Can และ Could คืออะไร?
ถ้าเรียกตามหลักภาษาแล้ว Can และ Could จะอยู่ในกลุ่มกริยาที่มีชื่อว่า Modals เป็นกริยาช่วยประเภทหนึ่ง ซึ่งก็จะมีกริยาอีกหลายๆ ตัวที่เป็น Modals เช่น will, would, should, เป็นต้น
Can และ Could นั้นปกติแล้วจะแปลว่า “สามารถ” โดยจะมีหลักการใช้เบื้องต้นดังนี้
1) ใช้ถามเกี่ยวกับความสามารถ (ask about ability)
2) ใช้เพื่อขออนุญาต (ask for permission)
การใช้ถามเกี่ยวกับความสามารถ
เราสามารถใช้ Can/Could เพื่อบอกความสามารถ (ability) ของเราได้ ตัวอย่างเช่น
I can swim.
(ฉันว่ายน้ำได้)
Tony can dance.
(โทนี่เต้นได้)
หรือถ้าเป็นความสามารถที่เราทำได้ในอดีต (ปัจจุบันทำไม่ได้แล้ว) ให้ใช้คำว่า could เช่น
She could swim.
(เธอเคยว่ายน้ำได้) *ปัจจุบันว่ายน้ำไม่ได้แล้ว
I could speak French.
(ฉันพูดภาษาฝรั่งเศสได้) *ปัจจุบันพูดไม่ได้แล้ว
ดังนั้นหากเราต้องการถามใครสักคนว่า “คุณสามารถ…ได้ไหม?” เราจะทำได้ดังนี้
ตัวอย่าง
Can you speak Thai?
(คุณพูดภาษาไทยได้ไหม?)
ตอบ: Yes, I can./No, I can’t.
Can Tony dance?
(โทนี่เต้นได้ไหม?)
ตอบ: Yes, he can./No, he can’t.
Can she roll her tongue?
(เธอม้วนลิ้นได้ไหม?)
ตอบ: Yes, she can./No, she can’t.
การใช้เพื่อขออนุญาต
นอกจากจะใช้ถามเกี่ยวกับความสามารถแล้ว เรามักจะใช้ can/could ในการขออนุญาตได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น
Can I borrow your rubber?
(ฉันขอยืมยางลบของคุณได้ไหม?)
Can I use your computer?
(ฉันขอใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ไหม?)
Can I bring my girlfriend with me?
(ผมสามารถพาแฟนสาวไปกับผมด้วยได้ไหม?)
การใช้ Could นั้นมีความหมายเหมือนกับ Can แต่จะมีความเป็นทางการและสุภาพมากกว่า เรามักใช้กับการขออนุญาตผู้ที่อาวุโสกว่า หรือคนที่เราเพิ่งรู้จัก และมักลงท้ายด้วยคำว่า please ตัวอย่างเช่น
Could you pass me some sugar, please?
(คุณช่วยส่งน้ำตาลมาให้หน่อยได้ไหม?
Could you give us a moment, please?
(คุณช่วยให้เวลาเราสักครู่ได้ไหม?)
Could you explain that topic for me, please?
(คุณช่วยอธิบายหัวข้อนั้นให้ฉันทีได้ไหม?)
นี่ก็เป็นหลักในการใช้ Can และ Could ในการตั้งคำถามแบบเข้าใจง่ายๆ หวังว่าน้องๆ จะเอาไปลองใช้ในชีวิตประจำวันกันนะครับ โดยน้องๆ สามารถชมวิดีโอเกี่ยวกับการใช้ Can และ Could เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นด้านล่างนี้ได้เลยครับ