Comparison of Adjectives

สวัสดีน้องๆ ม. 1 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเรื่องของ Comparison of Adjectives ซึ่งจะคืออะไรและเอาไปใช้อะไรได้บ้าง เราลองไปดูกันเลยครับ
comparison of adjectives

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Comparison of Adjectives

ในภาษาอังกฤษนั้นไวยากรณ์เรื่อง Comparison of Adjectives หรือ “การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์” นั้นเป็นสิ่งที่น้องๆ มักจะได้เจอบ่อย น้องๆ ลองดูประโยคเหล่านี้ครับ

My dog is as lovely as your cat.

(สุนัขของฉันน่ารักเท่ากันกับแมวของเธอ)

Peter is taller than Jim.

(ปีเตอร์สูงกว่าจิม)

She is the most beautiful person for me.

(เธอคือคนที่สวยที่สุดสำหรับฉัน)

จากประโยคเหล่านี้น้องๆ จะเห็นได้ว่ามีการเปรียบเทียบคน สัตว์ หรือสิ่งของ 2 สิ่ง โดยใช้คำคุณศัพท์ (น่ารักเท่ากันกับ สูงกว่า หรือสวยที่สุด) โดยหากสังเกตดีๆ แล้วเราสามารถแบ่งประเภทของการเปรียบเทียบได้ดังนี้ครับ

  1. Positive (เปรียบเทียบแบบเท่ากัน)
  2. Comparative (เปรียบเทียบขั้นกว่า)
  3. Superlative (เปรียบเทียบขั้นสุด)

 

Positive

เป็นการใช้คำคุณศัพท์ร่วมกันกับ as … as เพื่อแสดงถึงความเท่ากันของสองสิ่งนั่นเองครับ โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปของคำคุณศัพท์นั้นๆ เช่น

My dad is as kind as yours.

(พ่อของฉันใจดีเหมือนกันกับพ่อของเธอ)

The weather this year is as bad as last year.

(อากาศปีนี้แย่เท่ากันกับปีที่แล้ว)

Living in Chiang Mai is as convenient as living in Bangkok.

(การอยู่ในเชียงใหม่นั้นสะดวกสบายเหมือนกันกับการอยู่ที่กรุงเทพ)

comparison positive

 

Comparative

เป็นการเปรียบเทียบขั้นกว่า คือการบอกว่าสิ่งหนึ่งนั้น ใหญ่กว่า สูงกว่า ดีกว่า ฯลฯ อีกสิ่งหนึ่ง โดยจะมีหลักการเปลี่ยนรูปคำคุณศัพท์ดังนี้

คำคุณศัพท์ที่มี 1-2 พยางค์ ให้เติม -er เข้าไป เช่น

Positive

Comparative

clean

cleaner

new

newer

cheap

cheaper

small

smaller

easy

easier

คำคุณศัพท์ที่มี 2 พยางค์ขึ้นไป ให้ใช้ more มาวางไว้ด้านหน้า เช่น

Positive

Comparative

difficult

more difficult

beautiful

more beautiful

important

more important

intelligent

more intelligent

generous

more generous 

คำคุณศัพท์ที่เป็นข้อยกเว้น จะเปลี่ยนรูปไปเลย เช่น

Positive

Comparative

good

better

bad

worse

much/many

more

little

less

ตัวอย่าง

My bag is cheaper than your bag.

(กระเป๋าของฉันถูกกว่าของเธอ)

The exam of this semester is more difficult than the last semester.

(ข้อสอบเทอมนี้ยากกว่าของเทอมที่แล้ว)

Getting at night is worse than getting up in the morning.

(การตื่นนอนกลางดึกแย่กว่ากว่าการตื่นในตอนเช้า)

comparison comparative

 

Superlative

เป็นการพูดถึงสิ่งหนึ่งว่า “ดีที่สุด” ดีกว่าสิ่งที่เหมือนกันอื่นๆ ทั้งหมด โดยจะต้องมี the นำหน้าเสมอเพื่อแสดงถึงความเฉพาะเจาะจง โดยจะมีหลักการดังนี้

คำคุณศัพท์ที่มี 1-2 พยางค์ เติม -est ต่อท้าย เช่น

Positive

Superlative

clean

the cleanest

new

 the newest

cheap

 the cheapest 

small

the smallest

easy

the easiest

คำคุณศัพท์ที่มี 2 พยางค์ขึ้นไป ให้ใช้ the most มาวางไว้ด้านหน้า เช่น

Positive

Superlative

difficult

the most difficult

beautiful

the most beautiful

important

the most important

intelligent

the most intelligent

generous

the most generous 

คำคุณศัพท์ที่เป็นข้อยกเว้น จะเปลี่ยนรูปไปเลย เช่น

Positive

Superlative

good

the best

bad

the worst

much/many

 the most

little

 the least

ตัวอย่าง

He is the smallest student in this class.

(เขาเป็นนักเรียนที่ตัวเล็กที่สุดในชั้นนี้)

Mr. Darcy is the most generous man. He always pays for my tuition.

(คุณดาร์ซี่เป็นคนที่ใจกว้างที่สุด เขาจ่ายค่าเทอมให้ฉันตลอด)

Japanese ramen is the best ramen in the world.

(ราเมนญี่ปุ่นคือราเมนที่ดีที่สุดในโลก)

comparison superlative

 

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเรื่อง Comparison of Adjectives? พี่เชื่อว่าน้องๆ ต้องสนุกกับมันแน่ๆ เลย และเป็นเรื่องที่น้องๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้บ่อยมากๆ อีกด้วยครับ สำหรับน้องๆ ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมสามารถคลิกเข้าไปดูวิดีโอจากช่อง NockAcademy ด้านล่างได้เลยครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

NokAcademy_ม5 Relative Clause

การเรียนเรื่อง Relative Clause

สวัสดีค่ะนักเรียนม. 5 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปดู Relative clause หรือ อนุประโยคในภาษาอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เหมือนกันกับคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งมีหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า  และจะใช้ตามหลัง Relative Pronoun เช่น  who, whom, which, that, และ whose แต่สงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้องเรียนเรื่องนี้ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างแล้วจะร้องอ๋อมากขึ้น พร้อมข้อสอบ Error

อสมการค่าสัมบูรณ์

จากบทความที่ผ่านมา น้องๆได้ศึกษาเรื่องค่าสัมบูรณ์และการแก้อสมการไปแล้ว บทความนี้จะเป็นการเอาเนื้อหาของอสมการและค่าสัมบูรณ์มาปรับใช้ นั่นก็คือ เราจะแก้อสมการของค่าสัมบูรณ์นั่นเองค่ะ เรื่องอสมการค่าสัมบูรณ์น้องๆจะได้เจอในข้อสอบ O-Net แต่น้องๆไม่ต้องกังวลค่ะ ถ้าน้องๆเข้าใจหลักการและสมบัติของค่าสัมบูรณ์และอสมการน้องๆจะสามารถทำข้อสอบได้แน่นอน

การหารเศษส่วนและจำนวนคละ

เทคนิคการหารเศษส่วนและจำนวนคละ

บทความที่แล้วเราได้พูดถึงหลักการคูณเศษส่วนและจำนวนคละไปแล้ว บทความนี้จะเป็นเรื่องต่อยอดจากการคูณก็คือเรื่องการหารเศษส่วนและจำนวนคละ ถ้าใครอ่านบทความการคูณเศษส่วนและจำนวนคละเข้าใจแล้วรับรองว่าเรื่องนี้จะยิ่งง่ายมากกว่าเดิมแน่นอน เพราะต้องใช้เรื่องการคูณเศษส่วนและจำนวนคละในการคำนวณหาคำตอบเช่นกัน สิ่งที่บทความนี้จะมอบให้กับน้อง ๆก็คือขั้นตอนการแสดงวิธีทำที่เห็นภาพและเข้าใจง่ายเหมือนกันบทความที่แล้วมา

โวหารภาพพจน์ กลวิธีการสร้างจินตภาพที่ลึกซึ้งและสวยงาม

การสร้างจินตภาพอย่างการใช้ โวหารภาพพจน์ เป็นกลวิธีในการใช้ภาษาอีกอย่างหนึ่ง เลือกใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ หรืออาจเรียกว่าเป็นการแทนภาพนั่นเอง น้อง ๆ คงจะพบเรื่องของโวหารภาพพจน์ได้บ่อย ๆ เวลาเรียนเรื่องวรรณคดี บทเรียนในวันนี้เลยจะพาไปทำความรู้จักกับภาพพจน์ต่าง ๆ ให้มากขึ้นว่ามีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ความหมายของภาพพจน์     ภาพพจน์ คือถ้อยคำที่เป็นสำนวนโวหารทำให้นึกเห็นภาพ ถ้อยคำที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิงเป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด เป็นกลวิธีทางภาษาที่มุ่งให้เกิดความรู้ความเข้าใจจินตนาการ เน้นให้เกิดอรรถรสและสุนทรีย์ในการสื่อสารที่ลึกซึ้งกว่าการบอกเล่าแบบตรงไปตรงมา  

ความน่าเชื่อถือของสื่อที่ฟัง

ฟังอย่างไรให้ได้สาระประโยชน์ดี ๆ ด้วยวิธีวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากสื่อที่ฟัง

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคนยินดีต้อนรับเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียนภาษาไทยกันอีกครั้ง สำหรับบทเรียนในวันนี้ต้องบอกว่ามีประโยชน์มาก ๆ และเราควรจะต้องศึกษาไว้เพื่อนำไปใช้ในการฟัง หรือคัดกรองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่เรารับฟังมาให้มากขึ้น ซึ่งเราจะพาน้อง ๆ มาฝึกฝนการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากสื่อที่ฟังกัน เพราะในปัจจุบันเราสามารถรับสารได้หลากหลายรูปแบบมีทั้งประโยชน์ และโทษ ดังนั้น เราจึงต้องมีทักษะนี้ติดตัวไว้แยกแยะว่าสื่อนั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อง ๆ พร้อมแล้วเรามาเริ่มเรียนกันเลย   ความหมายของความน่าเชื่อถือ และสื่อ ความน่าเชื่อถือ หมายถึง

การใช้พจนานุกรม เรียนรู้วิธีหาคำให้เจอได้อย่างทันใจ

​พจนานุกรม มาจากคำภาษาบาลีว่า วจน (อ่านว่า วะ-จะ-นะ) ภาษาไทยแผลงเป็น พจน์ แปลว่า คำ คำพูด ถ้อยคำ กับคำว่า อนุกรม แปลว่า ลำดับ เมื่อรวมกันแล้วพจนานุกรมจึงหมายถึงหนังสือที่รวบรวมคำโดยจัดเรียงคำตามลำดับตัวอักษร แต่ด้วยความที่คำในภาษาไทยของเรานั้นมีมากมาย ทำให้น้อง ๆ หลายคนอาจจะมีท้อใจบ้างเมื่อเห็นความหนาของเล่มพจนานุกรม ไม่รู้จะหาคำที่ต้องการได้อย่างไร บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้ถึงวิธี การใช้พจนานุกรม

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1