Auxiliary Verbs คืออะไร?

สวัสดีน้องๆ ม.5 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Auxiliary Verbs ในภาษาอังกฤษกันครับ
auxiliary verbs

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Auxiliary Verbs in a Nutshell

Auxiliary Verbs หรือน้องๆ อาจจะคุ้นในชื่อ Helping Verbs ในภาษาอังกฤษ คือกริยาที่ใช้คู่กับกริยาแท้ (Main Verb) ในประโยคเพื่อช่วยบอก Tense และช่วยในประโยคปฎิเสธและประโยคคำถามอีกด้วยครับ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1) Verb “To Do” ได้แก่ do, does, did, done

2) Verb “To Be” ได้แก่ be, is, am, are, was, were, being, been,

3) Verb “To Have” ได้แก่ have, has, had, having

verb to do

verb to be

verb to have

 

หน้าที่ของ Auxiliary Verbs

หลักๆ แล้วกริยาช่วยจะมีหน้าที่ดังต่อไปนี้

1) ช่วยบอก Tense ของประโยค

เช่น

She has been waiting for an hour.

(เธอรอมาเป็นชั่วโมงแล้ว)

“has been” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “wait” เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็น Present Perfect Continuous

 

He was talking to someone on the phone when I arrived.

(เขากำลังพูดกับใครบางคนผ่านโทรศัพท์ตอนที่ฉันมาถึง)

“was” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “talk” เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็น Past Continuous Tense

 

At 10 O’clock tomorrow, I will be studying at the library.

(ตอนสิบโมงพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังเรียนหนังสืออยู่ในห้องสมุด)

“will be” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “study” เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็น Future Continuous Tense

 

2) ช่วยบอก Voice ของประโยคว่าเป็น Active หรือ Passive

เช่น

Hit by the car, the boy was hospitalised.

(เด็กผู้ชายที่โดนรถชนถูกนำส่งโรงพยาบาล)

“was” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “hospitalise” เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็น Passive Voice (เด็กถูกนำส่งโรงพยาบาล)

 

This ticket is used to enter the concert hall.

(ตั๋วใบนี้ใช้เพื่อเข้าชมคอนเสิร์ต)

“is” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “use” เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็น Passive Voice (ตั๋วถูกใช้)

 

The internet connection will be disconnected tomorrow.

(สัญญาณอินเทอร์เน็ตจะถูกตัดวันพรุ่งนี้)

“will be” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “disconnect” เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็น Passive Voice (สัญญานจะถูกตัด)

*ดูเพิ่มเติมเรื่อง Passive Voice ได้ที่นี่

 

3) ช่วยในประโยคคำถามและปฏิเสธ

เช่น

Did you submit your homework yesterday?

(คุณส่งการบ้านเมื่อวานหรือยัง?)

“did” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “submit” เพื่อทำให้ประโยคนี้เป็นประโยคคำถาม

 

I don’t know who stole your wallet.

(ผมไม่รู้ว่าใครขโมยกระเป๋าสตางค์ของคุณไป)

“do not” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “know” เพื่อทำให้ประโยคนี้เป็นประโยคปฏิเสธ

 

He didn’t want to leave that happy moment.

(เขาไม่อยากออกไปจากช่วงเวลาที่มีความสุขนั้น)

“did not” ถูกนำมาช่วยขยายกริยา “want” เพื่อทำให้ประโยคนี้เป็นประโยคปฏิเสธ

 

เคล็ดลับของกริยาช่วย

1) โดยทั่วไปแล้วกริยาช่วยจะไม่มีความหมายในตัว เป็นเพียงแค่กริยาที่นำมาช่วยเสริมกริยาแท้เพื่อจุดประสงค์ที่บอกไปแล้วข้างต้น แต่กริยา “have” จะเป็นกริยาแท้หากแปลว่า “มี” หรือ “รับประทาน” และ “do” ที่แปลว่า “ทำ” ก็เป็นกริยาแท้เช่นกัน ลองดูความแตกต่างระหว่าง 2 ประโยคนี้

I have 2 dogs and 1 cat.

(ฉันมีสุนัข 2 ตัวและแมว 1 ตัว)

“have” ในประโยคนี้แปลว่า “มี” ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้

 

I have finished my assignment.

(ฉันทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้ว)

“have” ในประโยคนี้ไม่มีความหมาย แต่มาช่วยขยายกริยาคือ “finish” บ่งบอกว่าประโยคนี้เป็น Present Perfect

 

2) Verb to be ที่ตามหลังด้วย Adjective หรือ Noun เพื่อบอกลักษณะ อาการ อาชีพ หรือคุณสมบัติอื่นๆ จะทำหน้าที่เป็นกริยาแท้เช่นกัน (แปลว่า เป็น/อยู่/คือ) เช่น

I am an engineer.

(ฉันเป็นวิศวะกร)

“is” เป็นกริยาแท้ แปลว่า “เป็น” เพราะอยู่หน้าคำนาม บ่งบอกอาชีพ

 

He is running in the park.

(เขากำลังวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ)

“is” ในประโยคนี้ไม่มีความหมาย แต่ขยายกริยา “run” เพื่อบ่งบอกว่าเป็น Present Continuous

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับเรื่อง Auxiliary Verbs เรื่องนี้อาจจะดูสับซ้อนนิดหน่อย แต่หากน้องๆ เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วก็จะสามารถแยกประเภทและใช้มันได้อย่างถูกต้องนั่นเองครับ โดยน้องๆ สามารถดูวิดีโอเพิ่มความเข้าใจให้มากขึ้นด้านล่างได้เลย

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

some any

การใช้ Some และ Any ตามด้วยคำนาม

สวัสดีน้องๆ ม. 2 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้การใช้ some และ any กันแบบเข้าใจง่ายๆ ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูกันเลยครับ

การเขียนเรียงความ

เทคนิคการเขียนเรียงความง่าย ๆ ที่จะช่วยถ่ายทอดความคิดให้เป็นขั้นตอน

การเขียนเรียงความ เป็นทักษะการเขียนที่มีสำคัญมาก เพราะเป็นการถ่ายทอดความคิดให้ออกมาอยู่ในรูปของตัวอักษร จะมีวิธีเขียนอย่างไรบ้างนั้น บทเรียนในวันนี้จะทำให้น้อง ๆ มีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการเขียนเรียงมากขึ้น จะเป็นอย่างไรนั้น ไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ     เรียงความ เป็นทักษะการเขียนที่แสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิด ความเห็น ความเข้าใจของผู้เขียน มีรูปแบบและวิธีการเขียนที่มีแบบแผน เพื่อถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นตัวอักษรให้น่าอ่าน และยังเป็นพื้นฐานของการเขียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความหรือนวนิยายอีกด้วย โดยประเภทของการเขียนเรียงความมีดังนี้ 1. เรื่องที่เขียนเพื่อความรู้ 2. เรื่องที่เขียนเพื่อความเข้าใจ

โจทย์ปัญหาการหารทศนิยม

บทความนี้เป็นเรื่องการวิเคราห์โจทย์ปัญหาการหารทศนิยม ซึ่งโจทย์ที่นำมาเป็นตัวอย่างจะประกอบด้วยการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา การเขียนประโยคสัญลักษณ์ รวมไปถึงการสดงวิธีทำ หวังว่าน้องๆจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้จริงกับโจทย์ปัญหาในห้องเรียน

Profile_imperative sentence

การใช้ประโยคคำสั่ง หรือ Imperative sentence ในชีวิตประจำวัน

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปเรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้ประโยคคำสั่ง หรือ Imperative sentence ในชีวิตประจำวัน กันนะคะ ซึ่งเราจะเจอประโยคเหล่านี้ตั้งแต่ตื่นนอน ทานข้าว เดินไปโรงเรียน ไปดูหนัง ข้ามถนน ข้ามสะพาน ขึ้นแท็กซี่ และในกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย หากว่าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย รูปแบบและโครงสร้างประโยคคำสั่ง Imperative sentence     คือประโยคที่เจอบ่อยเมื่อต้องพูด ให้คำคำปรึกษา

โจทย์ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

โจทย์ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

ขั้นตอนของการแก้โจทย์ปัญหา บทความนี้จะทำให้น้องๆ มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง โจทย์ปัญหาสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ซึ่งได้รวบรวมตัวอย่างไว้อย่างหลากหลาย แต่ก่อนที่น้องๆจะเรียนเรื่องนี้อย่าลืมทบทวน การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว กันก่อนนะคะ ถ้าน้องๆพร้อมแล้วเรามาศึกษาขั้นตอนของการแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการ ดังนี้               ขั้นที่ 1 วิเคราะห์โจทย์ว่ากำหนดอะไรให้บ้าง และให้หาอะไร               ขั้นที่ 2 กำหนดตัวแปรแทนสิ่งที่โจทย์ให้หาหรือแทนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่โจทย์ให้หา               ขั้นที่ 3 เขียนสมการตามเงื่อนไขของโจทย์               ขั้นที่

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1