ หรือ Comparison of Adjectives นั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่เข้าใจได้ไม่ยากเลยครับ ก่อนอื่นนั้นเราลองมาดูความหมายของคำว่า คำคุณศัพท์ (Adjective) กันก่อนนะครับ

 

คำคุณศัพท์ (Adjective) หรือตัวย่อว่า adj. ในภาษาอังกฤษนั้นคือคำที่ใช้ในการอธิบาย รูปร่าง ลักษณะนิสัย หรือคุณสมบัติต่างๆ ของคำนาม (Noun) ที่ต้องการนั่นเองครับ ตัวอย่างเช่น

tall (adj.) = สูง
a tall man = ผู้ชายตัวสูง
จากตัวอย่างนี้ tall ที่เป็น adjective ใช้ขยายคำนามคือ man เพื่อบอกรูปร่างของผู้ชายคนนี้นั่นเองครับ

 

ซึ่งการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์นั้นก็คือการที่เรานำ “คำนาม 2 คำ มาเปรียบเทียบกันโดยใช้คำคุณศัพท์” ครับ จะขอยกตัวอย่างประโยคนี้นะครับ

Mike is taller than Laura.
= ไมค์ตัวสูงกว่าลอร่า
จากประโยคดังกล่าวน้องๆ จะสังเกตเห็นว่ามีการเปรียบเทียบความสูง ระหว่างคนสองคนคือไมค์และลอร่านั่นเองครับ

Comparative and Superlative (การเปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสุด)

ซึ่งในภาษาอังกฤษจะมีหลักการเปรียบเทียบอยู่ 2 ข้อด้วยกันครับนั่นคือ

  • Comparative (การเปรียบเทียบขั้นกว่า) และ
  • Superlative (การเปรียบเทียบขั้นสุด)

เรามาเริ่มจากการเปรียบขั้นกว่าก่อนนะครับ

การเปรียบเทียบขั้นกว่านั้นจะใช้เวลาที่เราต้องการบอกว่า “A … กว่า B” อย่างประโยคที่ยกตัวอย่างไปข้างบนคือ Mike is taller than Laura ก็เป็นการเปรียบเทียบขั้นกว่าครับ ซึ่งจะมีโครงสร้างและหลักการดังนี้

Comparison Comparative

 

หลักการเปลี่ยนรูป Adjective ใน Comparative

  • หากเป็นกริยา 1-2 พยางค์ ให้เติม -er ตามด้วย than เช่น tall = taller than, deep = deeper than, high = higher than
  • หากเป็นคำสั้นที่มีโครงสร้าง พยัญชนะ-สระ-พยัญชนะ ให้เพิ่มพยัญชนะท้ายเข้าไปอีกหนึ่งตัวก่อนเติม -er เช่น big = bigger
  • หากเป็นคำที่ลงท้ายด้วย Y ให้เปลี่ยน Y เป็น I ก่อน จึงเติม -er เช่น pretty = prettier, heavy = heavier
  • หากเป็นคำที่มี 3 พยางค์ขึ้นไป ให้ใช้โครงสร้าง more … than เช่น beautiful = more beautiful than, luxurious = more luxurious than

I am younger than your brother.
ฉันเด็กกว่าพี่ชายของคุณ

A steel is heavier than a feather.
เหล็กหนักกว่าขนนก

Monkeys are more intelligent than rabbits.
ลิงฉลาดกว่ากระต่าย

 

การเปรียบเทียบขั้นสุดคือการที่เราต้องการบอกว่าสิ่งนั้นคือที่สุด เช่น A หนักกว่า B แต่ C หนักที่สุด ซึ่งเราสามารถเขียนโครงสร้างได้ดังนี้ครับ

Comparison Superlative

 

หลักการเปลี่ยนรูป Adjective ใน Superlative

  • ก่อน adjective ทุกครั้งจะต้องมี the นำหน้าเสมอ
  • ไม่ต้องมี than ตามหลัง adjective
  • หากเป็นคำ 1-2 พยางค์ ให้เติม -est เช่น tall = the tallest , deep = the deepest, high = the highest
  • หากเป็นคำสั้นที่มีโครงสร้าง พยัญชนะ-สระ-พยัญชนะ ให้เพิ่มพยัญชนะท้ายเข้าไปอีกหนึ่งตัวก่อนเติม -est เช่น big = the biggest
  • หากเป็นคำที่ลงท้ายด้วย Y ให้เปลี่ยน Y เป็น I ก่อน จึงเติม -est เช่น pretty = the prettiest, heavy = the heaviest
  • หากเป็นคำที่มี 3 พยางค์ขึ้นไป ให้ใช้โครงสร้าง the most … เช่น beautiful = the most beautiful than, luxurious = the most luxurious

High

Tall

Expensive

Mt. Fuji 3,776 m. Daniel 185 cm. Sushi 195 baht.
Mt. Everest 8,848 m. Sara 165 cm. Pizza 299 baht.
Mt. Kilimanjaro 5,895 m. Emily 170 cm. Pad Thai 60 baht.

จากตารางด้านบนเราสามารถเขียนประโยคเปรียบเทียบรูปแบบต่างๆ ได้ดังนี้ครับ

Mt. Kilimanjaro is higher than Mt. Fuji.                     Mt. Everest is the highest.
เทือกเขาคิรีมันจาโคสูงกว่าภูเขาไฟฟูจิ                                 เทือกเขาเอเวอเรสต์สูงที่สุด

Emily is taller than Sara.                                             Daniel is the tallest.
เอมิลี่สูงกว่าซาร่า                                                             ดาเนียลสูงที่สุด

Sushi is more expensive than Pad Thai.                   Pizza is the most expensive.
ซูชิแพงกว่าผัดไทย                                                           พิซซ่าแพงที่สุด

Example

Example 2

เป็นอย่างไรกันบ้างครับน้องๆ สำหรับเรื่อง Comparison of Adjectives ไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากๆ ทั้งในชีวิตประจำวันและในการสอบครับ น้องๆ อย่าลืมทบทวนบ่อยๆ ด้วยนะครับ ไว้เจอกันใหม่ในเรื่องต่อๆ ไปนะครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

สมมูลและนิเสธ

สมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ

“สมมูลและนิเสธ” ของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ สมมูลและนิเสธ เราเคยเรียนกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เป็นของประพจน์ p, q, r แต่ในบทความนี้จะเป็นสมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ซึ่งก็จะเอาเนื้อหาก่อนหน้ามาปรับใช้กับประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ สิ่งที่เราจะต้องรู้และจำให้ได้ก็คือ การสมมูลกันของประพจน์ เพราะจะได้ใช้ในบทนี้แน่นอนน ใครที่ยังไม่แม่นสามารถไปอ่านได้ที่ บทความรูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน  นิเสธของตัวบ่งปริมาณ เมื่อเราเติมนิเสธลงไปในประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ข้อความต่อไปนี้จะสมมูลกัน กรณี 1 ตัวแปร ∼∀x[P(x)] ≡ ∃x[∼P(x)] ∼∃x[P(x)]

การหารเลขยกกำลัง

การหารเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก

การหารเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก บทความนี้ ได้รวบรวมตัวอย่าง การหารเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก ซึ่งทำได้โดยการใช้สมบัติการหารของเลขยกกำลัง ก่อนจะเรียนรู้ ตัวอย่างการหารเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก น้องๆจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง การคูณเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒ การคูณเลขยกกำลัง เมื่อเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก ⇐⇐ สมบัติของการหารเลขยกกำลัง  am ÷ an  = am – n     (ถ้าเลขยกกำลังฐานเหมือนกันหารกัน ให้นำเลขชี้กำลังมาลบกัน)

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น เป็นกราฟที่นิยมใช้เเสดงความเปลี่ยนเเปลงของข้อมูลของข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเรียงข้อมูลตามลำดับก่อนหลังของเวลาที่ข้อมูลนั้น ๆ เกิดขึ้น ทำให้เห็นเเนวโน้มของข้อมูลเเละช่วยให้เห็นการเปลี่ยนเเปลงของข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเเสดงถึงความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของข้อมูล ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพยากรณ์เกี่ยวกับข้อมูลนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างรูปเเบบของกราฟเส้นที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างการนำเสนอข้อมูลเเละเเปลความหมายข้อมูลด้วยกราฟเส้น  ตัวอย่างที่ 1 จงเขียนกราฟเเสดงจำนวนผลไม้ที่ถูกขายตามข้อมูลดังนี้ วิธีทำ เริ่มจากการสร้างเเกน x เเละเเกน y โดยให้เเกน x เป็น

M6 การใช้ Quantity words

การใช้ Quantity words เช่น many/ much/ a lot of/ lots of

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.6 ทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้ “การใช้ Quantity words เช่น many/ much/ a lot of/ lots of  ” ในภาษาอังกฤษกันค่ะ Let’s go! ไปลุยกันโลด Quantity words คืออะไร   “Quantity

ส่วนต่างๆ ของวงกลม

ส่วนต่างๆ ของวงกลม ก่อนที่เราจะมารู้จักส่วนต่างๆ ของวงกลม เรามาเริ่มรู้จักวงกลมกันก่อน จากคำนิยามของวงกลมที่กล่าวว่า “วงกลมเกิดจากชุดของจุดที่มาเรียงต่อกันบนระนาบเดียวกัน โดยทุกจุดอยู่ห่างจากจุดจุดหนึ่งซึ่งเป็นจุดคงที่ในระยะทางที่เท่ากันทุกจุด”   โดยเรียกจุดคงที่นี้ว่า จุดศูนย์กลางของวงกลม เรียกระยะทางที่เท่ากันนี้ว่า รัศมีของวงกลม       วงกลม คือ รูปทรงเรขาคณิตที่มีสองมิติเเละจะมีมุมภายในของวงกลมที่มีขนาด 360 องศา โดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน เราจะเห็นสิ่งที่มีลักษณะเป็นวงกลมอยู่รอบ ๆ ตัวเราอยู่เยอะเเยะมากมาย

Tense and time

การใช้ Tenses ในภาษาอังกฤษ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา

สวัสดีค่ะนักเรียนม.  1 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูจะพาไปรู้จักกับ การใช้ Tense ต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษกัน ก่อนอื่นมารู้จักTenses กันก่อน Tenses อ่านว่า เท้นสฺ ถ้าเป็นคำ Adjective หรือคุณศัพท์จะแปลว่าหนักหนาสาหัส แต่ถ้าเป็นคำนาม (Noun) จะแปลว่า กาลเวลาค่ะ หัวใจของการเรียนเรื่อง Tense คือ กริยา(verb) เมื่อกริยาเปลี่ยนไปเวลาและเงื่อนไขการใช้งานของ

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1