การใช้ Some และ Any ตามด้วยคำนาม

สวัสดีน้องๆ ม. 2 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้การใช้ some และ any กันแบบเข้าใจง่ายๆ ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูกันเลยครับ
some any

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Some และ Any คือ?

สำหรับคำว่า Some และ Any นั้นมีความหมายว่า “บางอันหรือบางสิ่ง” ซึ่งเรามักจะใช้นำหน้าคำนาม ทั้งคำนามที่นับได้และคำนามที่นับไม่ได้ โดยวันนี้พี่จะแบ่งประเภทของการใช้ Some/Any ดังนี้ครับ

 

รูปแบบของการใช้ some

1) some + คำนามนับได้พหูพจน์

เราสามารถใช้ some ตามด้วยคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ (plural countable nouns) จะให้ความหมายว่า “มีอยู่บ้าง” “บางอัน” เช่น

There are some apples in the basket.

(มีแอปเปิ้ลอยู่บ้างในตระกร้า)

There are some children in the playground.

(มีเด็กๆ บางคนอยู่ในสนามเด็กเล่น)

some apples

some children

 

2) some + คำนามนับไม่ได้ทั่วๆ ไป

เราสามารถใช้ some ตามด้วยคำนามนับไม่ได้ทั่วไปได้ด้วยเช่นกัน มีความหมายเหมือนกับข้อที่แล้ว เช่น

There is some milk in the fridge.
(มีนมในตู้เย็นอยู่บ้าง)

some milk

 

3) some ในคำถามยื่นข้อเสนอ

หากน้องๆ ต้องการถามให้สักคนว่า ต้องการ…บ้างไหม? น้องๆ สามารถใช้ some นำหน้าคำนามนั้นๆ ได้ เช่น

Would you like some coffee?
(คุณต้องการรับกาแฟไหม?)

some coffee

 

รูปแบบของการใช้ any

โดยส่วนใหญ่น้องจะเจอคำว่า any ในประโยคคำถาม (แปลว่า บ้างไหม) หรือปฏิเสธ (แปลว่า ไม่มี…เลย) ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทได้ ดังนี้

1) any + คำนามนับไม่ได้

เราสามารถใช้ any ตามด้วยคำนามนับไม่ได้ เช่น

Is there any sugar in the kitchen?
(มีน้ำตาลอยู่ในครัวบ้างไหม?)

I don’t have any money.
(ฉันไม่มีเงินเลย)

any sugar

any money

 

2) any + คำนามนับได้พหูพจน์

เราสามารถใช้ any ตามด้วยคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ (plural countable nouns) ซึ่งหากอยู่ในรูปประโยคบอกเล่าจะแปลว่า “ใดๆ ก็ได้” เช่น

You can travel to any places.
(คุณสามารถไปเที่ยวที่ไหนก็ได้)

We can wear any shoes.
(เราสามารถใส่รองเท้าคู่ใดก็ได้)

any places

any shoes

 

นี่ก็เป็นกฎพื้นฐาน 5 ข้อ ของการใช้ Some และ Any พื้นฐานที่น้องๆ ควรจะต้องรู้ก็คือเรื่องคำนามนับได้/นับไม่ได้ซึ่งจะช่วยให้น้องๆ ใช้ Some และ Any ได้แม่นยำ และน้องๆ สามารถดูวิดีโอเรื่องนี้จากช่องของ NockAcademy ได้ด้านล่างเลยครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

ป6การใช้ love, like, enjoy, hate ในการเเต่งประโยค

การใช้ love, like, enjoy, hate ในการเเต่งประโยค

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.6 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้  love, like, enjoy, hate ในการเเต่งประโยค หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ Let’s go!   โครงสร้าง: In my free time/ In my spare time,…     In my

ความเป็นมาของบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก

บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เป็นวรรณคดีที่สำคัญและมีอิทธิพลต่อความคิดความเชื่อของคนไทยมาอย่างยาวนาน น้อง ๆ หลายคนก็คงจะรู้จักและเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างตามสื่อต่าง ๆ แต่ทราบไหมคะว่าวรรณคดีเรื่องนี้มีที่มาอย่างไร และทำไมถึงมาเป็นบทละคร มีความสำคัญอย่างไรจึงมาอยู่ในบทเรียนวิชาภาษาไทย เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ   ความเป็นมาของบทละครเรื่องรามเกียรติ์     รามเกียรติ์ เป็นวรรณคดีที่ได้รับอิทธิพลและมีเค้าโครงเรื่องมาจากมหากาพย์รามายณะที่ฤๅษีวาลมีกิ ชาวอินเดียเป็นคนแต่งขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต แม้จะไม่ปรากฏปีที่วรรณคดีเรื่องดังกล่าวเข้ามาเผยแผ่ในไทยอย่างแน่ชัด แต่ด้วยจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็ทำให้นักวิชาการคาดการณ์ว่าเป็นช่วงสมัยอยุธยา และในสมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินได้ทรงประพันธ์เพื่อให้ละครหลวงเล่น ก่อนที่ต่อมาสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่

เรียนรู้และเข้าใจเรื่องคำซ้อนในภาษาไทย

คำซ้อน เป็นหนึ่งในบทเรียนหลักภาษาไทยเรื่องการสร้างคำ น้อง ๆ หลายคนอาจจะเคยสับสนกับวิธีสร้างคำซ้อน ไม่รู้ว่าแบบไหนกันแน่ที่เรียกว่าคำซ้อน เพราะภาษาไทยเรานั้นก็มีคำมากมายเหลือเกิน วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องคำซ้อนให้มากขึ้น รับรองว่าไม่ยากแน่นอนค่ะ   คำซ้อน     ความหมายของคำซ้อน   คำซ้อน คือ คำที่เกิดจากการนำคำตั้งแต่ 2 คำ ขึ้นไปมาเรียงต่อกัน โดยคำที่นำมาซ้อนกันจะต้องเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน ใกล้เคียงกัน ตรงข้ามกัน หรืออาจมีเสียงที่คล้ายกัน

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง

การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่ง คือ การนำเสนอข้อมูลที่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้โดยใช้รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งเเต่ละรูปมีความกว้างเท่ากัน เเละใช้ความสูงหรือความยาวเเสดงปริมาณของข้อมูล เเต่จุดเริ่มต้นจะต้องเริ่มในระดับเดียวกันเสมอ อาจอยู่ในเเนวตั้งหรือเเนวนอนก็ได้ การนำเสนอข้อมูลและแปลความหมายข้อมูลด้วยแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบ คือ การนำเสนอข้อมูลโดยเปรียบเทียบข้อมูลตั้งเเต่ 2 ชุดขึ้นไปในแผนภูมิเดียวกัน โดยมีเเท่งสี่เหลี่ยมที่เเสดงข้อมูลชนิดเดียวกันอยู่ด้วยกันเป็นชุดๆ เเละมีสีหรือเเรเงาในเเท่งสี่เหลี่ยมต่างกัน เเละระบุไว้บนเเผนภูมิด้วยว่าสีหรือเเรเงานั้น ๆ เป็นข้อมูลของอะไร ตัวอย่างของแผนภูมิเเท่งเปรียบเทียบ ส่วนประกอบของเเผนภูมิแท่ง: 1. ชื่อแผนภูมิ 2. จำนวน 3.

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

การใช้กริยา V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

สวัสดีค่ะนักเรียนที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้กริยา be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ กันนะคะ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go! รู้จักกับ V. to be   V. to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ หลัง verb to

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1