การใช้ V. to be ร่วมกับ Who/ What/Where และ Like +V. infinitive

M2 V. to be + ร่วมกับ Who WhatWhere + -Like + infinitive

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.2 ทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้ V. to be + ร่วมกับ Who/ What/Where + -Like + infinitive ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สับสนบ่อย แต่ที่จริงแล้วง่ายมากๆ
ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go

ความหมาย

 

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (2)

 Verb to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ

  • ถ้าหลัง verb to be เป็นสถานที่ แปลว่า อยู่
  • ถ้าหลัง verb to be เป็นคำนามทั่วไป แปลว่า เป็น, คือ
  • ถ้าหลัง verb to be เป็นคำคุณศัพท์จะไม่มีความหมายค่า

 

ประเภทของ Verb to be

 

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (3)

 

เจ้า Verb to be สามารถแปลงร่างออกได้เป็น 7 คำด้วยกันนะคะ
ได้แก่

 

be, is, am, are

was, were

been

Verb to be ทั้ง 7 ตัวนี้ แปลว่า เป็นอยู่คือเหมือนกัน แต่หลักการใช้ไม่เหมือนกันซึ่งจะขึ้นอยู่กับ tense นะคะ
ลองดูประโยคต่อไปนี้

× Lisa be an artist.

√ Lisa is an artist.

ลิซ่าเป็นศิลปิน

หรือ การใช้ was, were ดังนี้

× I be just a little girl in 1998.

√ I was just a little girl in 1998.

ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในปี 1998

 

 

 การใช้ is/ am/ are

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (4)

 

นักเรียนสามารถใช้ is/ am/ are ในประโยค Present simple tense และ
Present continuous tense (ปัจจุบันกาล) ได้เลยค่ะ
แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องใช้ให้สอดคล้องกับประธานของประโยคด้วยนะคะ

ตัวอย่างเช่น

I am a girl.
ฉันเป็นเด็กผู้หญิง

Jack is a singer.
แจ็คเป็นนักร้อง

We are swimming.
พวกเรากำลังว่ายน้ำ

We are just friends.
พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน

การใช้ was/ were

 

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (5)

 

นักเรียนสารมารถใช้ กริยา was และ were ในประโยค Past simple tense และ Past continuous tense (อดีตกาล)  ได้เลยค่า โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของประธานกับกริยาด้วยนะคะ เช่น

I went to England last year.
ฉันไปอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว

She was in the car when he called her.
เธออยู่ในรถเมื่อเขาโทรหาเธอ

Jennie was singing a song while her mother was calling her.
เจนนี่กำลังร้องเพลงขณะที่แม่ของเธอกำลังโทรหาเธอ

Daniel was driving a car when the accident happened.
แดเนียลกำลังขับรถอยู่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ

 

ตัวอย่างประโยค

ประโยคบอกเล่า: Lisa is singing at the concert right now.
ลิซ่ากำลังร้องเพลงที่คอนเสิร์ตตอนนี้
ประโยคคำถาม: Is Lisa singing at the concert right now?
ตอนนี้ลิซ่าร้องเพลงที่คอนเสิร์ตหรือเปล่าคะ

อธิบายเพิ่มเติม: Lisa เป็นประธาน, is เป็น V. to be, singing มาจาก sing + ing แปลว่า กำลังร้องเพลง

ทบทวนคำนาม

คำนามในภาษาอังกฤษจะมี 2 รูป คือเอกพจน์และพหูพจน์

คำนามเอกพจน์ (singular noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป เช่น a book, a pencil, a girl ส่วนคำนามพหูพจน์ (plural noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดอีกแบบก็คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไปนั่นเองค่ะ

 

การใช้ Who/What/Where

 

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (6)

ทบทวน Wh-Questions  เมื่อต้องถามคำถามอะไรก็ตามที่ไม่ต้องการคำตอบ Yes หรือ No แบบตรงประเด็น เราจะเรียกคำถามประเภทนี้ว่า Question  words หรืออีกชื่อในวงการคือ Wh-Questions ซึ่งได้แก่คำถามที่มักจะขึ้นต้นด้วย Wh- เช่น What, When, Where , Why, Whose, Which, Whom, Who

***เป็นกลุ่มคำถามที่ต้องการ คำตอบ เจาะจงอธิบาย ขยายความ 

  • Who = ใคร

นักเรียนสามารถใช้โครงสร้าง Who + do+ you + like to + V.inf ได้ค่ะ
จะแปลว่า ใครที่คุณต้องการ…
เช่น

Who do you like to travel with?
คุณต้องการจะไปเที่ยวกับใคร

  • What = อะไร

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ ชื่อ วันที่ เวลา สิ่งที่รักที่ชอบ ใช้ถามได้ทั้ง
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต 

What’s the weather like today?
อากาศวันนี้เป็นยังไงบ้าง

  •  Where = ที่ไหน

ใช้ขึ้นต้นคำถามที่ต้องการถามใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่

Where do you like to go?
คุณต้องการจะไปที่ไหน

การใช้ Like VS Likely

 

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (7)

 

like กับ likely ความหมายไม่ได้เหมือนกันนะคะนักเรียน การใช้แตกต่างไปกับหน้าที่ของคำค่ะ ลองไปดูความหมายกันจ้า

  • ในความเป็น Adjective  หรือคำคุณศัพท์ จะขยาย Noun อยู่หน้า noun / หลัง v.to be
  • ในความเป็น Adverb  หรือคำวิเศษณ์ จะขยาย Verb จะสามารถอยู่ได้หลายที่ในประโยคนะคะ

ดังตัวอย่างเช่น

It is likely to rain.
มันมีแนวโน้มว่าฝนจะตก

(likely เป็น Adj. ตามหลัง v.to be)

 

She is like my mother.
หล่อนเป็นเหมือนแม่ของฉัน

(like เป็น Adj. แปลว่า เหมือน)

 

 

Like to + V.inf

 

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (8)

 

To + infinitive แปลว่า เพื่อที่จะ  ส่วนหน้าที่ของ To+ Infinitive นั้นมีเยอะมากค่ะ เช่น สามารถทำหน้าที่เป็นคำนาม มักเจอในตำแหน่งประธานของประโยค กรรมของประโยค หน้าที่อื่นๆ เช่น ทำหน้าที่เป็นคำขยาย ขยายคำนาน (Noun) หรือ คำคุณศัพท์ (Pronoun) ทำหน้าที่เป็นคำขยายกริยา (adverb)

แต่ถ้าจะบอกว่า like+V.ing จะแปลว่า ชอบการ…ค่ะ
ดังตัวอย่างเช่น

 I like travelling.
ฉันชอบการท่องเที่ยว

She likes cooking.  
เธอชอบการทำอาหาร

เมื่อเราใช้ร่วมกับ who จะสามารถแต่งประโยคได้ดังนี้ค่ะ

Who likes to play football?
ใครชอบเล่นฟุตบอลเหรอ

I like to go to the mall.

ฉันชอบไปห้าง

She likes to sing a song.

หล่อนชอบร้องเพลง

 การใช้ Like หลัง V. to be จะแปลว่า ลักษณะ ค่ะ มักใช้ร่วมกับ to

ครูขอยกตัวอย่าง การใช้ Wh-Questions ร่วมกับ กริยา Verb to be เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพและความแตกต่าง ของการถามคำถามตระกูล “Wh-Questions” เมื่อจะต้องนำไปใช้ในบริบทที่แตกต่างกันนะคะ  ดังตัวอย่างด้านล่างเลยจ้า

M2 V. to be + ร่วมกับ Who_ What_Where + -Like + infinitive (9)

  • What is … like?

เพื่อขอคำอธิบายสิ่งต่างๆ หรือคนเกี่ยวกับ รูปลักษณ์ ลักษณะและ พฤติกรรม

Jane: What’s her new house like?
เจน: บ้านใหม่ของเธอมีลักษณะยังไง

Tom: It’s modern white house.
ทอม: เป็นบ้านสีขาวทรงโมเดิร์นครับ

อธิบายเพิ่มเติม:

เราจะไม่ใช้ How is like…มีใช้ขอข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ

Alisa: Have you ever had Pad Thai?
คุณเคยกินผัดไทยหรือเปล่า

Jennie: NoWhat’s it like?
ไม่เลย มันเป็นยังไงอ่ะ

Alisa: Well, it’s a fried noodle in a special Thai sauce.
มันคือเส้นผัดปรุงซอสแบบไทยๆสูตรพิเศษจ้า

ผิด: How is it like?

 

ส่วน Who และ where เมื่อใช้ร่วมกับ like to เราจะสามารถแต่งประโยคได้ดังนี้ค่ะ

  • Who + V. to be + likely + to…?
    ใครมีแนวโน้มที่จะ
    เช่น
    Who is likely to come with us?
    ใครน่าจะไปกับเราด้วย (บอกแนวโน้ม)

Where do you like to…?
คุณอยาก…ที่ไหน

Where do you like to go?
คุณอยากไปที่ไหน

Where would you like to go?
คุณต้องการจะไปที่ไหนคะ
***ใช้ would เพื่อถามแบบสุภาพ นะคะ

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ พอจะเข้าใจ การใช้ V. to be + ร่วมกับ Who/ What/Where + -Like + infinitive กันขึ้นมาบ้างมั้ยเอ่ย
นักเรียนสามารถรับชมคลิปวิดีโอเรียนภาษาอังกฤษฟรีๆย้อนหลังได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลย

คลิกปุ่มเพลย์เพื่อรับชมคลิปวิดีโอได้ที่ด้านล่างเลยจ้า
Have fun!

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

วงกลม

วงกลม

วงกลม วงกลม ประกอบด้วยจุดศูนย์กลาง (center) เส้นผ่านศูนย์กลาง และรัศมี (radius) สมการรูปแบบมาตรฐานของวงกลม สมการรูปแบบมาตรฐานของวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางที่ (h, k) คือ (x-h)² + (y-k)² = r² จากสมการ จะได้ว่า มีจุดศูนย์กลางที่ (h, k) และรัศมี r จะเห็นว่าถ้าเรารู้สมการมาตรฐานเราจะรู้รัศมี

เสภาขุนช้างขุนแผน

เสภาขุนช้างขุนแผน จากนิทานชาวบ้านสู่วรรณคดีราชสำนัก

เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของกลอนเสภาและเป็นที่ยอมรับกันในหมู่นักวรรณคดีว่าเป็นเลิศทั้งในด้านเนื้อเรื่องและการประพันธ์ มีมากมายหลายตอน หลายสำนวนและหลายผู้แต่ง แต่บทเรียนที่น้อง ๆ จะได้ศึกษากันในวันนี้เป็น เสภาขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา จะมีเนื้อหาและความเป็นมาอย่างไรเราไปศึกษาเรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ความเป็นมาของ เสภาขุนช้างขุนแผน   ขุนช้างขุนแผนสันนิษฐานว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยา จากพงศาวดารทำให้ทราบว่าขุนแผนรับราชการอยู่ในสมัยสมเด็จพระพันวษา หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ซึ่งครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2034-พ.ศ 2072 ต่อมามีการนำเรื่องขุนช้างขุนแผนมาแต่งเป็นกลอนสุภาพและบทเสภาโดยใช้กรับเป็นเครื่องประกอบจังหวะ

Passive Voice ในปัจจุบัน

Passive Voice ในรูปปัจจุบัน

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดูการใช้ Passive Voice ในรูปปัจจุบัน กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ   ความหมาย   Passive Voice (แพ็ซซิฝ ว็อยซ) หมายถึงประโยคที่เน้นกรรม โดยการนำโครงสร้างผู้ถูกกระทำขึ้นต้นประโยค และหากว่าต้องการเน้นผู้กระทำให้เติม  “by + ผู้กระทำ” ท้ายประโยค แต่ว่าเราสามารถละ by ไว้ได้น๊า ในบทนี้เราจะไปดูรูปประโยคในปัจจุบันกันจร้า

การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร

การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร

การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร น้องๆจะต้องวิเคราะห์โจทย์ปัญหา แปลงโจทย์ปัญหาให้เป็นสมการ 2 สมการขึ้นไป และแก้สมการเพื่อหาคำตอบ ซึ่งก่อนที่จะเรียนเรื่องนี้ น้องๆสามารถศึกษาเรื่อง การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร เพิ่มเติมได้ที่  ⇒⇒ การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ⇐⇐ ตัวอย่างที่ 1 ในเข่งหนึ่งมีจำนวนมะม่วงและจำนวนมังคุดรวมกันอยู่ 68 ผล ถ้าจำนวนมะม่วงน้อยกว่าจำนวนมังคุดอยู่ 18 ผล    เข่งใบนี้มีมะม่วงและมังคุดอย่างละกี่ผล โจทย์กำหนดข้อมูลหรือความสัมพันธ์ใดมาให้บ้าง (โจทย์กำหนดข้อมูลมาให้ 2

โจทย์ปัญหาเลขยกกำลัง

โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกกำลัง

โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกกำลัง          เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเลขยกกำลังที่เรียนมาไม่ว่าจะเป็น การคูณ การหาร เลขยกกำลัง และการเขียนเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มบวก ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกกำลัง รวมทั้งไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากมาย  ในบทความนี้จะกล่าวถึงการนำความรู้เกี่ยวกับเลขยกกำลังไปใช้แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 1 – 3 ตัวอย่างที่ 1  เด็กชายศิระนำแท่งลูกบาศก์ไม้ขนาด 5³ ลูกบาศก์เซนติเมตร  มาจัดวางในลูกบาศก์ใหญ่ที่มีความยาวของแต่ละด้านเป็น

ฟังเพื่อจับใจความ

วิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะ 3 วิธีที่จะช่วยให้เราฟังเพื่อจับใจความได้อย่างดี

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน สำหรับเนื้อหาในบทเรียนภาษาไทยวันนี้ต้องขอบอกเลยว่าสนุก และไม่หนักจนเกินไป เพราะเป็นเรื่องของทักษะการฟังเพื่อจับใจความที่เราสามารถฝึกฝน เรียนรู้ แล้วนำไปใช้ในการเรียน หรือการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ โดยวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าการฟังเพื่อจับใจความมันคืออะไร แตกต่างไปจากการฟังแบบทั่วไปอย่างไร แล้วลักษณะของการฟังเพื่อจับใจความมีอะไรบ้าง ถ้าทุกคนพร้อมแล้วอย่ารอช้าเรามาเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาในวันนี้กันเลยดีกว่า     กระบวนการในการฟังของมนุษย์ การฟังเป็นกระบวนการรับสารของมนุษย์อีกอย่างหนึ่งที่ใช้ในการสื่อสาร มนุษย์ใช้กระบวนการรับรู้เสียงต่าง ๆ ผ่านหู และใช้สมองในการแปลความหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมนุษย์มีกระบวนการเรียนรู้อยู่หลัก ๆ  5 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1