ลักษณะของ Present Simple
โครงสร้างของ Present Simple คือ ประธาน (Subject) ตามด้วยกริยาทั่วไปในรูปปัจจุบัน (Verbs in Present Form) หรือน้องๆ อาจะคุ้นเคยในชื่อกริยาช่องที่ 1 และถ้าเป็น Verb to be ก็จะใช้รูป is, am, are
ตัวอย่าง
I communicate in English sometimes.
(ฉันสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเป็นครั้งคราว)
You speak very good English.
(คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก)
They appreciate his help.
(พวกเขาซาบซึ้งกับการช่วยเหลือของเขา)
We are all equal.
(เราทุกคนเท่าเทียมกัน)
หากประธานเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 (He, She, It) ชื่อคน หรือสิ่งที่เป็นเอกพจน์ กริยาจะต้องเติม -s หรือ -es เช่น
He loves dancing and exercising.
(เขารักในการเต้นและการออกกำลังกาย)
She forgets to call him back.
(เธอลืมโทรกลับหาเขา)
Mika does a part-time job as a dish washer.
(มิกะทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานล้างจาน)
The train arrives at 10 pm.
(รถไฟมาถึงเวลาสี่ทุ่ม)
การใช้งาน Present Simple
เรามักจะใช้ Present Simple เพื่อบอกความจริง เรื่องทั่วไป นิสัยและสิ่งที่ทำเป็นประจำ ตารางเวลา บางครั้งใช้กับเหตุการณ์ที่แน่นอนในอนาคตอันใกล้ได้ด้วย
1) ใช้เพื่อบอกความจริง พูดถึงความจริงในปัจจุบัน เช่น
Bangkok is a capital city of Thailand.
(กรุงเทพคือเมืองหลวงของประเทศไทย)
It always rains in May.
(ฝนตกตลอดในเดือนพฤษภาคม)
Many trees lose their leaves in Autumn.
(ต้นไม้หลายชนิดผลัดใบในฤดูใบไม้ร่วง)
2) ใช้บอกสิ่งที่ทำเป็นประจำ เป็นกิจวัตร เช่น
I always go to the gym every weekend.
(ฉันไปยิมเป็นประจำทุกสัปดาห์)
He never skips the school.
(เขาไม่เคยโดดเรียนเลย)
She travels to Singapore once a month.
(เธอไปเที่ยวที่สิงคโปร์เดือนละครั้ง)
3) ตารางเวลาหรือเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน เช่น
The train to Chiang Mai leaves at 9 pm tonight.
(รถไฟที่จะไปเชียงใหม่ออกเดินทางเวลาสามทุ่ม)
The orientation starts at 9 o’clock.
(การปฐมนิเทศเริ่มตอนเก้าโมง)
The second semester starts next week.
(ภาคเรียนที่สองเริ่มอาทิตย์หน้า)
Present Simple ในรูปปฎิเสธ
การทำให้ Present Simple อยู่ในรูปปฎิเสธนั้นทำได้โดย
1) ใช้ do/does + not มาช่วย หากเป็นกริยาทั่วไป (ใช้ do หรือ does ให้ดูประธาน)
2) เติม not ได้เลย หากเป็น Verb to be (is/am/are)
ตัวอย่าง
The bus does not arrive at 11 am.
(รถบัสไม่มาตอนสิบเอ็ดโมง)
Singapore is not a big country.
(สิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศขนาดใหญ่)
They do not want to go to the cinema.
(พวกเขาไม่อยากไปโรงภาพยนตร์)
He does not practise hard enough.
(เขาฝึกไม่หนักมากพอ)
Present Simple ในรูปคำถาม
คล้ายๆ กับรูปปฎิเสธ น้องๆ สามารถทำได้โดย
1) เอา do/does มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประธานและกริยา
2) นำ Verb to be มาขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประโยคที่เหลือ
3) ห้ามลืมเครื่องหมายคำถาม (?) ท้ายประโยค
ตัวอย่าง
Do you speak English?
(คุณพูดภาษาอังกฤษไหม?)
Does Lilly want to join our party?
(ลิลลี่อยากเข้าร่วมปาร์ตี้ของเราหรือเปล่า?)
Is Harry a good student?
(แฮร์รี่เป็นนักเรียนที่ดีไหม?)
Adverbs of Frequency
ในประโยคที่เป็น Present Simple น้องๆ มักจะพบคำที่บอกความถี่ (Adverbs of Frequency) ในประโยค เช่น
I always check my emails in the morning.
(ฉันเช็คอีเมลเป็นประจำทุกเช้า)
Laura usually stay at home during the pandemic.
(ลอร่าอยู่ที่บ้านในช่วงโรคระบาดเสมอๆ)
It occasionally snows in winter.
(หิมะตกเป็นบางครั้งในช่วงฤดูหนาว)
She seldom attends a meeting.
(เธอไม่ค่อยเข้าร่วมประชุม)
George never participates in group activities.
(จอร์จไม่เคยให้ความร่วมมือในกิจกรรมกลุ่มเลย)
Adverbs of Frequency ที่มักพบบ่อยๆ มีดังนี้
หรือบางครั้งน้องๆ อาจจะเจอคำบอกความถี่แบบเจาะจง เช่น
Thai people celebrates Thai New Year or ‘Songkran’ every year.
(คนไทยเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ทุกปี)
Monica and I go to the theatre every month.
(โมนิกาและฉันไปโรงละครทุกเดือน)
We go out for Chinese food weekly.
(พวกเราออกไปทานอาหารจีนทุกสัปดาห์)
หรือคำอื่นๆ เช่น every day, daily, once a week, twice a month, hourly, annually, etc.
อย่างที่บอกน้องๆ ไปนะครับว่า Present Simple นั้นเป็นอะไรที่เราจะเจอบ่อยมากๆ ฉะนั้นจงหมั่นทบทวนและใช้อย่างถูกต้องกันนะครับ