การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense

NokAcademy_ม2การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ทุกคน วันนี้ครูจะพาไปตะลุย ” การใช้ Wh-questions ร่วมกับ Past Simple Tense” กันนะคะ
หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจร้า

 

Wh-Questions คืออะไร

 

NokAcademy_ม2การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense (2)

 

 เมื่อต้องถามคำถามอะไรก็ตามที่ไม่ต้องการคำตอบ Yes หรือ No แบบตรงประเด็น เราจะเรียกคำถามประเภทนี้ว่า Question  word หรืออีกชื่อในวงการคือ Wh-Questions ซึ่งได้แก่คำถามที่มักจะขึ้นต้นด้วย Wh- เช่น What, When, Where , Why, Whose, Which, Whom, Who

เป็นกลุ่มคำถามที่ต้องการ คำตอบ เจาะจงอธิบาย ขยายความ 

 

ประเภทของ Wh-Questions 

 

NokAcademy_ม2การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense (5)

ครูขอยกตัวอย่าง การใช้ Wh-Questions กับคำถามใน Past Simple Tense  เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจบริบทการใช้คำถามกับสถานการณ์ในดีต ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว มากยิ่งขึ้น เมื่อจะต้องนำไปใช้ในบริบทที่แตกต่างกันนะคะ

ดังตัวอย่างด้านล่าง

โครงสร้าง: Wh-Question + did + Verb infinitive+…?

 

When = เมื่อไร

เมื่อใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเกี่ยวกับเวลา เช่น

  • When was your first time travelling outside of the country?
    = คุณไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกตอนไหน

 

What = อะไร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ ชื่อ วันที่ เวลา สิ่งที่รักที่ชอบ ใช้ถามได้ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตจร้า
มีตัวอย่างดังนี้ค่า

  • What did you do this morning?
    = เมื่อเช้านี้คุณทำอะไร (this morning แปลว่า เมื่อเช้านี้ ใช้บอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีตจร้า)

 

 

 Where = ที่ไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น

  • Where did you go on vacation last year?
    คุณไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่ไหนเมื่อปีที่แล้ว (ถามในอดีต)

 

Why = ทำไม

ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น

  • Why did you travel to Japan?
    = ทำไมคุณถึงเที่ยวที่ญี่ปุ่น (ถามในอดีต)

 

Who = ใคร

ใช้เมื่อขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล (ส่วนมากจะตอบเป็นชื่อบุคคล) เช่น

  • Who did you choose to travel with back then?
    แปล คุณเลือกไปเที่ยวกับใครเมื่อก่อนนี้ (back then เมื่อก่อนนี้)

 

Whose = ของใคร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับการแสดงความเป็นเจ้าของ  เช่น

  • Whose campervan that you wanted to get the service?
    รถตู้สำหรับเที่ยวของใครที่คุณอยากใช้บริการ

 

Whom = ใคร (ใช้เป็นกรรม)

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับบุคคล  เช่น

  • Whom did you travel with when you were younger?
    = ใครได้เที่ยวกับคุณเมื่อคุณยังเด็ก
    (เป็นการถามในอดีต อธิบายเพิ่มเติมได้อีกว่า ใครกันนะที่ได้ไปเที่ยวกับคุณเมื่อก่อนนี้)

 

Which = อันไหน/สิ่งไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามเพื่อให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือ ทำว่าสิ่งไหน อันไหน ดังประโยคด้านล่างนะคะ

  • Which summer that you enjoyed the most last year?
    แปล ซัมเมอร์ไหนที่คุณรู้สึกมีความสุขที่สุดเมื่อปีที่แล้ว

 

How = อย่างไร/เท่าไร

ตัวอย่างเช่น

  • How long did you drive to Florida?  แปลว่า คุณขับรถไปฟลอริดาใช้เวลานานแค่ไหน

*****เพิ่มเติม: How ไม่ใช่ Wh-questions แต่ว่า มักเจอบ่อยในบทสนทนา 

 

สรุปโครงสร้างของ Wh-Questions ของ V. to be ในอดีต

 

 การใช้ Question word ในการถามและตอบคำถามเมื่อกริยาในประโยคเป็น be ( verb to be ) ทำได้ตามโครงสร้างดังนี้ค่ะ

NokAcademy_ม2 การใช้ Yes_No Questions  และ Wh-Questions (5)

” Wh+ was+ subject (singular)+ ……………. ? ——กรณีประธานเอกพจน์
” Wh+ were+ subject (plural)+ ……………. ?” ——กรณีประธานพหูพจน์

 

ตัวอย่าง (Examples) ดังในตารางแสดงการถามเหตุการณ์ในอดีต

 

ประโยคคำถาม

Liza:
Where (ที่ไหน)

was he
she
it
I
last week?
(สัปดาห์ที่แล้ว)
were you
we
they
ประโยคคำตอบ

Jenny:
He (เขาผู้ชาย)
She (เขาผู้หญิง)
It (มัน)
I (ฉัน)

was at the concert
(ที่คอนเสิร์ต)
yesterday.
(เมื่อวานนี้)
You (เขา)
We (พวกเรา)
They (พวกเขา)
were

 

 ถามมา-ตอบไป

กับโครงสร้าง: Wh-Question + was, were +…? VS…. Wh-Question + did+subject+..?

 

ประโยคคำถาม ประโยคคำตอบ
Where did you go last week?
อาทิตย์ก่อนเธอไปไหนมา
I went to my grandmother’s funeral.
ฉันไปงานศพคุณยายมา
What was your elementary school?
โรงเรียนประถมของคุณคือโรงเรียนอะไร
My elementary school was NokAcademy school.
โรงเรียนประถมของผมคือ โรงเรียนนกอะคาเดมี
When did you travel to England?
คุณไปประเทศอังกฤษตอนไหน
I went to England 2 years ago.
ฉันไปประเทศอังกฤษเมื่อสองปีที่แล้ว
Why did he study at NokAcademy school ?
ทำไมเขาถึงเรียนที่โรงเรียนนกอะคาเดมี
Because his parents wanted him to study there.
เพราะว่าพ่อกับแม่ของเขาต้องการให้เขาเรียนที่นั่น
How long did it take you to come here?
คุณใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อมาที่นี่
I took 30 minutes to come here at the school.
ฉันใช้เวลา 30 นาทีเพื่อเดินทางมาโรงเรียนนี้

Wh-Question+ Past Simple Tense

NokAcademy_ม2การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense (5)

 

 

 โครงสร้างประโยคคำถามเมื่อใช้ร่วมกับ Wh-Questions ชนิดต่างๆ:

Wh-Question + Did + Subject + Verb infinitive+…?

เช่น

Where did you go last week?
ไปไหนมาสัปดาห์ที่แล้ว

โครงสร้างประโยคบอกเล่า (ตอบ): Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม -ed+…

สรุปการใช้:
ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับ เช่น last year ปีที่แล้ว, yesterday เมื่อวานนี้, in 1995 ในปี ค.ศ. 1995, in the past ในอดีต

NokAcademy_ม2การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense (5)

Situation: Rosie got diarrhea yesterday at the hospital.

Dan: Where did you go yesterday Rosie?
(โรซี่เมื่อวานไปไหนมาเหรอ)

Rosie: I went to the hospital.
(ฉันไปโรงพยาบาลมาน่ะ)

Dan: What happened?
(เป็นอะไรหรือเปล่า)

Rosie: I got diarrhea.
(ฉันท้องเสีย)

***จะสังเกตได้ว่า ในกลุ่มคำแสดงเวลา เช่น  yesterday (เมื่อวานนี้) คือคำบอกเวลาในอดีต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว

 

การใช้ Question Words ในการถามและตอบคำถาม ในบทสนทนาของลูซี่และแอนนา

 

Lucy: Where did she go last night?

เมื่อคืนหล่อน (อีกคนหนึ่ง)ไปไหนมา

Anna: She went to the birthday party last night.
หล่อนไปงานเลี้ยงวันเกิดมา

 

 สรุปหลักการใช้ Wh-Questions ในอดีตที่ผ่านมา เกิดขึ้นและจบลงแล้ว

 

NokAcademy_ม2การใช้ Wh-questions กับ Past Simple Tense (6)

  • Past Simple Tense จะใช้ถาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีตมักมีคำบอกเวลาว่า ago, yesterday, last week, etc.
    เพราะฉนั้นหากมีการใช้คำถามควบคู่กับ Wh-Questions ให้นักเรียนเข้าใจไว้เลยว่า มันเป็นการถามเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต
    นั่นเองค่า

เป็นอย่างไรกันบ้างคะขอให้สนุกกับการอ่านบทเรียนนี้กันนะคะ นักเรียนที่รักทุกคนอย่าลืมทบทวนบทเรียนเรื่อง Past Simple Tense กับ Time Expression ได้ที่วีดีโอด้านล่างเพิ่มเติม เพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้นนะคะ  เลิฟๆ

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร

การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร

การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร น้องๆจะต้องวิเคราะห์โจทย์ปัญหา แปลงโจทย์ปัญหาให้เป็นสมการ 2 สมการขึ้นไป และแก้สมการเพื่อหาคำตอบ ซึ่งก่อนที่จะเรียนเรื่องนี้ น้องๆสามารถศึกษาเรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร เพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒ การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ⇐⇐ ตัวอย่างที่ 1 ในเข่งหนึ่งมีจำนวนมะม่วงและจำนวนมังคุดรวมกันอยู่ 68 ผล ถ้าจำนวนมะม่วงน้อยกว่าจำนวนมังคุดอยู่ 18 ผล    เข่งใบนี้มีมะม่วงและมังคุดอย่างละกี่ผล โจทย์กำหนดข้อมูลหรือความสัมพันธ์ใดมาให้บ้าง (โจทย์กำหนดข้อมูลมาให้ 2

ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ

ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ เรียนรู้บทร้อยกรองจากพุทธศาสนสุภาษิต

สุภาษิต หมายถึงถ้อยคำที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านาน และมีความหมายเป็นคติสอนใจ บางสุภาษิตพูดนำมาแต่งเป็นบทร้อยกรองเพื่อใช้เป็นบทอาขยานให้กับเด็ก ๆ ได้เรียน ได้ฝึกอ่าน รวมไปถึงให้เรียนรู้ข้อคิดจากสุภาษิตได้ง่ายมากขึ้น บทที่เราจะได้เรียนกันในวันนี้คือ ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   ความเป็นมา ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ     ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญเป็นบทร้อยกรองที่ถูกประพันธ์ขึ้นโดยพระยาอุปกิตศิลปสาร แต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท และกาพย์ยานี 11

ฟังก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง

ฟังก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง ฟังก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง เป็นการส่งสมาชิกจากของเซตหนึ่งเรียกเซตนั้นว่าโดเมน ส่งไปให้สมาชิกอีกเซตหนึ่งเซตนั้นเรียกว่าเรนจ์ จากบทความก่อนหน้าเราได้พูดถึงฟังก์ชันและการส่งสมาชิกในเซตไปแล้วบางส่วน ในบทความนี้เราจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่งมากขึ้น จากที่เรารู้ว่าเซตของคู่อันดับเซตหนึ่งจะเป็นฟังก์ชันได้นั้น สมาชิกตัวหน้าต้องไปเหมือนกัน แต่ฟังก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่งเป็นการกำหนดขอบเขตให้ฟังก์ชันนั้นแคปลงกว่าเดิม เช่น {(1, a), (2, b), (3, a), (4, c)}  จากเซตของคู่อันดับเราสมารถตอบได้เลยว่าเป็นฟังก์ชัน เพราะสมาชิกตัวหน้าไม่เหมือนกัน แต่ฟังก์ชันจากเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง คือการที่เรามีเซต 2 เซต แล้วเราส่งสมาชิกในเซตหนึ่งไปอีกเซตหนึ่ง

ฟังเพื่อจับใจความ

วิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะ 3 วิธีที่จะช่วยให้เราฟังเพื่อจับใจความได้อย่างดี

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน สำหรับเนื้อหาในบทเรียนภาษาไทยวันนี้ต้องขอบอกเลยว่าสนุก และไม่หนักจนเกินไป เพราะเป็นเรื่องของทักษะการฟังเพื่อจับใจความที่เราสามารถฝึกฝน เรียนรู้ แล้วนำไปใช้ในการเรียน หรือการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ โดยวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าการฟังเพื่อจับใจความมันคืออะไร แตกต่างไปจากการฟังแบบทั่วไปอย่างไร แล้วลักษณะของการฟังเพื่อจับใจความมีอะไรบ้าง ถ้าทุกคนพร้อมแล้วอย่ารอช้าเรามาเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาในวันนี้กันเลยดีกว่า     กระบวนการในการฟังของมนุษย์ การฟังเป็นกระบวนการรับสารของมนุษย์อีกอย่างหนึ่งที่ใช้ในการสื่อสาร มนุษย์ใช้กระบวนการรับรู้เสียงต่าง ๆ ผ่านหู และใช้สมองในการแปลความหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมนุษย์มีกระบวนการเรียนรู้อยู่หลัก ๆ  5 

การใช้ going to / will ในการสร้างประโยค

การใช้ going to / will ในการสร้างประโยค เกริ่นนำเกริ่นใจ   ภาพใหญ่ของ Will และ Be going to การจะเข้าใจอะไรได้อย่างมั่นใจและคล่องตามากขึ้น เราในฐานะผู้เรียนรู้ควรที่จะต้องเห็นภาพรวมทั้งหมดก่อน โดย Will เนี่ย อยู่ในตระกูล Auxiliary verb หรือ Helping verb

แบบฝึกหัดการให้เหตุผล

แบบฝึกหัดการให้เหตุผล

แบบฝึกหัดการให้เหตุผล   แบบฝึกหัดการให้เหตุผล ประกอบไปด้วยการให้เหตุผลแบบอุปนัยและการให้เหตุผลแบบนิรนัย ซึ่งแบบฝึกหัดนี้จะช่วยให้น้องๆได้ฝึกฝนการทำโจทย์จนน้องๆเชี่ยวชาญและส่งผลให้น้องๆทำข้อสอบได้แบบไม่ผิดพลาด ถ้าเรารู้เฉยๆเราอาจจะทำข้อสอบได้แต่การที่เราฝึกทำโจทย์ด้วยจะทำให้เราทำข้อสอบได้แน่นอนค่ะ แบบฝึกหัดเพิ่มเติมและข้อสอบ O-Net ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นข้อสอบ O-Net ของปีก่อนๆ   1.) พิจารณาการอ้างเหตุผลต่อไปนี้ ก. เหตุ 1. ถ้าฝนไม่ตกแล้วเดชาไปโรงเรียน   2. ฝนตก      ผล   

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1