การใช้กริยา V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่ะนักเรียนที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้กริยา be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ กันนะคะ
พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go!

รู้จักกับ V. to be

 

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ (2)

V. to be

แปลว่า เป็น อยู่ คือ หลัง verb to be เป็นสถานที่ จะแปลว่า อยู่ และหากหลัง verb to be เป็นคำนามทั่วไป แปลว่า เป็น/คือ และถ้าหากหลัง verb to be เป็นคำคุณศัพท์ ตรงนี้ V. to be จะไม่มีความหมายเลยจ้า

 

ชนิดของ Verb to be

 

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ (3)

เจ้า Verb to be สามารถแปลงร่างออกได้เป็น 7 คำด้วยกันนะคะ
ได้แก่

 

be, is, am, are

was, were

been

Verb to be ทั้ง 7 ตัวนี้ แปลว่า เป็นอยู่คือเหมือนกัน แต่หลักการใช้ไม่เหมือนกันนะคะ
ลองดูประโยคต่อไปนี้

 

× Lisa be an artist.

√ Lisa is an artist.

ลิซ่าเป็นศิลปิน

 

 การใช้ is/ am/ are

 

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ (4)

นักเรียนสามารถใช้ is/ am/ are ในประโยค Present simple tense และ Present continuous tense (ปัจจุบันกาล) ได้เลยค่ะ
แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องใช้ให้สอดคล้องกับประธานของประโยคด้วยนะคะ

ตัวอย่างเช่น

I am a girl.
ฉันเป็นเด็กผู้หญิง

Mike is a boy.
ไมค์เป็นเด็กผู้ชาย
They are swimming.
พวกเขากำลังว่ายน้ำ

We like her.
พวกเราชอบเธอ

การใช้ was/ were

 

นักเรียนสารมารถใช้ กริยา was และ were ในประโยค Past simple tense และ Past continuous tense (อดีตกาล)  ได้เลยค่า โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของประธานกับกริยาด้วยนะคะ เช่น

I was a fat girl before.
ฉันเป็นเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆมาก่อน

He was washing dishes when I called him.
เขากำลังล้างจานอยู่ตอนที่ฉันโทรหา

They were at home.
เขาอยู่ที่บ้าน (ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว)

โครงสร้างประโยคคำถามที่เราต้องรู้ คือ

Verb to be + Subject + Object/ Complement….?

 

ตัวอย่างประโยค

ประโยคบอกเล่า: Emily is going to the zoo.
แปล เอมมิลี่กำลังจะไปสวนสัตว์
ประโยคคำถาม: Is Emily going to the zoo?
แปลว่า เอมมิลี่จะไปสวนสัตว์มั้ย
อธิบายเพิ่มเติม: เอมมิลี่เป็นประธาน, is เป็น V. to be, going มาจาก go + .ing แปลว่า กำลังไป

คำนามเอกพจน์และพหูพจน์คืออะไร

 

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ (5)

คำนามในภาษาอังกฤษจะมี 2 รูป คือเอกพจน์และพหูพจน์

คำนามเอกพจน์ (singular noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป
เช่น a book, a pencil, a girl ส่วนคำนามพหูพจน์ (plural noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดอีกแบบก็คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไปนั่นเองค่ะ ด้วยการเติม s หรือ es ต่อท้าย อย่างเช่น cats, tables, pens หรือบางคำก็ใช้การเปลี่ยนตัวอักษรแทน เช่น จาก foot เป็น feet

 

A child – children  เด็ก

A tooth – teeth ฟัน

A goose – geese ห่าน

A mouse – mice หนู

 

ตัวอย่างคำนามเอกพจน์และพหูพจน์

 

A cat   – แมวหนึ่งตัว
Two cats –  แมวสองตัว

A table–โต๊ะหนึ่งตัว
Four tables– โต๊ะสี่ตัว

A woman–ผู้หญิงหนึ่งคน
Many women–ผู้หญิงหลายคน
car – cars รถ

bag – bags กระเป๋า

table – tables โต๊ะ

house – houses บ้าน

dog – dogs สุนัข

 

คำนามนับได้และนับไม่ได้

ป.5 การใช้ V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ (6)

ในภาษาอังกฤษ คำนามจะแบ่งออกเป็นคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้

คำนามนับได้ (countable noun) คือคำนามที่นับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้
ตัวอย่างเช่น

Bird (นก) – นับได้ว่ากี่ตัว

คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) คือคำนามที่เรามักจะมองเป็นภาพรวมหรือเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า
ตัวอย่างเช่น

Sugar (น้ำตาล) – เราจะไม่นับน้ำว่ามีกี่เม็ดเพราะมันคงยากมากๆ

Hair (เส้นผม) – เราจะไม่นับข้าวว่ามีกี่เส้น

 

ในภาษาอังกฤษ เมื่อไม่ได้ระบุปริมาณชัดเจน ผู้ฟัง/ผู้อ่านอาจอาศัยการดูพจน์ของคำนาม เพื่อให้รู้ว่าผู้พูด/ผู้เขียนหมายถึงปริมาณหนึ่งหน่วย หรือมากกว่าหนึ่งหน่วย ยกตัวอย่างเช่น

คำนามเอกพจน์ คำนามพหูพจน์
Rat Rats
Girl Girls
Boy Boys
Book Books
Town Towns
Dream Dreams

 

นอกจากนี้คำนามที่เป็นพหูพจน์อื่นๆ เช่น คำที่ลงท้ายด้วย ves
เกิดจากการที่เราเปลี่ยน f เป็น ve แล้วเติม s

  • half – halves ครึ่ง
  • hoof – hooves เท้าสัตว์
  • calf – calves ลูกวัว
  • elf – elves เอลฟ์
  • shelf – shelves ชั้นวาง
  • leaf – leaves ใบไม้
  • thief – thieves ขโมย
  • wolf – wolves หมาป่า
  • knife – knives มีด
  • scarf – scarves ผ้าพันคอ
  • wife – wives ภรรยา

 

ถ้านักเรียนเจอคำนามที่ลงท้ายด้วย y ตามหลังสระ ให้นักเรียนเติม s ได้เลยจะทำให้คำนามนั้นเป็นพหูพจน์นะคะ

  • day – days วัน
  • holiday – holidays วันหยุด
  • toy – toys ของเล่น
  • key – keys กุญแจ
  • donkey – donkeys ลา

คำนามที่ลงท้ายด้วย y ที่ตามหลังพยางค์ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
ได้เลยจะทำให้คำนามนั้นเป็นพหูพจน์นะคะ ตัวอย่างเช่น

  • city – cities เมือง
  • candy – candies ลูกกวาด
  • country – countries ประเทศ
  • family – families ครอบครัว
  • cherry – cherries ลูกเชอร์ลี่
  • lady – ladies สุภาพสตรี
  • puppy – puppies ลูกสุนัข
  • party – parties ปาร์ตี้

ถ้าเจอพยางค์ที่ตามด้วย o ให้นักเรียนเติม es ที่ท้ายคำได้เลยค่ะจะทำให้นามนั้นเป็นพหูพจน์
ตัวอย่างเช่น คำต่อไปนี้

  • potato – potatoes มันฝรั่ง
  • tomato – tomatoes มะเขือเทศ
  • hero – heroes ฮีโร่
  • domino – dominoes โดมิโน
  • mosquito – mosquitoes ยุง
  • volcano – volcanoes ภูเขาไฟ

ยกเว้นคำเหล่านี้นะคะ ให้นักเรียนเติม s ได้เลย:

  • piano – pianos เปียโน
  • photo – photos ภาพถ่าย
  • halo – halos  รัศมี
  • soprano – sopranos  นักร้องเสียงโซปราโน

 

เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน พอจะเข้าใจ การใช้กริยา V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ ขึ้นมาบ้างหรือยังเอ่ย นักเรียนสามารถย้อนดูบทเรียนย้อนหลังฟรีๆได้บนยูทูปเลยนะคะ

คลิกปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจ้า

 

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ศึกษาตัวบทและคุณค่า

หลังได้เรียนรู้ความเป็นมาและเรื่องย่อของบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก กันไปแล้ว ในบทนี้ น้อง ๆ จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวบทเด่น ๆ ที่น่าสนใจในเรื่อง พร้อมทั้งจะได้ตามไปดูคุณค่าของเรื่องว่ามีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปศึกษาเรื่องนี้พร้อมกันเลยค่ะ   ศึกษาตัวบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก     เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ์       พิศพักตร์ผ่องเพียงแขไข

มงคลสูตร

รอบรู้เรื่องมงคลสูตรคำฉันท์ วรรณคดีพระพุทธศาสนาที่มาของหลักมงคล 38

บทนำ   สวัสดีน้อง ๆ ทุกคนกลับมาพบกับบทเรียนภาษาไทยที่น่าสนใจอีกเช่นเคย สำหรับเนื้อหาวันนี้เราจะขอหยิบยกวรรณคดีพระพุทธศาสนามาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันบ้าง ซึ่งวรรณคดีที่เราได้เลือกมานั่นก็คือเรื่อง มงคลสูตรคำฉันท์ เชื่อว่าน้อง ๆ มัธยมปลายหลายคนคงจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นวรรณคดี ที่สอนบรรทัดฐานของการกระทำความดีตามวิถีของชาวพุทธ และเป็นที่มาของหลักมงคล 38 ประการด้วย ดีงนั้น เดี๋ยววันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปรู้จักกับวรรณคดีเรื่องนี้ให้มากขึ้น ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวเข้าสู่เนื้อหากันได้เลย     ประวัติความเป็นมา เรื่อง

M6 Phrasal Verbs

Phrasal Verbs 

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.6 ที่รักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้กันเรื่อง “Phrasal Verbs“ กันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด   ความหมาย Phrasal Verbs  Phrasal Verbs คือ คำกริยา โดยเป็นกริยาที่มีคำอื่นๆ อย่างเช่น คำบุพบท (Preposition) ร่วมกันส่วนใหญ่แล้ว Phrasal Verbs จะบอกถึงการกระทำ มักจะเจอในชีวิตประจำวันในสถานการณ์ทั่วไป ไม่เป็นทางการมาก ข้อดีคือจะทำให้ภาษาใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากขึ้นนั่นเองจ้า

Tense and time

การใช้ Tenses ในภาษาอังกฤษ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา

สวัสดีค่ะนักเรียนม.  1 ที่น่ารักทุกคนวันนี้ครูจะพาไปรู้จักกับ การใช้ Tense ต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษกัน ก่อนอื่นมารู้จักTenses กันก่อน Tenses อ่านว่า เท้นสฺ ถ้าเป็นคำ Adjective หรือคุณศัพท์จะแปลว่าหนักหนาสาหัส แต่ถ้าเป็นคำนาม (Noun) จะแปลว่า กาลเวลาค่ะ หัวใจของการเรียนเรื่อง Tense คือ กริยา(verb) เมื่อกริยาเปลี่ยนไปเวลาและเงื่อนไขการใช้งานของ

ฟังเพื่อจับใจความ

วิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะ 3 วิธีที่จะช่วยให้เราฟังเพื่อจับใจความได้อย่างดี

บทนำ สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน สำหรับเนื้อหาในบทเรียนภาษาไทยวันนี้ต้องขอบอกเลยว่าสนุก และไม่หนักจนเกินไป เพราะเป็นเรื่องของทักษะการฟังเพื่อจับใจความที่เราสามารถฝึกฝน เรียนรู้ แล้วนำไปใช้ในการเรียน หรือการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ โดยวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าการฟังเพื่อจับใจความมันคืออะไร แตกต่างไปจากการฟังแบบทั่วไปอย่างไร แล้วลักษณะของการฟังเพื่อจับใจความมีอะไรบ้าง ถ้าทุกคนพร้อมแล้วอย่ารอช้าเรามาเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาในวันนี้กันเลยดีกว่า     กระบวนการในการฟังของมนุษย์ การฟังเป็นกระบวนการรับสารของมนุษย์อีกอย่างหนึ่งที่ใช้ในการสื่อสาร มนุษย์ใช้กระบวนการรับรู้เสียงต่าง ๆ ผ่านหู และใช้สมองในการแปลความหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมนุษย์มีกระบวนการเรียนรู้อยู่หลัก ๆ  5 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1