Causatives: Have and Get Something Done

สวัสดีน้องๆ ม. 6 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้ไวยากรณ์เรื่อง Causatives หรือการใช้ Have/Get Something Done ที่น้องๆ บางคนอาจจะสงสัยว่าคืออะไร ลองไปดูกันเลยครับ
causatives

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

Causatives คืออะไร?

 

ไวยากรณ์ของวันนี้มีชื่อเรียกแบบหรูหราว่า Causatives ครับ ซึ่งเราจะใช้กริยา Causative เมื่อเราต้องการบอกถึง “สิ่งที่คนอื่นทำให้เรา” โดยเราซึ่งเป็นประธานไม่ได้ทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง อาจจะเป็นการที่เราจ่ายเงิน ขอร้อง หรือโน้มน้าวให้คนอื่นมาทำบางสิ่งให้เรานั่นเองครับ

ลองดูประโยคตัวอย่างนี้

I cut my hair. (ฉันตัดผมของฉัน)

ประโยคนี้หมายถึงเราทำเองครับ

 

สมมติว่าเราจ่ายเงินให้ช่างมาตัดให้ เราอาจพูดได้ว่า

A barber cuts my hair.

(ช่างตัดผมตัดผมของฉัน)

 

แต่เราสามารถทำให้ประโยคด้านบนนั้นอยู่ในรูป Causative ได้ โดยพูดว่า

I have my hair cut.

(ฉันตัดผม แปลตามตัวจะได้ว่า “ฉันเอาผมไปตัด”)

โดยการใช้ Causative นั้นคือการที่เราต้องการจะเน้นว่า ผมถูกตัด โดยที่ไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนตัดนั่นเองครับ

 

โครงสร้างของ Causatives

 

causative form

*Past Participle คือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของ กริยาช่องที่ 3 นั่นเองครับ

 

ตัวอย่างการใช้ในชีวิตประจำวัน

 

ในประโยค Causative นั้นเราสามารถใช้ได้ทั้ง Have และ Get โดยที่ความหมายยังเหมือนเดิมทุกประการ แต่ Get จะมีความเป็นทางการน้อยกว่า และกริยาทั้งสองตัวจะผันตาม Tense ของประโยคครับ

ตัวอย่าง

I had my ears checked yesterday. (ฉันไปตรวจหูมาเมื่อวานนี้)

แปลตามตัวคือ ฉันเอาหูไปตรวจเมื่อวาน (ซึ่งไม่ได้ตรวจเอง อาจจะตรวจโดยแพทย์หรือพยาบาล)

ears checked

 

John will get his car fixed tomorrow. (จอนจะเอารถไปซ่อมพรุ่งนี้)

จอนไม่ได้ซ่อมเอง เขาจะเอาไปให้คนอื่นซ่อมให้

car fixed

 

We’re going to have our documents certified. (เรากำลังจะเอาเอกสารไปรับรอง)

เราไม่ได้รับรองเอกสารเอง แต่เอาไปให้คน หน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่รับรองให้

documents certified

 

She got her hair dyed. (เธอย้อมสีผม)

เธอไม่ได้ย้อมเอง แต่ให้คนอื่นย้อมให้

hair dyed

 

I had my house cleaned last week. (ฉันทำความสะอาดบ้านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว)

เน้นว่าฉันไม่ได้ทำเอง อาจจะจ้างแม่บ้านมาทำให้

house clean

 

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับไวยากรณ์เรื่อง Causative เป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ยาก ซึ่งน้องๆ จะเจอในข้อสอบ Grammar บ่อยมากครับ โดยน้องๆ สามารถดูวิดีโอเพิ่มเติมจากช่องของ NockAcademy ได้ด้านล่างเลยครับ

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

การใช้ There is และ There are ในประโยคคำถาม

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้น ม.2 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง “การใช้ There is There are ในประโยคคำถาม ” กันจ้า ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยเด้อ   There is/There are คืออะไร   There is และ There are แปลว่า

เรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องประโยคซับซ้อนอย่างง่าย

น้อง ๆ หลายคนคงจะรู้โครงสร้างของประโยคกันอยู่แล้ว คือจะมีประธาน กริยา กรรม เป็นส่วนประกอบ แต่ในชีวิตจริงเราไม่ได้พูดกันตามโครงสร้างเสมอไป เพราะจะมีส่วนขยายมาเพิ่มความมากขึ้นเพื่อให้ผู้พูดและผู้รับฟังสื่อสารกันได้อย่างเข้าใจมากขึ้นจนบางครั้งก็อาจทำให้ดูซับซ้อนจนไม่รู้ว่าเป็นประโยคแบบไหนและอะไรคือใจความสำคัญของประโยค บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปทำความรู้จักกับเรื่อง ประโยคซับซ้อน ทั้งประโยคความเดียวซับซ้อน ประโยคความรวมซับซ้อน และประโยคความซ้อนซับซ้อน ประโยคแต่ละชนิดจะเป็นอย่างไร ไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ ประโยคเอย จงซับซ้อนยิ่งขึ้น !   ประโยคซับซ้อน

การสร้างตารางค่าความจริง

บทความนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างตารางค่าความจริงของประพจน์ เป็นเนื้อหาที่ไม่ยากมากหลังจากน้องๆได้อ่านบทความนี้แล้ว น้องๆจะสามารถสร้างตารางค่าความจริงได้ สามารถบอกได้ว่าประพจน์แต่ละประพจน์เป็นจริงได้กี่กรณีและเป็นเท็จได้กี่กรณี และจะทำให้น้องเรียนเนื้อหาเรื่องต่อไปได้ง่ายยิ่งขึ้น

Profile-even if-only if- unless grammartical techniques

Even if, Only If, Unless ใช้ยังไงในภาษาอังกฤษ

  สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.  6 ทุกคน วันนี้ครูมีเทคนิคการใช้ Even if, Only if, Unless มาฝากกันค่ะ หลายคนที่อาจจะเคยคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว แต่อาจะจะลืมไปหรือบางคนอาจจะยังไม่เคยเรียนเลย ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เราจะเริ่มกันใหม่ ไปลุยกันเลย ความหมายโดยรวมของ Even if, Only if, Unless คือ คำสันธานที่ใช้เชื่อมความขัดแย้งของประโยคเงื่อนไข ย้ำนะคะว่า

โวหารภาพพจน์ กลวิธีการสร้างจินตภาพที่ลึกซึ้งและสวยงาม

การสร้างจินตภาพอย่างการใช้ โวหารภาพพจน์ เป็นกลวิธีในการใช้ภาษาอีกอย่างหนึ่ง เลือกใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ หรืออาจเรียกว่าเป็นการแทนภาพนั่นเอง น้อง ๆ คงจะพบเรื่องของโวหารภาพพจน์ได้บ่อย ๆ เวลาเรียนเรื่องวรรณคดี บทเรียนในวันนี้เลยจะพาไปทำความรู้จักกับภาพพจน์ต่าง ๆ ให้มากขึ้นว่ามีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ความหมายของภาพพจน์     ภาพพจน์ คือถ้อยคำที่เป็นสำนวนโวหารทำให้นึกเห็นภาพ ถ้อยคำที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิงเป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด เป็นกลวิธีทางภาษาที่มุ่งให้เกิดความรู้ความเข้าใจจินตนาการ เน้นให้เกิดอรรถรสและสุนทรีย์ในการสื่อสารที่ลึกซึ้งกว่าการบอกเล่าแบบตรงไปตรงมา  

คำสมาสแบบสมาส คำสมาสแบบสนธิ

เรียนรู้หลักการสร้างคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิ

บทนำ คำสมาส และคำสนธิ ถือว่าเป็นหนึ่งบทเรียนในหลักภาษาไทยของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องยาก และปราบเซียนในการสอบสุด ๆ เนื่องจากว่าเราจะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่อง คำบาลี สันสกฤตเพื่อให้สามารถแยกแยะคำ หรือสร้างคำใหม่ได้ รวมไปถึงต้องจำหลักการอ่านเชื่อมเสียงแบบต่าง ๆ จึงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่ามันยากมาก แต่จริง ๆ แล้วน้อง ๆ หลายคนอาจเคยได้ยินหลักการจำที่ว่า “คำสมาสนำมาชน สนธินำมาเชื่อม” ซึ่งเป็นวิธีที่น้อง ๆ ควรจะใช้เป็นแนวทางในการจำอย่างเข้าใจ ดังนั้น เพื่อเป็นการเรียนรู้เรื่องคำสมาสแบบสมาส และคำสมาสแบบสนธิให้เข้าใจมากขึ้น

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1