Let Me Introduce Myself: พูดเกี่ยวกับตัวเองแบบง่าย

พี่เชื่อว่าพอเปิดเทอมทีไรสิ่งที่เราต้องทำนั่นก็คือ การแนะนำตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในวิชาภาษาอังกฤษ หรือวิชาอื่นๆ นอกจากการแนะนำตัวเองแล้ว น้องๆ อาจจะต้องพูดบรรยายเกี่ยวกับตัวเองอีกด้วย วันนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะสามารถพูดและบรรยายเกี่ยวกับตนเองให้น่าสนใจได้อย่างไรบ้าง

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Present Simple กับการแนะนำตัวเอง

 

ให้น้องๆ จำไว้เสมอว่าเวลาที่เราพูดเกี่ยวกับตัวเอง สิ่งที่เราพูดนั้นเป็น fact หรือเป็นความจริงเสมอ ฉะนั้นใช้ Present Simple ในการให้ข้อมูลนั้นๆ แก่เพื่อนๆ และคุณครู

 

1. ใช้ Verb to be เพื่อให้ข้อมูลพื้นฐาน

น้องๆ สามารถใช้ is/am/are เวลาแนะนำตัวเพื่อบอก ชื่อ อายุ อาชีพ สิ่งที่ชอบ หรืองานอดิเรก เช่น

 

My name is Patrick. (ผมชื่อแพทริก)

I am Patrick. (ผมชื่อแพทริก)

My nickname is Pat. (ชื่อเล่นของผมคือแพท)

 

I am 14 years old. (ผมอายุ 14 ปี)

 

I am from Chonburi. (ผมมาจากชลบุรี/ผมเป็นคนชลบุรี)

 

I am a student. (ผมเป็นนักเรียน)

I am a Matthayom 2 student. (ผมเป็นนักเรียนชั้น ม. 2)

I am a student at Chonkanyanukoon School. (ผมเป็นนักเรียนโรงเรียนชลกันยานุกูล)

 

My favourite subject is English. (วิชาที่ผมชอบคือภาษาอังกฤษ)

My favourite subjects are Math and English. (วิชาที่ผมชอบคือคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ)

 

My hobby is playing football. (งานอดิเรกของผมคือเล่นฟุตบอล)

My hobbies are reading books and listening to podcasts. (งานอดิเรกของผมคืออ่านหนังสือและฟังพ็อดแคส)

 

My best friends are Jane and Jim. (เพื่อนรักของผมคือเจนและจิม)

 

*เพื่อให้การพูดฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น น้องๆ สามารถย่อรูป Verb to be ได้ดังนี้

My name is (มาย เนม อิส) เป็น My name’s (มาย เนมส)

I am (ไอ แอม) เป็น I’m (แอม)

 

 

2. ใช้กริยาทั่วไปในรูป Present Form

กริยาที่มักใช้บ่อยๆ ในการบรรยายตัวเองได้แก่

 

เพิ่มเติมความน่าสนใจด้วย Reasons & Details

 

หลังจากที่น้องๆ ได้เรียนรู้ประโยคพื้นฐานในการแนะนำตัวไปแล้ว วิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้การบรรยายตัวเองของน้องๆ น่าสนใจมากขึ้นนั่นก็คือการให้เหตุผลและความเห็นเพิ่มเติม โดยยังคงใช้โครงสร้าง Present Simple เหมือนเดิม

 

1. ให้เหตุผลเพิ่มเติมง่ายๆ ด้วย “because”

ในประโยคที่พูดเกี่ยวกับวิชาที่ชอบ งานอดิเรก หรืออาชีพในอนาคต น้องๆ สามารถให้เหตุผลเพิ่มว่าทำไม่ถึงชอบ(หรือไม่ชอบ) สิ่งนั้นได้ โดยใช้ ‘because’ ตามหลังประโยค โดยจะมีความหมายว่า “เพราะว่า” เช่น

 

I like listening to music because it’s relaxing.

(ฉันชอบฟังเพลงเพราะว่ามันผ่อนคลาย)

 

I don’t like Science because it’s too difficult.

(ฉันไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์เพราะว่ามันยากเกินไป)

 

I want to be a doctor because I want to help people.

(ฉันอยากเป็นหมอเพราะฉันอยากช่วยเหลือผู้คน)

 

My best friends are Jane and Jim because they always help me with my homework.

(เพื่อนรักของฉันคือเจนและจิมเพราะพวกเขาช่วยฉันทำการบ้านเสมอๆ)

 

2. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย Facts, Places, and Frequency

หากน้องๆ อยากให้สิ่งที่พูดน่าสนใจมากขึ้น น้องๆ สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ เวลา หรือความถี่ที่เฉพาะเจาะจงลงไปได้ เช่น

 

I come from Bangkok, a capital city of Thailand.

(ฉันมาจากกรุงเทพ เมืองหลวงของประเทศไทย)

 

I’m from Chiang Mai, a province in Northern Thailand.

(ฉันมาจากเชียงใหม่ จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย)

 

I have two brothers and we love playing video games together.

(ฉันมีพี่ชาย 2 คน และพวกเราชอบเล่นวิดีโอเกมส์ด้วยกัน)

 

I love English and I usually watch English movies at home with my parents.

(ฉันชอบภาษาอังกฤษ และฉันดูภาพยนตร์ภาษาอังกฤษกับพ่อแม่ที่บ้านบ่อยๆ)

 

I enjoy swimming at the beach. I go to Hua Hin every weekend.

(ฉันเพลิดเพลินกับการว่ายน้ำที่ชายหาด ฉันไปหัวหินทุกอาทิตย์)

 

Try this!

ที่นี้พอน้องๆ รู้วิธีการในการบรรยายตัวเองให้น่าสนใจแล้ว ลองมาฝึกทำให้การแนะนำตัวของ John ดูน่าสนใจขึ้นดีกว่า

My name is John. I’m 15 years old. I come from Phuket. I’m a student at Sriracha School. I’m from Phuket. I love singing. My favourite singer is Taylor Swift. I don’t like cats. I have a dog. I want to be a veterinarian.

 

Model Answer:

My name is John. I’m 15 years old. I come from Phuket, the biggest island in Thailand. I’m a student at Sriracha School. I love singing. I usually sing in the toilet. My favourite singer is Taylor Swift because she makes good music and is also beautiful. I don’t like cats because they are lazy. I have a dog and his name is Robin. I want to be a veterinarian because I love animals and I want to help them.

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการแนะนำตัวเองเบื้องต้น และการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้สิ่งที่เราพูดน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หวังว่าน้องๆ จะเอาไปปรับใช้ในชั้นเรียนหรือตอนสอบพูด ที่นี่เวลาใครถามว่า “Could you please introduce yourself?” หรือ “Tell me a little bit about yourself” ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะครับ จัดไปได้เลยเต็มที่ 🙂

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ถอดคำประพันธ์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า พร้อมศึกษาคุณค่าในเรื่อง

  ในบทเรียนก่อนหน้าเราได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมา ลักษณะคำประพันธ์และเรื่องย่อกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าไปแล้ว บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะต่อเนื่องกับครั้งก่อนโดยการพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้เรื่องตัวบทเด่น ๆ ถอดคำประพันธ์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า พร้อมทั้งศึกษาคุณค่าที่แฝงอยู่ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม เนื้อหา หรือด้านวรรณศิลป์ ถ้าน้อง ๆ พร้อมจะเรียนวรรณคดีเรื่องนี้ต่อไปแล้ว ก็ไปลุยพร้อมกันเลยค่ะ     ถอดคำประพันธ์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า   สกุลเอ๋ยสกุลสูง ชักจูงจิตชูศักดิ์ศรี อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์

โจทย์ปัญหาเลขยกกำลัง

โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกกำลัง

โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกกำลัง          เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเลขยกกำลังที่เรียนมาไม่ว่าจะเป็น การคูณ การหาร เลขยกกำลัง และการเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกกำลัง รวมทั้งไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากมาย  ในบทความนี้จะกล่าวถึงการนำความรู้เกี่ยวกับเลขยกกำลังไปใช้แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 1 – 3 ตัวอย่างที่ 1  เด็กชายศิระนำแท่งลูกบาศก์ไม้ขนาด 5³ ลูกบาศก์เซนติเมตร  มาจัดวางในลูกบาศก์ใหญ่ที่มีความยาวของแต่ละด้านเป็น

คำสมาสแบบสมาส คำสมาสแบบสนธิ

เรียนรู้หลักการสร้างคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิ

บทนำ คำสมาส และคำสนธิ ถือว่าเป็นหนึ่งบทเรียนในหลักภาษาไทยของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องยาก และปราบเซียนในการสอบสุด ๆ เนื่องจากว่าเราจะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่อง คำบาลี สันสกฤตเพื่อให้สามารถแยกแยะคำ หรือสร้างคำใหม่ได้ รวมไปถึงต้องจำหลักการอ่านเชื่อมเสียงแบบต่าง ๆ จึงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามันยากมาก แต่จริง ๆ แล้วน้อง ๆ หลายคนอาจเคยได้ยินหลักการจำที่ว่า “คำสมาสนำมาชน สนธินำมาเชื่อม” ซึ่งเป็นวิธีที่น้อง ๆ ควรจะใช้เป็นแนวทางในการจำอย่างเข้าใจ ดังนั้น เพื่อเป็นการเรียนรู้เรื่องคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิให้เข้าใจมากขึ้น

เรียนรู้ตัวบทและคุณค่าในสังข์ทอง ตอน กำเนิดพระสังข์

สังข์ทอง เป็นวรรณคดีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแต่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน เพราะถูกนำไปปรับปรุงเป็นบทละครovdในรัชกาลที่ 2 จนได้มาอยู่ในแบบเรียนภาษาไทย นอกจากนี้หนึ่งในตอนที่สำคัญอย่างตอน กำเนิดพระสังข์ นี้ก็ยังเป็นอีกตอนที่สำคัญเพราะมักถูกหยิบยกมาทำเป็นนิทานสำหรับเด็ก แถมยังเคยได้รับรางวัลหนังสือดีสำหรับเด็ก และได้ชื่อว่าเป็นหนังสือดีสำหรับเด็กและเยาวชนในปี 2561 อีกด้วย บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปศึกษาตัวบทเด่น ๆ ที่น่าสนใจและคุณค่าในตอนนี้เพื่อไขข้อข้องใจว่าทำไมวรรณคดีที่ถูกแต่งขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนถึงมีคุณค่าและอิทธิพลกับเด็กไทย ถ้าพร้อมแล้วเราไปศึกษาเรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ตัวบทเด่น ๆ     ถอดความ กล่าวถึงพระสังข์เมื่อตอนเกิดว่าเป็นเทพลงมาเกิด

ความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ เกิดจากสิ่งสองสิ่งมาเกี่ยวข้องกันภายใต้กฎเกณฑ์บางอย่าง เช่น ความสัมพันธ์ของ a กับ b ซึ่ง a มากกว่า b เป็นต้น ก่อนที่เราจะเริ่มเนื้อหาของความสำคัญพี่อยากให้น้องๆรู้จักกับคู่อันดับ และผลคูณคาร์ทีเซียนก่อนนะคะ คู่อันดับ ในการเขียนคู่อันดับเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว เพราะถ้าน้องๆเขียนคู่อันดับผิดตำแหน่งนั่นหมายความว่า ความหมายของมันจะเปลี่ยนไปทันที เช่น คู่อันดับ (x, y) โดย x

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1