สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาเรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้ประโยคคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำง่ายๆ “Easy Imperative Sentences” กันนะคะ
ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย
รูปแบบและโครงสร้างประโยคคำสั่ง Imperative sentence
- Imperative sentence ในรูปแบบประโยคบอกเล่าจะ ใช้ Verb base form (V.1) ขึ้นต้นประโยคแล้วตามด้วยสิ่งที่จะสั่งให้ทำ หรืออาจใช้ Verb แค่คำเดียวก็ได้ เช่น
Stay strong. แปลว่า เข้มแข็งหน่อยสิ
Go for it. แปลว่า ลุยเลย
Stay focus. แปลว่า มีสมาธิหน่อยสิ
อธิบายเพิ่มเติม: ถ้าต้องการให้ประโยค Imperative สุภาพยิ่งขึ้น ควรเติม ‘do’ ไว้ข้างหน้า ตัวอย่างเช่น
Do go to school.
แปล ต้องไปโรงเรียนนะDo have breakfast every morning.
แปล ต้องทานอาหารเช้าทุกๆ เช้านะ
- ใช้ Verb ‘be’ ขึ้นต้นประโยค เช่น
Be a good boy.
จงเป็นเด็กดีBe a good role model.
จงเป็นตัวอย่างที่ดีBe brave.
จงกล้าหาญBe kind.
จงมีเมตตา
- Imperative sentence ในรูปแบบประโยคปฏิเสธ หากต้องการทำให้เป็นรูปแบบประโยคปฏิเสธ เพียงแค่วาง do not (don’t) หน้าคำกริยา จะได้โครงสร้าง
Don’t + V. infinitive เช่น
Don’t eat late.
= อย่าทานข้าวสายDon’t copy a homework.
= อย่าลอกงานเพื่อนDon’t go alone.
= อย่าไปคนเดียว
- Imperative sentence ที่ขึ้นต้นด้วยกริยา ‘be’ ก็เช่นเดียวกัน เพียงวาง don’t หน้ากริยา be เช่น
Don’t be silly.
= อย่างี่เง่าDon’t be noisy here.
= อย่าเสียงดังที่นี่Don’t be grumpy.
= อย่าวีน (อย่าอารมณ์เสียเลย)
Imperative sentence ในเชิงขอร้อง
เราสามารถใช้ Imperative sentence ในเชิงขอร้องได้ โดยเพียงเติม Please (กรุณา)
เข้าไปวางไว้หน้าหรือท้ายประโยคก็ได้ เพื่อให้ดูสุภาพขึ้น เช่น
- Please give me a chance.
= กรุณาให้โอกาสฉันด้วย - Please stay here for a while.
= กรุณาอยู่ที่นี่สักครู่ - Please hold on for a second.
= กรุณาถือสายรอสักครู่ - Please come on time.
= กรุณามาตรงเวลาด้วย
ประโยคคำสั่ง(แบบชักชวน)
ประโยคคำสั่งที่ใช้ไนความหมายแบบชักชวนนี้ มีอยู่รูปเดียวคือ Let’s (Let us) เป็นการชักชวน แบบเป็นกันเอง เช่น เพื่อนชวนเพื่อนออกไปกินข้าว พี่ชวนน้องไปเที่ยว เป็นต้น โดยที่ผู้ถามอาจจะไม่ต้องการคำตอบแต่เป็นเพียงการชวนไปทำอะไรบางอย่าง อย่างมีจุดมุ่งหมาย จะเรียกว่าสั่งแบบชวนแบบนั้นก็ได้ค่ะ ซึ่ง มีโครงสร้าง ดังนี้นะคะ
โครงสร้างประโยคคำสั่ง (แบบชักชวน)
” Let’s + V. infinitive…”
|
ตัวอย่าง
Let’s go to the canteen.
ไปโรงอาหารกันเถอะ
เพิ่มเติม: บางประโยคอาจจะมีคำว่า Shall we? ต่อท้ายด้วยเพื่อเป็นการชักชวน
แปลว่า ไปกันเถอะ(ป้ะ) เข้ามาด้วย ซึ่งใช้กับเพื่อนหรือการชวนคนสนิท
ประโยคแนะนำที่เจอในชีวิตประจำวัน
ประโยคคำแนะนำส่วนใหญ่แล้วจะเจอในรูปแบบของประโยคบอกเล่าซึ่งจะมีความหมายในทางเสนอแนะมากกว่า บางครั้งก็เป็นการให้ความคิดเห็นและแนะว่าควรทำหรือไม่ควรทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งถือเป็นการเสนอแนะโดยตรงมีโครงสร้างดังนี้ค่ะ
ตัวอย่าง
I suggest that you should take a bus to school.
ฉันขอเสนอแนะว่า เธอควรขึ้นรถบัสไปโรงเรียน
I advise we should go jogging everyday.
ฉันขอแนะนำว่า เราควรไปวิ่งทุกวัน
I propose that we should not miss the flight.
ฉันขอเสนอว่า ว่าเราไม่ควรตกเที่ยวบิน
I ought to help my mom wash the dishes.
ฉันควรจะ ช่วยคุณแม่ล้างจาน
I advise you should water your plants every day.
ฉันแนะนำให้คุณรดน้ำต้นไม้ทุกวัน
ในชีวิตประจำวันเราจะเจอกลุ่มประโยคคำถามเกี่ยวกับการ“ชักชวน”
ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ล้วนจะต้องเจอกลุ่มประโยคคำถามในเชิงชักชวน และการเสนอแนะที่ใช้เป็นรูปแบบคำถามนั้นถือเป็น การเสนอแนะชักชวนทางอ้อม เพื่อแสดงถึงการเกรงใจซึ่งเป็นนิสัยที่คนไทยส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว ต้องการคำตอบหรือการตกลงไม่ตกลงจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ประโยคคำถามที่ใช้มีดังนี้
- ถามแบบรูปประโยค Yes/No Question :
Shall we…………?
เรา………กันดีมั้ย
- ถามแบบรูปประโยค Wh- Questions :
Why don’t we………..?
เรา .. … กันมั้ย
How about……….?
…………….ดีมั้ย
- ถามแบบรูปประโยค Indirect Questions :
I wonder if we…
ฉันไม่ทราบว่า เรา………….มั้ย
ตัวอย่าง:
Shall we read books at the library?
เราไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกันเถอะ
Why don’t we walk to school?
ทำไมเราไม่เดินไปโรงเรียนกันนะ (หรือ เดินไปโรงเรียนกันดีกว่า)
How about playing a football after school?
เย็นนี้ เล่นฟุตบอลกันเถอะ
I wondered if we should sit with them?
ฉันว่าเราควรไปนั่งกับพวกเขากันเถอะ
Shall we book a movie ticket?
เราจองตั๋วหนังกันดีมั้ย
Shall we go to the wedding?
เราควรไปงานแต่งกันมั้ยI wondered if we can wear a mask during Covid-19 everyday?
ฉันว่าเราควรใส่หน้ากากทุกวันในช่วงโควิดนี้How about eating out today?
วันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่า
การตอบรับ (Accepting)
Yes!
ได้เลย
Of course!แน่นอน
That’s a good/ great idea/ What a good idea.
เป็นความคิดที่ดีมากๆThat’s interesting.
น่าสนใจดีYes/ Of course/ Certainly/Absolutely/ Surely
ไปแน่นอน
การตอบปฏิเสธ (Refusing):
Sorry, I can’t go.
ขอโทษด้วยนะ ฉันไปไม่ได้Sorry, I already had a plan.
ขอโทษนะพอดีว่ามีแผนแล้วI’m afraid I won’t be able to come.
ดิฉันเกรงว่าคงจะไปไม่ได้นะคะSorry, I’d love to but I already had an appointment.
ขอโทษที ฉันก็อยากไปนะ แต่บังเอิญว่าดันฉันมีนัดแล้วอะI really don’t think I can go, and I must say sorry.
ฉันคิดว่าฉันคงจะไปไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องขอโทษนะคะ
ครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักเรียนที่น่ารักทุกคนจะได้รับประโยชน์และความรู้จากการอ่านบทความนี้นะคะ ขอให้สนุกและมีความสุขกับการเรียนนะคะทุกคน
เลิฟๆ