เรียนรู้ เรื่อง Past Tense และ Present Continuous Tense

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้ เรื่อง Past Tense และ Present Continuous Tense  ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด

มาเริ่มกันกับ Past Tenses

 

ก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักก่อนว่า การเล่าถึงงเหตุการณ์ในอดีตนั้นเราสามารถเล่าได้หลายแบบ ครูจะขอยกตัวอย่างจากสถาณการณ์การใช้ไปหาโครงสร้างและคำศัพท์ที่จำเป็นเพื่อให้เราเข้าใจความสำคัของ Tense นั้นๆ ร่วมกับเทคนิค “Situational usage” บทสนทนาที่ใช้ ใน Past Tenses ทั้งสี่รูปแบบ ไปลุยกันเลยเด้อ

ตารางสรุปภาพรวม Past Tenses

 

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense (2)

อดีตกาล
(Past Tenses)
การใช้
(
Usage)
โครงสร้าง
(
Structure)
คำกำกับเวลา

 

1) Past Simple Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เราทำในอดีตย้ำว่า

เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว

 

Subject + V.2 หรือ Verb เติม –ed

Ex:

Daniel ate noodles yesterday.

แดเนียลกินก๋วยเตี๋ยวเมื่อวานนี้

 

Ex:

You walked home last week.

คุณเดินกลับบ้านสัปดาห์ที่แล้ว

เวลาในอดีต 1990

3 days ago  (สามวันที่แล้ว)
last  month (เดือนที่แล้ว)
yesterday (เมื่อวานนี้)
in 1997 (ในปี ค.ศ. 1997 ที่เป็นอดีตมาแล้ว)

2. Past Continuous   Subject + was, were + V.ing

 

Ex:

Albert Einstein was sitting under the apple tree.

แปล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กำลังนั่งอยู่
ใต้ต้นแอปเปิล

(ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในอดีต)

 at the moment in the past
(ณ ขณะหนึ่งในอดีต)specific time in the past
(จุดๆหนึ่งที่เฉพาะเจาะจงในอดีต)
3. Past Perfect   Subject + had + V.3

Ex: I have had breakfast recently.

แปล ฉันพึ่งทานข้าวเช้าเมื่อครู่นี้เอง

 

 

Previously (ก่อนหน้านี้)
justBefore (ก่อน)Recently (ไม่นานมานี้)Since (ตั้งแต่) + จุดๆหนึ่งของเวลาFor (เป็นเวลา) + ช่วงเวลาTill or until (จนกระทั่ง)
4. Past Perfect Continuous   Subject + had + been + V.ing

Ex:
I had been running since 5 a.m. till 6 a.m. this morning.

แปล ฉันได้วิ่งมาตั้งแต่ตีห้าถึงหกโมงเช้า (วิ่งแบบไม่หยุดเลย)

 

เจาะลึกแต่ละ Tenses พร้อมตัวอย่างบทสนทนา

 

Past Simple Tense

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense (3)

 

โครงสร้าง Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม ed

ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับ

 

Situation: Rosie got diarrhea yesterday at the hospital.

Dan: Where were you yesterday Rosie? (โรซี่เมื่อวานไปไหนมาเหรอ)
Rosie: I was at the hospital. (ฉันไปโรงพยาบาลมาน่ะ)
Dan: What happened? (เป็นอะไรหรือเปล่า)
Rosie: I got diarrhea. (ฉันท้องเสีย)

จะสังเกตได้ว่า  yesterday (เมื่อวานนี้) คือคำบอกเวลาในอีต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอละจบลงไปแล้ว

 

 

 Past Continuous Tense

 

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense (4)

 

โครงสร้าง Subject + was, were + Verb.ing

 

1) ใช้ร่วมกับ Past Simple Tense เมื่อมีเหตุการณ์ หรือการกระทำ 2 อย่างเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต

  • ใช้ Past Simple Tense กับเหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นทีหลัง
  • ใช้ Past Continuous Tense กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและกำลังดำเนินอยู่ในขณะนั้น

Situation: While Dazy was watching a Netflix, her mom arrived at the door.
Mom: Knock knock! Dazy, could you open the door? (ก้อกๆ เดซี่เปิดประตูให้แม่หน่อย)
Mom: (Complaining) what was she doing? (แม่บ่นว่า เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ)
Dazy: Wait mom, I was waching a Netflix. (รอก่อนนะแม่ หนูกำลังดู Netflix อยู่)

 

2) อย่างที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีตในเวลาเดียวกัน

Situation: Venus was playing her mobile phone, while her teaching was teaching.

Ohm: What were you doing Venus while your teacher was teaching? (วีนัส เธอทำอะไรอยู่ตอนที่ครูกำลังสอน)
Venus: Um…I was playing on my mobile phone. (เอิ่ม ฉันเล่นโทรศัพท์อยู่นะ)
Ohm: No wonder why teacher was very mad at you. (ไม่น่าล่ะ ครูโกรธใหญ่เลย)

Past Perfect Tense

 

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense (5)

 

ในโครงสร้าง Subject + had + Past participle (V.3)

 

1) ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดแล้วลงในอดีต

  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนให้ใช้ Past Perfect Tense
  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังให้ใช้ Past Simple Tense

Situation: Nanny is talking to her friend, Chris.

Nanny: Have you been to the USA?
(คุณเคยไปประเทศสหรัฐอเมริกามั้ย)
Chris: Of course, I went to the USA but previously I had been to London.
(แน่นอน ฉันเคยไปนะ แต่ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยไปลอนดอนมาก่อน)
Nanny: You must be very rich!
(เธอคงรวยมากเลย)
Chris: I am not rich, but my parents are.
(ไม่หรอก แต่พ่อแม่ฉันน่ะรวยจริง)

 

Past Perfect Continuous Tense

 

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense (6)

 

ตามโครงสร้าง Subject + had + been + Verb.ing

 

Past Perfect Tense แต่มีจุดต่างกันตรงที่ Past Perfect Continuous Tense   จะเน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์
หรือการกระทำได้ดีกว่า Past Perfect Tense

Situation: Interviewing Mark Zuckerberg, the co-founder of Facebook

Interviewer: What’s your secret of becoming so “successful”?

ผู้สัมภาษณ์: ความลับที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จคืออะไร

Mark Zuckerberg: I’ve been working hard on my dream.
แปลว่า ผมทำงานหนักเพื่อความฝันของผม (อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน)

 

มาต่อที่ Present Continuous

 

NokAcademy_Past Tense และ Present Continuous Tense (7)

 

Present Continuous Tense (Tense ปัจจุบันกำลังทำ)

Present Continuous Tense มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ Present Progressive Tense

 

โครงสร้าง:

Subject (ประธาน) + V. to be (is, am, are) + V.ing

ประธานเอกพจน์: He, She, It, A dog  จะใช้คู่กับกริยา (Verb) is
เช่น

He is running. (เขากำลังวิ่ง)
She is walking. (หล่อนกำลังเดิน)
It is raining. (ฝนกำลังตก)
A dog is barking. (สุนัขกำลังเห่า)


ประธานเป็นพหูพจน์
(You, We, They, Monkeys) จะใช้กริยา (Verb): are


หลักการใช้ :

เพิ่มเติม:
การย่อรูปกริยา is , am, are ยกตัวอย่างเช่น
is = He’s…
am=I’m…
are= They’re

1.ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูดอยู่ หรือในระหว่างอาทิตย์นั้น เดือนนั้นก็ได้ ซึ่งอาจจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วยก็ได้

now / right now  ตอนนี้

at the moment  ตอนนี้
at this moment เดี๋ยวนี้

Ex: A dog is barking now.
แปลว่า หมากำลังเห่าตอนนี้

  1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต (แน่ๆ) และมักจะมีคำที่บ่งบอกอนาคตกำกับอยู่ด้วย

this evening เย็นนี้

tomorrow พรุ่งนี้

this weekend สุดสัปดาห์นี้

next  week สัปดาห์หน้า

Ex: He is coming this evening.
แปลว่า เขากำลังจะมาคืนนี้

 


ตัวอย่างประโยคคำถาม

Is she eating a banana?

หล่อนกำลังกินกล้วยอยู่ใช่มั้ย
ตอบ
: Yes (ใช่) หรือ No (No)

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะขอให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากการอ่านบทความนี้นะคะ  อย่าลืมทบทวนบทเรียนเรื่อง ไวยากรณ์ Past Tenses ได้ที่วีดีโอด้านล่างนี้นะคะ
แล้วเจอกันครั้งหน้า
See you again next time!

 

 

 

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ความน่าเชื่อถือของสื่อที่ฟัง

ฟังอย่างไรให้ได้สาระประโยชน์ดี ๆ ด้วยวิธีวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากสื่อที่ฟัง

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคนยินดีต้อนรับเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียนภาษาไทยกันอีกครั้ง สำหรับบทเรียนในวันนี้ต้องบอกว่ามีประโยชน์มาก ๆ และเราควรจะต้องศึกษาไว้เพื่อนำไปใช้ในการฟัง หรือคัดกรองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่เรารับฟังมาให้มากขึ้น ซึ่งเราจะพาน้อง ๆ มาฝึกฝนการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากสื่อที่ฟังกัน เพราะในปัจจุบันเราสามารถรับสารได้หลากหลายรูปแบบมีทั้งประโยชน์ และโทษ ดังนั้น เราจึงต้องมีทักษะนี้ติดตัวไว้แยกแยะว่าสื่อนั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อง ๆ พร้อมแล้วเรามาเริ่มเรียนกันเลย   ความหมายของความน่าเชื่อถือ และสื่อ ความน่าเชื่อถือ หมายถึง

ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม ถอดคำประพันธ์และเรียนรู้คุณค่าของวรรณคดี

จากที่บทเรียนคราวก่อนเราได้รู้ความเป็นมาและเรื่องย่อของตอนที่สำคัญอีกตอนหนึ่งของเรื่องอย่างตอน กำเนิดพลายงาม กันไปแล้ว บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปเจาะลึกตัวบทที่น่าสนใจเพื่อถอดคำประพันธ์พร้อมทั้งศึกษาคุณค่าในเรื่อง น้อง ๆ จะได้รู้พร้อมกันว่าเหตุใดวรรณคดีเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ถึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้พร้อมกันเลยค่ะ   ตัวบท ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม     ถอดคำประพันธ์ : เป็นคำสอนของนางวันทองที่ได้สอนพลายงามก่อนที่จะต้องจำใจส่งลูกไปอยู่กับย่าที่กาญจนบุรีว่าเกิดเป็นผู้ชายต้องลายมือสวย โตขึ้นจะได้รับราชการก่อนจะพาพลายงามมาส่งด้วยความรู้สึกที่เหมือนใจสลาย    

การวัด

การวัดและความเป็นมาของการวัด

ในบทความนี้เราจะได้เรียนรู้ความเป็นมาของการวัดในหลายๆมิติ จนกระทั่งวิวัฒนาการที่ทำให้ได้ความแม่นยำในการวัดอย่างเป็นมาตรฐานมากขึ้นเรื่อยๆ

CS profile

ประโยคความรวม (Compound Sentence)-2

  สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.3 ที่น่ารักทุกคน เจอกันอีกแล้วจร้ากับไวยากรณ์การเขียนภาษาอังกฤษและวันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคการการใช้ประโยคความรวมในภาษาอังกฤษกันค่ะ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมามากกับคนที่ไม่ชอบเขียน  ครูเอาใจช่วยทุกคนค่า ไปลุยกันเลย   ประโยคความรวม (Compound Sentence)   ประโยคความรวม ภาษาอังกฤษคือ Compound Sentence อ่านว่า เคิมพาวดฺ เซนเท่นสฺ เป็นประโยคที่ประกอบด้วยประโยคความเดียวอย่างน้อย 2 ประโยคโดยมีคำเชื่อมระหว่างประโยค เช่น for, and,

ป6 การใช้ประโยคคำสั่งในชีวิตประจำวัน

การใช้ประโยคคำสั่งในชีวิตประจำวัน

  สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.6 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาเรียนรู้เกี่ยวกับ “การใช้ประโยคคำสั่งในชีวิตประจำวัน (Imperative sentence in daily life)” กันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด ประเภทของประโยค ” Imperative sentence “     Imperative sentence ในรูปแบบประโยคบอกเล่าจะ ใช้ Verb base

เรียนรู้และเข้าใจเรื่องคำซ้อนในภาษาไทย

คำซ้อน เป็นหนึ่งในบทเรียนหลักภาษาไทยเรื่องการสร้างคำ น้อง ๆ หลายคนอาจจะเคยสับสนกับวิธีสร้างคำซ้อน ไม่รู้ว่าแบบไหนกันแน่ที่เรียกว่าคำซ้อน เพราะภาษาไทยเรานั้นก็มีคำมากมายเหลือเกิน วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องคำซ้อนให้มากขึ้น รับรองว่าไม่ยากแน่นอนค่ะ   คำซ้อน     ความหมายของคำซ้อน   คำซ้อน คือ คำที่เกิดจากการนำคำตั้งแต่ 2 คำ ขึ้นไปมาเรียงต่อกัน โดยคำที่นำมาซ้อนกันจะต้องเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน ใกล้เคียงกัน ตรงข้ามกัน หรืออาจมีเสียงที่คล้ายกัน

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1